นางร้ายอันดับหนึ่ง 1.2
“คุณตาค่ะ ไหวไหมคะ เดี๋ยวฉันจะพยุงไปนั่งที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อนนะคะ” หญิงสาวพูดขึ้นมาอย่างอ่อนโยน เมื่อกวาดสายตาไปพบชุดหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ จากนั้นจึงรีบพาชายชราคนนี้ไปนั่งลง ในใจเธอก็บ่นลูกหลานของคุณตาคนนี้ ที่ปล่อยให้คนแก่ออกมาจากบ้าน
“ขอบใจมากแม่หนู” ชายชราตอบกลับเสียงแหบพร่า แล้วพยักหน้าให้หญิงสาวพยุงไปนั่งแต่โดยดี
“คุณตาหิวน้ำใช่ไหมคะ รอฉันแป๊บหนึ่งนะคะ เดี๋ยวฉันจะไปซื้อน้ำมาให้”
เมื่อมาถึงก็เห็นว่าคุณตาคนนี้เหมือนอยากจะดื่มน้ำ เธอจึงพูดออกมาอย่างใส่ใจ จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ร้านขายของชำที่อยู่ไม่ไกล นอกจากได้น้ำมาแล้ว ยังได้ของกินมาอีกหลายอย่าง
จากนั้นจึงกลับมาเพื่อเอาของทุกอย่างที่ซื้อมาให้กับชายชราตรงหน้าทันที
“ดื่มน้ำก่อนค่ะคุณตา” เธอหยิบขวดน้ำออกมาจากถุงแล้วรีบเปิดแล้วส่งให้ชายชรา
หลังจากดื่มน้ำเสร็จแล้ว ชายชราคนนี้ก็ยิ้มกว้างแล้วพูดขอบคุณหญิงสาวอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบใจมากนะ ตาไม่มีอะไรจะตอบแทนเลย อ้อ...ตามีเพียงสร้อยที่ถักเอง หากไม่รังเกียจก็ช่วยรับไว้หน่อยได้ไหม”
พูดจบชายชราก็ยื่นเชือกถักสำหรับข้อมือสีแดงส้มให้กับเธอ
“ยินดีค่ะ สร้อยสวยมาก ขอบคุณมากนะคะ ว่าแต่คุณตาจะให้ฉันไปส่งที่บ้านหรือเปล่า ฉันไปส่งได้นะ” สุพิชญารับมาสร้อยถักมาอย่างไม่รังเกียจ ในใจก็คิดว่าคุณตาคนนี้คงถักด้วยตัวเอง และมันไม่มีค่างวดอะไรเธอจึงรับมาเพื่อรักษาน้ำใจอีกฝ่าย เพราะถ้าเป็นของราคาแพง เธอคงไม่รับมาเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรหรอก บ้านตาอยู่ไม่ไกล เดี๋ยวค่อย ๆ เดินกลับไปเองได้ แม่หนูกลับบ้านเถอะ ตาขอให้แม่หนูเดินทางปลอดภัยนะ” ชายชราพูดออกมาอย่างคนแก่ใจดี พร้อมกับยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น
สุพิชญาได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ “ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อนนะคะ ขอบคุณสำหรับสร้อยข้อมือเส้นนี้”
เธอพูดพร้อมกับชูข้อมือที่ใส่สร้อยถักเรียบร้อยแล้วให้อีกฝ่ายดู ก่อนจะโบกมือลาอีกครั้งแล้วเดินกลับมาที่รถของตนเอง
ชายชรามองตามไปพร้อมรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นหากหญิงสาวหันกลับมาเห็นคงขนลุกน่าดู
“ฉันช่วยเธอได้เท่านี้นะ หลี่ชิงเหยา” ชายชราพูดออกมาอย่างแผ่วเบา พูดจบร่างของชายชราก็หายไปจากตรงนั้น
หลังจากกลับมาถึงบ้าน หญิงสาวก็บอกแม่บ้านให้ทำอาหารให้ เนื่องจากในตอนที่เล่นฉากสุดท้ายนั้นเธอเสียพลังงานไปเยอะ ถึงแม้ว่าคืนนี้จะมีกินเลี้ยงปิดกล้อง แต่ตอนนี้ขอกินข้าวรองท้องก่อนก็แล้วกัน
“ป้าสาค่ะ พลอยหิวข้าวมากเลย วันนี้มีอะไรกินบ้างคะ” หญิงสาวพูดกับแม่บ้านที่ดูแลเธอมานาน น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นช่างออดอ้อนเสียจริง ทำเอาแม่บ้านอย่างสาริการีบเข้ามาหาอย่างทันที
“คุณพลอยอยากกินอะไรคะ อาหารเย็นยังไม่เสร็จซะด้วยสิ แต่เดี๋ยวป้าจะทำให้กินก่อนนะคะ” ป้าสาพูดขึ้นมาอย่างใส่ใจ
“พลอยอยากกินข้าวผัดกะเพราหมูกับไข่เจียวค่ะ รบกวนทำให้พลอยหน่อยนะคะ ตอนนี้หิวข้าวมากเลย” เธอพูดไปก็ทำท่าเบ้ปากเล็กน้อยพร้อมกับลูบท้องให้ดูว่ากำลังหิวมากจริง ๆ ภาพนี้สร้างความเอ็นดูให้กับสาริกาไม่น้อยเลยทีเดียว
“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวป้าสาจะทำให้นะคะ คุณหนูไปรอที่ห้องก่อนได้เลย ถ้าทำเสร็จแล้วป้าสาจะให้นังเปียไปตามที่ห้องนะคะ” สาริกาพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มเอ็นดูคนตรงหน้า
สาริกามองคุณหนูพลอยของตนอย่างรักใคร่พร้อมกับคิดในใจ ‘โตขนาดนี้แล้วไม่คิดว่าคุณหนูจะยังทำตัวไม่ต่างกับเด็กน้อยในวันวาน ทุกครั้งที่หิวข้าวก็มักจะออดอ้อนแบบนี้เสมอ ช่างน่ารักจริง ๆ เลย ’ เธอคิดอย่างเอ็นดู นั่นเพราะว่าเธอเลี้ยงคุณหนูพลอยมาด้วยตัวเองอย่างไรล่ะ
ความจริงแล้วบ้านนี้มีเจ้านายทั้งหมดสี่คน คุณผู้ชาย คุณนาย คุณเมฆ และคุณหนูพลอยนี่แหละ คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายไม่ค่อยอยู่บ้าน เพราะมักจะบินไปติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศบ่อยครั้ง แต่ก็อยู่ในโซนเอเชียเพราะดูแลกิจการที่มี ส่วนคุณเมฆไม่ต้องพูดถึง รายนั้นดูแลกิจการที่เหลือของตระกูล จนไม่ค่อยมีเวลาได้กลับบ้าน
ส่วนคุณหนูพลอยนั้นเป็นดั่งไข่ในหินของครอบครัว น้อยคนนักที่จะรู้ว่านักแสดงสาวคนนี้ คือทายาทของนักธุรกิจหมื่นล้าน!! เพราะเธอชอบทำตัวตามสบาย กินง่าย อยู่ง่าย และไม่ถือตัว
หลังจากขึ้นมาบนห้องส่วนตัวแล้ว สุพิชญาไม่ได้พักผ่อนอย่างที่ตั้งใจไว้สักเท่าไร เพราะเธอขึ้นมาบนเตียงกว้างพร้อมกับหยิบเอาหนังสือนิยายเล่มเดิมขึ้นมาอ่านด้วย
“อ่านนิยายต่อดีกว่า” พูดจบเธอก็เปิดหน้าที่อ่านค้างไว้มาอ่านต่อ
แต่ทว่าไม่รู้ว่าเหนื่อยจนเกินไปหรือว่าง่วงกันแน่ ถึงทำให้หญิงสาวหลับใหลไป โดยมีนิยายเล่มนั้นปิดใบหน้าไว้
