นางร้ายอันดับหนึ่ง 1.1
บทที่ 1 นางร้ายอันดับหนึ่ง
สุพิชญาหรือพลอย นางร้ายเบอร์ต้น ๆ ของเมืองไทย ขณะนี้กำลังนั่งอ่านนิยายเรื่องหนึ่งเพื่อฆ่าเวลา แต่ทว่ายิ่งอ่านก็ยิ่งหงุดหงิด เมื่อนางร้ายของเรื่องกลับโง่จนไม่รู้จะหาคำไหนมาเปรียบ
“เป็นนางร้ายแทนที่จะฉลาด แต่กลับโง่ถูกนางเอกของเรื่องจูงจมูก น่าเบื่อจริง” หญิงสาวพูดออกมาอย่างหงุดหงิด แต่ต่อให้จะพูดแบบนั้น เธอก็ไม่ยอมวางหนังสือนิยายลง แถมยังอ่านต่ออย่างออกรส
“พลอย เย็นนี้มีเลี้ยงปิดกล้อง เธอจะไปด้วยกันไหม” แก้วตาเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เมื่อเห็นว่าเพื่อนนักแสดงกำลังอ่านนิยายเรื่องเดียวกันอยู่ ก็ถามออกมาอย่างแปลกใจ
“เธออ่านนิยายเรื่องนี้ด้วยเหรอ ฉันอ่านแล้วหงุดหงิดมาก นางเอกก็สตอทั้งสวน ส่วนนางร้าย เห้อ อย่าให้พูดถึงเลย” เธอพูดขึ้นพร้อมกับถอดหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“นั่นสิ ฉันอ่านแล้วก็หงุดหงิดเหมือนกัน ว่าแต่เมื่อตะกี๊เธอพูดอะไรนะ วันนี้มีเลี้ยงปิดกล้องเหรอ?” หญิงสาวพูดออกมาอย่างเห็นด้วยในเรื่องนิยาย และเธอก็ลืมไปเสียสนิทว่าวันนี้ปิดกล้องแล้ว นั่นก็เป็นเพราะเธอยังไม่ทันได้เข้าฉากสุดท้ายเลย
“ก็ใช่น่ะสิ วันนี้ปิดกล้องแล้วจะมีงานเลี้ยงด้วย อย่าบอกนะว่าเธอลืมไปเสียแล้ว” แก้วตาถามกลับไปด้วยความมึนงง “ทั้งที่ผู้จัดแจ้งเมื่อวานว่าวันนี้จะมีกินเลี้ยงปิดกล้องกัน ไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนขี้ลืมขนาดนี้” เธอพูดไปก็ค้อนใส่เพื่อนไปด้วย
“ฉันลืมไปเสียสนิทเลย มัวแต่อ่านนิยายอยู่นี่แหละ จะว่าไปเรื่องนี้ผู้เขียนเขาต้องการให้นางร้ายโง่และน่าสงสารขนาดนี้เลยเหรอ” สุพิชญาตอบกลับมาพร้อมส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่อคิดถึงคนเขียนนิยายเรื่องนี้ หากมีช่องทางการติดต่อ เธอคงจะถามแล้วล่ะว่า ทำไมถึงเขียนให้นางร้ายน่าสงสารเหลือเกิน
“ฉันคิดว่าคงเมาตัวหนังสือน่ะเลยเขียนบทสลับกัน นางเอกก็ร้ายลึกแบบแม่ดอกบัวขาวดี ๆ นี่เอง ส่วนนางร้ายก็โง่ โง่เสียจนน่าสงสาร” แก้วตาตอบออกมาตามความรู้สึกของตนเอง
ทั้งสองพูดคุยและสนทนากันเรื่องนิยายกันอย่างสนุกปาก เมื่อถึงเวลาที่สุพิชญาต้องเข้าฉากสุดท้าย ก็มีคนในกองเดินเข้ามาตามเธอ
“คุณพลอย ถึงเวลาเข้าฉากสุดท้ายแล้วค่ะ” คนของกองถ่ายบอกออกมาอย่างเป็นกันเอง
“ถ้างั้นฉันไปก่อนนะแก้ว น่าเสียดายจังอ่านนิยายก็ยังไม่จบคุยกับเธอก็ยังไม่จบ แต่ต้องไปทำงานแล้ว เห้อ” พอเห็นว่าตัวเองถึงเวลาที่ต้องเข้าฉากแล้ว หญิงสาวก็เกิดความเสียดายเพราะอ่านนิยายไม่ทันถึงไหนเลย แล้วที่ตั้งใจจะคุยกับเพื่อนต่อ ก็พูดคุยอีกไม่ได้แล้ว จึงพูดออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“อือ ไปทำงานก่อนเถอะ ยังไงเจอกันคืนนี้นะ ฉันเองต้องกลับก่อน คืนนี้ค่อยเม้าท์มอยในงานก็แล้วกัน” แก้วตาเองก็พูดออกมาอย่างเสียดายเหมือนกัน จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนโบกมือให้เพื่อน ก่อนจะเดินออกมาจากกองถ่ายละคร เพราะเธอเองก็ถ่ายหมดทุกฉากแล้วเหมือนกัน ตอนนี้เหลือแค่เพื่อนรักอย่างสุพิชญาหรือพลอยที่ต้องถ่ายฉากสุดท้ายของละครเรื่องนี้
“โอเค ถ้าอย่างนั้นเจอกันคืนนี้นะ”
สุพิชญาหรือพลอยพูดขึ้นมาอย่างไม่คิดมากอะไร จากนั้นก็เดินไปทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จสิ้น เธอตั้งใจว่าถ่ายละครเรื่องนี้จบแล้ว จะไปพักผ่อนที่ต่างประเทศสักครึ่งเดือน แล้วค่อยกลับมาลุยงานต่อ ตอนนั้นละครเรื่องใหม่ก็ได้เวลาเปิดกล้องพอดี
“เห้อ...ในที่สุดก็ปิดกล้องเสียที” หญิงสาวพูดออกมาอย่างเหนื่อยล้าพร้อมกับเดินบิดเอวออกมา หลังจากที่ถ่ายฉากสุดท้ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“นั่นสิคะพี่พลอย หลังจากนี้อีกนานกว่าจะเจอกันอีก ถ้าเรื่องหน้าได้ทำงานด้วยกันอีกก็ดีน่ะสิ” คนในกองพูดอย่างเสียดาย เพราะทำงานมาก็หลายปี และเธอคิดว่าทำกับกองละครเรื่องนี้สนุกที่สุดแล้ว
“เอาน่า อยู่วงการนี้เดี๋ยวก็เจอกัน พี่ปัทอาจจะชวนพี่มาเล่นบทนางร้ายอีกก็ได้ เพราะพี่ร้ายได้สะใจดีใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ” สุพิชญาพูดออกมาคล้ายติดตลกเล็กน้อย ในใจก็หวังว่าจะให้ผู้จัดคนนี้จะจ้างงานเธออีก เพราะทีมงานนี้นิสัยน่ารักทุกคน
“ใช่ค่ะ พี่เล่นตีบทแตกมากเลย เล่นละครเก่งแบบพี่พลอยไงล่ะ ถึงมีแต่ผู้จัดต้องการตัว ว่าแต่ยังไงคืนนี้เจอกันที่งานเลี้ยงปิดกล้องนะคะ มาดื่มคลายเครียดกันหน่อย” ทีมงานในกองคนนี้พูดขึ้นมาอย่างสนิทสนมเพราะทำงานกันมานาน เธอโบกมือบ๊ายบายให้กับนางร้ายตัวแม่ ก่อนจะรีบเดินจากไปเพราะยังมีงานที่จะต้องทำอีก
ส่วนสุพิชญา เมื่อพูดคุยกับคนในกองเสร็จแล้ว เธอก็เดินมาที่รถเพื่อจะกลับบ้านไปพักผ่อนเสียหน่อยแล้วค่อยไปที่งานเลี้ยงปิดกล้อง แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่าข้างรถเธอ มีชายชราเดินจะล้มแหล่มิล้มแหล่อยู่แล้ว เธอจึงรีบเดินเข้ามาพยุงทันที
