3. แฟนสาวเจ้าคุณหนู
“คุณไอซ์ จะออกไปอยู่ข้างนอกทำไมให้มันลำบากล่ะคะ บ้านของเราก็ออกจะกว้างขวาง”
เสียงของกานดา แม่เลี้ยงสาวของภูริช พูดขึ้นบนโต๊ะอาหาร หลังจากที่ภูริชบอกกับสมาชิกในบ้านว่าเขาจะย้ายไปอยู่บ้านเช่าในวันพรุ่งนี้
“พอดีบ้านเช่าที่ผมไปดูมามันอยู่ใกล้ที่ทำงานน่ะครับ น่าจะสะดวกกว่าที่บ้าน”
ภูริช ให้เหตุผล ซึ่งก็เป็นความจริงส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งคือ เขาอยากจะไปใช้ชีวิตเพียงลำพังอย่างอิสระมากกว่า เขารู้สึกว่าหลังจากที่บิดาของเขาแต่งงานใหม่ เขาก็รู้สึกอึดอัดไม่ชินกับการที่มีผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาไม่คุ้นเคยเข้ามาอยู่ร่วมบ้าน แม้ว่าเขาจะไม่ได้รังเกียจแม่เลี้ยงแต่เขาก็รู้สึกไม่เป็นส่วนตัว เมื่อแม่เลี้ยง ขนญาติพี่น้องเข้ามาอยู่อีกหลายคนจนบ้านของเขาชักจะคึกคักเกินเหตุ
ในขณะที่เขา เป็นคนที่ชอบความเงียบสงบมากกว่า เขาจึงวางแผนไว้ว่าหากเรียนจบมีงานทำก็จะแยกตัวออกไปอยู่ข้างนอกทันที
“ไม่มีคุณไอซ์สักคน ก็อดคิดถึงไม่ได้นะคะเคยอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน” กานดา ทำหน้าเศร้า
“ไม่ต้องไปคิดถึงมันหรอกคุณดา ถึงมันไม่แยกออกไปตอนนี้ แต่อีกหน่อยพอได้แต่งงานกับหนูแซนดี้ก็คงไปอยู่บ้านพ่อตาเศรษฐีเจ้าของโรงแรมโน่น”
ประทีป พูดสัพยอกลูกชายอย่างอารมณ์ดี เขาให้อิสระกับลูกชายคนเดียวนี้มาตลอด และเห็นว่าภูริชโตพอที่จะรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้แล้ว เขาถือว่าได้ทำหน้าที่พ่ออย่างเต็มที่ด้วยการให้การศึกษาแก่ภูริชจนเรียนจบปริญญาโทแล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของลูกที่จะต้องทำหน้าที่ช่วยเหลือตัวเองต่อไป เพราะเขาเองก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย
แม้บ้านหลังนี้ดูใหญ่โตหรูหรา แสดงฐานะของผู้อยู่อาศัย แต่ก็ได้มาจากมรดกตกทอดของปู่ ซึ่งมีเพียงบ้านหลังนี้เท่านั้น ไม่ได้มีทรัพย์สมบัติอย่างอื่นพ่วงมาด้วย
......
“ต๊าย!..บ้านเล็กยังกะรูหนู ทำไมไอซ์ไม่บอกแซนดี้ก่อนคะว่าอยากจะออกมาอยู่ข้างนอก แซนดี้จะได้ช่วยหาให้”
แซนดี้ มีสีหน้าไม่สบอารมณ์นักกับการย้ายมาเช่าบ้านหลังนี้ของคนรัก
หล่อนชอบบ้านของภูริช ที่อยู่กับบิดาของเขามากกว่า แต่อีกใจหนึ่งหล่อนก็รู้สึกพอใจที่ภูริช ออกมาจากบ้านนั้นเสียได้ เพราะตั้งแต่กานดา ขนญาติพี่น้องเข้ามาอยู่ในบ้านของ ภูริช หล่อนก็ไม่ค่อยชอบใจนัก
โดยเฉพาะน้องสาวของกานดาที่ชื่อนุชนิภา เป็นนักศึกษารามคำแหงที่ดูน่ารักจิ้มลิ้ม จนทำให้แซนดี้หวั่นไหว หล่อนไม่อยากให้ภูริช ได้อยู่ใกล้ชิดกับนุชนิภา จนหล่อนต้องเทียวไปหาภูริชที่บ้านเกือบทุกวัน เพื่อไปกันท่าเอาไว้ หล่อนไม่ไว้ใจนุชนิภาที่มองภูริชด้วยประกายตาชื่นชมอย่างออกนอกหน้า
“แบบนี้ไม่เล็กหรอกแซนดี้ มันเหมาะสำหรับชายโสดตัวคนเดียวอย่างผมจะตายไป”
ภูริช บอกคนรักพร้อมกับหิ้วกระเป๋าสัมภาระต่าง ๆ วางลงที่ห้องรับแขก
“ตัวคนเดียวที่ไหนยังมีแซนดี้อีกคน ลืมแล้วรึไงว่าแซนดี้เป็นแฟนไอซ์” แซนดี้ แย้งหน้าบึ้ง
“ผมหมายถึงผมต้องอยู่ที่นี่คนเดียวจ๊ะ”
เขารีบบอกหล่อนด้วยท่าทีเอาใจ
“แล้วถ้าเกิดแซนดี้มาหาไอซ์ล่ะ จะให้แซนดี้อยู่ตรงไหนของห้อง ดูสิ! ห้องรับแขกก็เล็กจิ๊ดหนึ่งแถมยังดูอึมครึมไม่ค่อยมีแสงสว่างสักเท่าไหร่”
แซนดี้ พูดด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจ หล่อนเดินไปชะโงกหน้าดูที่ห้องนอนแล้วก็หันมาบอกภูริชหน้าเบ้
“ต๊าย! ยิ่งห้องนอนยิ่งแล้วใหญ่มีข้าวของทั้งตู้เตียง แล้วยังจะหนังสือบ้าบออะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมดดูน่าอึดอัดจะตาย”
แซนดี้ กวาดตามองแววตาเหยียด ๆ
“อย่ามัวแต่ติโน่นตินี่อยู่เลย มาช่วยผมจัดห้องดีกว่า” เขาติงหล่อน
“ก็มันน่าอึดอัดจริง ๆ นี่นา” แซนดี้ ยังไม่วายพูดต่อ
“เอาเถอะน่าแซนดี้ ถ้าคุณรู้สึกอึดอัดที่จะมาหาผมก็ไม่เป็นไรผมเป็นฝ่ายไปหาคุณเองก็แล้วกัน”
ภูริช ตัดบทเขารู้นิสัยของคนรักดีว่าติดความหรูหราสะดวกสบายเพียงใด แซนดี้ รีบเดินมานั่งกับเขาที่โซฟาพร้อมกับปรับสีหน้าให้ดูยิ้มแย้มขึ้น
“ความจริง...ไอซ์น่าจะไปช่วยงานป๋าของแซนดี้ที่โรงแรมดีกว่านะคะ แล้วก็พักที่ห้องสูทที่โรงแรมนั่นก็ได้สะดวกสบายกว่าตั้งเยอะ”
แซนดี้ พยายามที่จะโน้มน้าวใจคนรัก
“ผมไม่ถนัดกับงานโรงแรมหรอก”
ความจริงคือเขาไม่อยากใช้เส้นของแซนดี้ เข้าไปต่างหาก
“แหม..ที่โรงแรมไม่ใช่ว่าจะมีงานด้านเดียวซะเมื่อไหร่ ไอซ์สามารถที่จะทำงานด้านที่ไอซ์ถนัดได้อยู่แล้ว”
“ผมเสียดายงานที่บริษัท อุตส่าห์ได้รับเลือกให้ได้ไปทำงานมันเป็นความภูมิใจของผมแค่ไหนแซนดี้น่าจะรู้”
“แซนดี้รู้ดีค่ะ ถ้าไอซ์ไม่เก่งคงไม่มีบริษัทไปขอจองตัวทำงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบหรอก”
แซนดี้พูดด้วยความภาคภูมิใจในตัวคนรัก
