2. เพื่อนบ้าน
“สามเดือนค่ะ เป็นค่าเช่าล่วงหน้าเดือนหนึ่งที่เหลือก็เป็นเงินประกัน จะคืนให้เมื่อยกเลิกการเช่าแต่ต้องแจ้งล่วงหน้าเดือนหนึ่งนะคะ แล้วก็ต้องอยู่อย่างน้อยหกเดือนถึงจะได้เงินประกันคืน”
“งั้นเดี๋ยวผมจะโทรมาบอกเย็นนี้นะครับ ว่าจะเช่าหรือเปล่า”
“เอาอย่างนี้ไหมคะ..ถ้าน้องไอซ์ตกลงใจจะเช่าวันนี้พี่ลดให้พิเศษเลยค่ะ ไม่ต้องมีค่าประกัน จ่ายแค่ค่าเช่าล่วงหน้ามาเดือนเดียวก็พอแล้ว..ถือว่าเป็นการช่วยเหลือน้องด้วยที่เพิ่ง
จะเรียนจบมีงานทำ”
ภูริช รู้สึกพอใจกับข้อเสนอ เขาคิดว่าไม่แพง สำหรับโปรแกรมเมอร์เงินเดือนเริ่มต้นเกือบสี่หมื่นบาทอย่างเขา ที่เพิ่งเรียนจบปริญญาโทมา
“ว่าไงคะ”
วัชรมัย รุกเร้าที่จะเอาคำตอบให้ได้
“ก็น่าสนใจดีครับ แต่ผมเห็นมีบ้านให้เช่าอีกหลังหนึ่งที่หน้าปากซอยผมขอไปดูก่อนนะครับ”
“ไม่ต้องไปดูที่อื่นหรอกค่ะ พี่มีข้อเสนอสุดท้ายสำหรับน้องไอซ์ ให้อยู่ฟรี ๆ หนึ่งเดือนไปเลย เอ๊า! รอเงินเดือนออกสิ้นเดือนค่อยจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าพี่เดือนที่สอง โอเค ไหมคะ”
วัชรมัย อุตส่าห์ใจป้ำขนาดนี้ถ้าเขาไม่รีบตัดสินใจเช่าก็ให้มันรู้ไป
“ตกลงครับ”
ภูริช ตอบรับโดยไม่ลังเล เขาไม่คิดว่าจะเจอคนใจดีขนาดนี้ หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะสติไม่ค่อยดี แต่เท่าที่เขาเห็น วัชรมัย ก็ดูปกติดีทุกอย่าง
“ที่พี่ยอมให้อยู่ฟรีเดือนหนึ่งก็เพราะพี่ถูกชะตากับน้องไอซ์น่ะค่ะ แล้วอีกอย่างน้องก็ดูเรียบร้อยดี คงจะช่วยดูแลรักษาบ้านหลังนี้ได้ดีแน่ ๆ”
“ผมจะดูแลมันอย่างดีให้เหมือนบ้านของตัวเองเลยครับ ไม่ต้องเป็นห่วง”
พอได้อยู่ฟรี ภูริช ก็รีบรับปากอย่างเต็มอกเต็มใจ ทำให้วัชรมัยยิ้มอย่างพอใจ หล่อนรีบมอบกุญแจบ้านให้กับผู้เช่าทันทีก่อนจะทำสัญญาเช่าบ้าน
วัชรมัย เดินมาส่งภูริชที่รถ หล่อนมองเห็นเพื่อนบ้านจอมยุ่งกำลังเดินออกมาจากบ้านและกำลังจะตรงมาหาภูริชที่รถจึงรีบเข้าไปสกัดเอาไว้ก่อนด้วยการเดินไปเบียดกระแซสีข้างหวังขวางทางไม่ให้อีกฝ่ายได้เดินต่อ
“อุ๊ย! อะไรกันคะเนี่ย ที่ตั้งเยอะตั้งแยะทำไมต้องมาเดินเบียดดาวด้วยคะคุณครูนุ้ย”
“นี่คุณดาว ฉันขอร้องล่ะค่ะ กรุณาอย่ามาพูดอะไรให้คนเช่าของฉันต้องหวาดกลัวเลยนะคะ”
วัชรมัย กระซิบเสียงเข้มเกรงว่าคนที่กำลังเปิดประตูรถอยู่จะได้ยิน
“ก็น้องสาวคุณครูตายในบ้าน แล้วก็หลอกหลอนคนเช่าจนไม่มีใครอยู่ได้เกินเจ็ดวันสักคน แบบนี้มันไม่น่ากลัวหรือคะ”
แสงดาว จีบปากจีบคอพูด
วัชรมัย รีบเอามือแตะปากตัวเองทำนองให้แสงดาว หยุดพูด ซึ่งแสงดาว ก็ให้ความร่วมมือด้วยการยืนเม้มปาก แต่แววตาละห้อยนึกเสียดายที่ไม่ได้ทำความรู้จักคนที่จะมาเช่า
บ้านติดกับบ้านของตน
“ทีนี้ดาวพูดได้รึยัง”
แสงดาว ถามขึ้นเมื่อรถยนต์ของภูริชเคลื่อนออกไปจากบริเวณนั้น
“เชิญพูดได้เต็มที่เลยค่ะ”
วัชรมัย ยิ้มหวานให้แสงดาว
“ดาวขอแนะนำให้คุณครู นิมนต์พระมาสวดทำบุญบ้านก่อนที่คนเช่าคนใหม่จะเข้ามาอยู่นะคะ”
“พรุ่งนี้เขาก็จะเข้ามาอยู่แล้ว คงไม่ทันแล้วล่ะ”
“ต๊าย..นี่ได้คนเช่ารวดเร็วขนาดนี้เลยหรือคะ มาดูแป๊บเดียวตัดสินใจเลยเหรอ”
“ใช่ ดูเขาจะชอบบ้านหลังนี้มาก เพราะฉะนั้นฉันจึงอยากจะขอร้องคุณไม่ให้พูดถึงเรื่องการตายของน้องสาวฉันให้กับคนเช่าคนใหม่นี้ฟัง”
“ถึงไม่พูด เดี๋ยวก็เจอดีจนได้ ดาวว่ารายนี้อยู่ไม่เกินเจ็ดวันเหมือนทุกราย”
“เอาเถอะค่ะ ถึงจะอยู่ได้กี่วันก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่าฉันขอร้องคุณก็แล้วกัน..”
“ก็ได้ค่ะ..แต่ว่า..ดาวขอยืมเงินคุณครูสักสองพันจะได้ไหมคะถ้าได้ รับรองว่าดาวจะไม่แพร่งพรายเรื่องน้องน้ำตายในบ้านนั่นเด็ดขาดเลยล่ะค่ะ”
แสงดาว รับคำมั่นเหมาะ
“ได้สิคะ..เอาเป็นว่าเงินสองพันนี่ ฉันให้คุณดาวก็แล้วกันค่ะไม่ต้องเอามาคืน..รวมทั้งของงวดก่อนที่คุณดาวยืมฉันตอนงานศพยัยน้ำฉันก็ยกหนี้ให้หมดเลยค่ะ”
วัชรมัย บอกอย่างใจดี
“อุ๊ยตาย..จริงเหรอคะคุณครูขา..ขอบพระคุณค้า..” แสงดาว รีบยกมือไหว้วัชรมัยด้วยความดีใจที่วันนี้หล่อนจะได้มีทุนไปเล่นไพ่หลังจากที่หยุดไปสองวัน
“ฉันก็ฝากคุณดาว ช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลบ้านให้ด้วยก็แล้วกันค่ะ” วัชรมัยยื่นธนบัตรส่งให้
“อู้ย..รับรองว่าจะสอดส่องดูแลคนเช่าให้เป็นอย่างดี มีอะไรเกิดขึ้นดาวจะโทรรายงานทันทีค่ะ”
แสงดาว รีบรับปากรับคำด้วยความเต็มใจหลังจากได้เงินไป
วัชรมัย นึกถึงคำพูดของวัชรมน ที่บอกว่าแสงดาวเป็นเพื่อนบ้านที่มักจะมีปัญหาเงินขาดมือบ่อยจนต้องมาขอใช้บริการเงินกู้ฉุกเฉินจากวัชรมน อยู่เป็นประจำ ซึ่งวัชรมน ก็ใจดีให้ไปทุกครั้ง แต่จะไม่ได้คืนเป็นเงินกลับมาเพราะว่าแสงดาว ขออาสาทำงานบ้านแทนเพื่อปลดหนี้ วิธีนี้ทำให้วัชรมน ก็เห็นดีด้วย หล่อนจะได้มีเวลานั่งเขียนนิยายได้อย่างเต็มที่
“ใจดีอย่างนี้นี่เองยัยดาวนั่นถึงได้มาขอยืมเงินบ่อย ๆ แล้วเธอไม่รำคาญยัยเพื่อนบ้านคนนี้หรือไงนะยัยน้ำ ทั้งชอบยืมเงินยืมโน่นยืมนี่ในบ้านของเธอเกือบทุกอย่าง นี่ดีนะที่ไม่ยืมกางเกงในด้วย แถมยังชอบมาจุ้นจ้านถามโน่นถามนี่ตลอด”
วัชรมัย เคยถามน้องสาวด้วยความแปลกใจในช่วงที่วัชรมัย ปิดเทอมแล้วพาลูก ๆ มาพักกับน้องสาวที่กรุงเทพฯแล้วเห็นเพื่อนบ้านอย่างแสงดาวเทียวเข้าเทียวออกบ้านของน้องสาวอย่างไม่เกรงใจ
“ถึงพี่ดาวจะเป็นอย่างนั้นแต่ก็มีน้ำใจค่ะ คนบ้านใกล้เรือนเคียงกันมันก็ต้องผูกมิตรไมตรีเอาไว้สิคะพี่นุ้ย ไม่แน่นะคะ เกิดวันดีคืนร้าย น้ำเป็นศพอยู่ในบ้านก็อาจจะได้พี่ดาวช่วยโทรแจ้งตำรวจให้ก็ได้”
คำพูดของน้องสาวที่เคยพูดเล่น ๆ กับวัชรมัย ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นความจริงไปได้ เมื่อวัชรมนหัวใจวายนอนฟุบเสียชีวิตอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ภายในห้อง และได้แสงดาวเพื่อนบ้านจอมสอดรู้สอดเห็นนั่นเอง เป็นคนมาพบศพ
จึงนับได้ว่าความสอดรู้สอดเห็นบางครั้งก็ทำประโยชน์ได้เหมือนกัน
