1. มาดูบ้านเช่า
“คุณมาดูบ้านเช่าหลังนั้นหรือคะ”
เสียงทักที่ดังมาจากข้างหลัง ทำให้ภูริชที่กำลังจะปิดประตูรถชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้กับหญิงสาวในวัยสามสิบปลาย ๆ ที่แต่งตัวด้วยสีสันแสบทรวง หล่อนกำลังเดินมาหาเขาที่รถ
“ครับผม..เอ้อ..ไม่ทราบว่าคุณวัชรมัยหรือเปล่าครับ”
ชายหนุ่มเข้าใจว่าคนที่ถามเขาจะเป็นผู้หญิงที่โทรนัดหมายให้เขามาดูบ้านในวันนี้นั่นเอง
“อุ๊ย! ไม่ใช่หรอกค้า..พี่ชื่อพี่ดาวจ๊ะ..อยู่บ้านข้าง ๆ นี่เอง”
หล่อนบอก พร้อมกับชี้มือไปยังบ้านเดี่ยวชั้นเดียวที่อยู่ติดกับหลังที่เขาจะมาดู
“อ๋อ..ครับ” ภูริชพยักหน้ายิ้ม ๆ
“น้องจะมาอยู่คนเดียวเหรอคะ”
แสงดาวพยายามชวนคุย
“ครับ”
“พี่ว่า….น่าจะหาเพื่อนมาอยู่ด้วยจะดีกว่านะคะจะได้อุ่นใจ”
หล่อนพูดคล้ายจะบอกใบ้อะไรสักอย่าง
“ผมอยู่คนเดียวได้ครับ”
เขารู้สึกแปลกใจที่หญิงคนนี้ดูจะให้ความสนใจที่จะพูดคุยกับเขา
“แต่พี่ว่า...”
แสงดาวขยับมาใกล้ชายหนุ่มทำท่าจะกระซิบกระซาบ แต่หล่อนก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นวัชรมัยเดินออกมาจากประตูรั้วบ้านหลังที่ภูริชจะมาดู
“น้องไอซ์ที่นัดมาดูบ้านใช่ไหมคะ”
วัชรมัย รีบเดินส่งเสียงเข้ามาทัก พร้อมกับปรายหางตามองแสงดาวเป็นการปรามอยู่ในที
“ใช่ครับ..คุณวัชรมัยใช่ไหมครับ”
เขาถามกลับ พออีกฝ่ายตอบรับว่าใช่เขาก็รีบยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมแบบเด็กที่ให้ความเคารพผู้ใหญ่
“งั้นเชิญด้านในเลยค่ะ พี่เปิดบ้านไว้รอแล้วค่ะ”
วัชรมัย แทบจะไล่ต้อนให้ภูริช รีบเข้าไปในบ้านด้วยเกรงว่าเพื่อนบ้านจอมสอดแนมจะเผลอพูดอะไรออกมาจนทำให้คนมาขอดูบ้านเปลี่ยนใจ
ภูริช เดินสำรวจบ้านเดี่ยวชั้นเดียวที่อยู่ในพื้นที่ห้าสิบตารางวาด้วยสีหน้าแสดงความพอใจ เขาเดินดูตั้งแต่ประตูรั้วบ้านไปจนถึงด้านใน กระทั่งมาถึงห้องนอนที่มีอยู่สองห้อง โดยห้องแรกเป็นเพียงห้องเปล่า แต่ห้องที่สองใหญ่กว่าห้องแรก และเต็มไปด้วยข้าวของต่าง ๆ ทั้งตู้เสื้อผ้า เตียงนอน โซฟา โต๊ะทำงานที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์วางอยู่บนโต๊ะ แต่ที่สะดุดตาก็คือตู้หนังสือที่เต็มไปด้วยหนังสือทุกชั้น
“ห้องนี้ยัยน้ำ เอ้อ..น้องสาวของพี่เขาใช้ทำงานด้วยค่ะ..แต่ถ้าไม่อยากได้พวกโต๊ะเก้าอี้ก็ย้ายไปไว้อีกห้องหนึ่งได้ค่ะ”
วัชรมัย รีบบอกเมื่อเห็นภูริชกวาดตามองดูข้าวของในห้อง
“ห้องนี้เป็นทั้งห้องนอนและห้องทำงานของน้องสาวพี่เหรอครับ”
“ใช่ค่ะ..พี่ว่ามันก็สะดวกสบายดีนะคะทำงานเหนื่อย ๆ ก็นอนได้เลย”
“แล้วพี่ไม่ย้ายของพวกนี้ออกไปหรือครับ”
“โอ้ย..ย้ายไม่ไหวหรอกจ๊ะ ไม่รู้จะไปเก็บที่ไหนพี่อยู่ไกลถึงจังหวัดน่านโน่นแน่ะ”
ภูริช เดินไปนั่งที่เก้าอี้ทำงาน เขามองไปรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกชอบห้องนี้เป็นพิเศษ
“เคยให้เช่ามาก่อนหรือเปล่าครับเนี่ย” เขาหันมาถามวัชรมัย
“เคย อุ๊ย!..ไม่เคยค่ะ..มันเป็นบ้านของน้องสาวพี่เอง เขารักบ้านหลังนี้มากไม่เคยให้ใครเช่าเลย”
วัชรมัย ตอบไม่ค่อยเต็มเสียง ความจริงหล่อนก็ไม่อยากจะโกหกแต่มันจำเป็นจริง ๆ
“ถ้ารักมากทำไมถึงปล่อยให้เช่าเสียล่ะครับ..” เขาอดสงสัยไม่ได้
“คือ..ยัยน้ำน้องสาวของพี่ประสบอุบัติเหตุน่ะค่ะ..ก็เลยกลับไปอยู่ที่น่าน”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ทำให้วัชรมัยถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อเห็นว่าไม่มีคำถามเกี่ยวกับประวัติของบ้านนี้จากคนมาดูบ้าน
“หาไม่ได้นะคะบ้านเดี่ยวสวย ๆ แบบนี้ แถมข้าวของในบ้านก็มีครบหมด น้องแค่หิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ไม่ต้องขนย้ายอะไรมากมายให้ยุ่งยาก...”
วัชรมัย พูดโน้มน้าวใจ ด้วยหล่อนเบื่อหน่ายกับการที่จะต้องหาคนเช่าบ่อย ๆ ทำให้หล่อนต้องลางานจากการสอนหนังสือที่น่านมากรุงเทพฯ นั่นเอง
“ให้เช่าเดือนเท่าไหร่ครับ”
“ปกติแถวนี้เขาให้เช่ากันเดือนละเจ็ดพันถึงหมื่นเชียวนะคะ..ถ้าน้องไอซ์สนใจจริง ๆ พี่คิดเดือนละห้าพันก็พอค่ะ”
“ต้องจ่ายล่วงหน้ากี่เดือนครับ..พอดีผมเพิ่งเรียนจบแล้วก็ได้งานทำแถว ๆ นี้น่ะครับ ยังไม่ได้รับเงินเดือนแรกเลย”
ภูริช บอกตามตรง เขาเกรงว่าต้องจ่ายก่อนเข้าอยู่เกินงบประมาณที่ตั้งเอาไว้
