3
ปลายฟ้ายืนมองจากด้านหลังด้วยสายตาเย็นชา ยกยิ้มมุมปากอย่างสะใจ นี่คือสิ่งที่เธอสั่งเองทั้งหมด
ขณะเดียวกัน รชตะซึ่งบังเอิญแวะมาที่บริษัทโดยไม่แจ้งล่วงหน้า กำลังเดินตรวจพื้นที่ เมื่อเดินผ่านบันไดหนีไฟ เขาได้ยินเสียงเอะอะดังลอดออกมา
เขารีบผลักประตูเข้าไป สิ่งที่เห็นทำให้ดวงตาคมแข็งกร้าวทันที พิมพ์ลดาถูกกลุ่มพนักงานหญิงรุมทำร้าย เธอพยายามตั้งรับแต่ก็สู้แรงหลายคนไม่ได้
“หยุด!” เสียงของเขาดังขึ้นอย่างมีอำนาจ จนทุกคนชะงักกึก
ทันทีที่สายตาของเขาสบเข้ากับใบหน้าของหญิงสาว เขาก็จำได้ในทันที หญิงสาวที่ช่วยชีวิตเขาไว้สองครั้ง และหญิงสาวคนนั้นก็คือคนที่เขาไม่เคยลืม
ก่อนหน้านี้เขาไปดูแลสาขาอื่นๆ ตอนนี้กลับมาประจำที่นี่ จึงอยากดูแลที่นี่ให้ดีและเรียบร้อยทุกอย่าง
พิมพ์ลดาในตอนนี้หมดแรง ทรุดลงกับพื้นและสลบไปต่อหน้าต่อตา
รชตะก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว อุ้มร่างของเธอขึ้นมาในอ้อมแขน แล้วหันไปจ้องปลายฟ้ากับพนักงานกลุ่มนั้นด้วยสายตาดุดัน
“ถ้าหญิงสาวคนนี้เป็นอะไรไป ฉันจะเล่นงานพวกเธอให้ถึงที่สุด” เสียงเขาเยือกเย็นแต่หนักแน่นจนทุกคนตัวสั่นไปตาม ๆ กัน
ปลายฟ้าหน้าซีดเผือด ไม่คิดว่าเขาจะมาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดกับตาแบบนี้
ไม่รอช้า รชตะรีบพาพิมพ์ลดาไปยังโรงพยาบาลทันที เขายืนเฝ้าอยู่หน้าห้องตรวจด้วยความกังวล จนกระทั่งแพทย์เดินออกมาพร้อมใบหน้าสงบนิ่ง
“เธอปลอดภัยแล้วครับ แต่มีอีกเรื่องหนึ่งที่คุณควรรู้” หมอพูดช้า ๆ
“เธอตั้งครรภ์ได้ประมาณหนึ่งเดือนแล้ว”
รชตะชะงักไปทันที สายตาคมนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ภาพคืนวันนั้นเมื่อเดือนก่อนในผับจะย้อนกลับเข้ามาอย่างชัดเจนในหัว
เสียงนาฬิกาในห้องพักผู้ป่วยดังอย่างสม่ำเสมอ กลิ่นยาผสมกับกลิ่นสะอาดของผ้าปูเตียงลอยอวลไปทั่ว พิมพ์ลดาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตายังพร่าเลือน ก่อนจะมองเห็นเพดานสีขาวและหลอดไฟที่ส่องสว่างจ้า
เธอรู้สึกหนักที่อึ้งและเพลียไปทั้งตัว พยายามจะขยับตัวช้า ๆ จนรู้ตัวว่ามีใครบางคนนั่งอยู่ข้างเตียง
ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ ดวงตาคมจับจ้องมาที่เธอโดยไม่วาง เขาไม่พูดอะไรในตอนแรก เพียงแค่รอให้เธอได้ตั้งสติเต็มที่
“คุณ” เธอเอ่ยเสียงเบา แววตายังเต็มไปด้วยความสับสน
ชายหนุ่มพิงหลังกับพนักเก้าอี้ สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนเอ่ยเสียงเรียบแต่ชัดเจน
“ผมรชตะครับ”
“ค่ะ”
“หมอบอกว่าคุณท้อง”
พิมพ์ลดาเบิกตากว้าง หัวใจเต้นแรงทันที เหมือนเลือดทั้งหมดไหลไปหยุดที่ปลายเท้า เธอไม่รู้จะตอบยังไงดี เงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดต่อ
“บอกผมมาเถอะลูกในท้องเป็นลูกใคร” น้ำเสียงของเขาแน่วนิ่งแต่แฝงความจริงจัง ไม่ใช่คำถามที่ต้องการให้หลบเลี่ยง
หญิงสาวเม้มปากแน่น ใจเต้นแรงจนแทบกลืนคำพูดลงคอ เธอรู้ดีว่ามันไม่มีทางปฏิเสธได้ และถึงจะอยากหลบเลี่ยงแค่ไหน ความจริงก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลง
“ถึงคุณบอกว่าไม่ใช่ลูกของผม ผมก็มีวิธีมากมายที่จะพิสูจน์ว่าเด็กในท้องเป็นลูกของใคร”
“เป็นลูกของคุณค่ะ” เธอพูดออกมาในที่สุด เสียงแผ่วเบาแต่ชัดจน ดวงตาหลุบต่ำไม่กล้าสบสายตาเขา
รชตะนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะขยับตัวมานั่งใกล้เธอมากขึ้น สายตาคมจริงจังและแน่วแน่
“ในเมื่อเป็นลูกของผม ผมก็จะรับผิดชอบ ผมจะดูแลคุณกับลูกให้ดีที่สุด ไม่ต้องกังวลอะไร”
หญิงสาวส่ายหน้าเบา ๆ น้ำเสียงสั่นไหว
“ฉันไม่ได้อยากให้คุณมารับผิดชอบเพราะความจำยอม”
“ไม่ใช่เพราะจำยอม” เขาตอบทันที
“แต่เพราะผมตั้งใจ”
คำพูดนั้นทำให้หัวใจของพิมพ์ลดาสั่นไหว เธอรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธความจริงอีกต่อไป เพราะเธอกำลังอุ้มลูกของเขาอยู่ในท้อง และนี่คือจุดเปลี่ยนของชีวิต ที่เธอไม่อาจถอยกลับไปเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
แสงแดดอ่อนยามเช้าสาดลอดผ่านกระจกของสำนักงานเขตอย่างอบอุ่น บรรยากาศภายในเงียบสงบ มีเพียงเสียงของเจ้าหน้าที่ที่กำลังจัดเตรียมเอกสารและผู้คนบางตาที่มารอคิวจดทะเบียนสมรส พิมพ์ลดานั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้ไม้ ดวงตากลมโตยังมีแววประหม่าและไม่คุ้นชินกับสถานที่แบบนี้นัก
ฝั่งตรงข้าม รชตะนั่งมองหญิงสาวอย่างใจเย็น ใบหน้าเรียบนิ่งแต่แฝงความอ่อนโยนที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่มองเห็น เขาเป็นคนเอ่ยชวนมาที่นี่เอง เพื่อให้เธอและลูกในท้องได้รับการยอมรับอย่างถูกต้อง และมากกว่านั้น เขาอยากบอกความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจมาตลอด
เมื่อถึงคิว เจ้าหน้าที่เชิญทั้งสองเข้าไปนั่งตรงโต๊ะ จัดเตรียมเอกสารและยื่นปากกาให้ พิมพ์ลดาจับปากกาในมือแน่น หัวใจเต้นแรงขณะมองชื่อของตัวเองถูกบันทึกลงเคียงคู่กับชื่อของชายตรงหน้า
หลังจากเซ็นเอกสารเสร็จเรียบร้อยและได้รับใบทะเบียนสมรส รชตะหันมาจับมือเธอเบา ๆ ดวงตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวอย่างแน่วแน่
“ลดา ผมมีเรื่องอยากบอกกับคุณ” เขาเอ่ยเสียงนุ่มแต่จริงใจ
“ผมหลงรักคุณตั้งแต่แรกเห็น ตอนที่คุณช่วยผมออกมาจากรถในคืนนั้น คุณกล้าหาญมาก จนผมไม่เคยลืมคุณได้เลย”
พิมพ์ลดาชะงักไปเล็กน้อย ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ ไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้
“ตั้งแต่วันนั้น ภาพของคุณติดอยู่ในใจของผมตลอดมา” เขายิ้มมุมปากบาง
“พอเราได้เจอกันอีกครั้งที่ผับ ผมก็ถึงได้รู้ว่าคุณคือคนเดียวกัน ผู้มีพระคุณของผมและนางฟ้าในหัวใจของผม”
หญิงสาวสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะตอบอย่างไม่ปิดบัง
“ลดาไปเป็นอาสากู้ภัย เพราะอยากช่วยคนค่ะ ส่วนตอนที่ไปทำงานที่ผับ ก็เพราะอยากหารายได้ส่งน้อง ๆ เรียน ที่บ้านของลดามีภาระเยอะ ลดาเลยต้องทำงานหลายอย่างน่ะค่ะ” เธอพูดตามจริง
คำพูดนั้นทำให้สายตาของเขาอ่อนโยนลงยิ่งกว่าเดิม เขามองเธอด้วยความรู้สึกทั้งชื่นชม ขอบคุณและมันอบอุ่นหัวใจเป็นที่สุด
“คุณเป็นผู้หญิงที่น่าชื่นชมจริง ๆ ลดา”
หญิงสาวเม้มริมฝีปาก ก่อนเอ่ยต่อเบา ๆ
“ลดาไม่ได้ทำงานที่ผับแล้วค่ะ ตั้งแต่คืนนั้น คืนที่ลดากับคุณ” เธอกัดปากหลุบตาลง ไม่กล้าสบสายตาเขา แต่ความหมายชัดเจนเกินกว่าจะต้องพูดให้จบประโยค
รชตะบีบมือเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย ยิ้มบาง ๆ อย่างจริงใจ
“ตั้งแต่คืนนั้น ผมก็ไม่เคยคิดจะปล่อยมือคุณอีกเลย” ทั้งสองมองหน้ากันเงียบ ๆ อยู่ชั่วขณะ ท่ามกลางแสงแดดยามสายที่สาดเข้ามาทางหน้าต่าง บรรยากาศเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกแน่นแฟ้น การเริ่มต้นชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ได้มาจากความบังเอิญอีกต่อไป แต่เป็นการตัดสินใจร่วมกันอย่างจริงใจและมั่นคง
