2
“เธอช่วยฉันไว้ถึงสองครั้งแล้ว” เขาพูดเสียงเรียบแต่หนักแน่น
“ครั้งแรก จากอุบัติเหตุ ครั้งที่สอง เมื่อคืน ถ้าไม่ได้เธอ ผมอาจแย่”
ผู้จัดการพยักหน้าช้า ๆ
“เธอเป็นคนดีจริง ๆ ครับ”
ชายหนุ่มหันมามองตรงอย่างแน่วแน่
“ผมอยากตอบแทนบุญคุณของเธอ ให้หาข้อมูลละเอียดให้หน่อย เธออยู่ที่ไหน ทำงานที่ไหนบ้าง เรียนจบอะไรมา ทุกอย่าง รวมถึงจัดการคนวางยาผมด้วย”
“ครับคุณรัชต์ ผมจะจัดการให้ทันที”
เมื่อผู้จัดการออกไปแล้ว ความคิดมากมายแล่นเข้ามาในหัวของรชตะ เขาไม่ได้รู้สึกแค่อยากตอบแทนเท่านั้น แต่มีบางอย่างในตัวหญิงสาวคนนั้น ที่ทำให้เขาไม่สามารถปล่อยผ่านไปเฉย ๆ ได้อีกต่อไป
หลังจากเลิกงานพิเศษในค่ำคืนอันยาวนาน พิมพ์ลดากลับมาถึงบ้านในช่วงหัวค่ำด้วยความเหนื่อยล้า ทั้งจากงานประจำและงานเสิร์ฟที่ผับ คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก็ได้แต่กัดปากตัวเอง ไม่น่าพลาดพลั้งแบบนั้นเลย แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดว่าจะต้องเผชิญคือเสียงเอะอะดังลอดออกมาจากภายในบ้าน
“แม่!” เธอรีบวิ่งเข้าไปในทันที เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นภาพที่ทำให้หัวใจเหมือนถูกบีบรัด บิดาของเธอกำลังยกมือขึ้นฟาดหน้าผู้เป็นมารดาที่พยายามเอาตัวบังไว้ ท่ามกลางเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของแม่ที่ไม่อาจต่อสู้ได้
“พอเถอะพ่อ!” พิมพ์ลดาตะโกนลั่น รีบพุ่งตัวเข้าไปผลักร่างของบิดาออกห่างจากมารดา ดวงตาเธอแดงก่ำทั้งโกรธและเสียใจ
“อย่าทำแบบนี้กับแม่อีก!” อรรณพหันมามองลูกสาวด้วยสายตาหงุดหงิดปนด้วยความเมามาย
“แกอย่ามาสอนฉันนะนังลดา เงินที่ฉันขอ ได้หรือยัง เอามาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
หญิงสาวเม้มปากแน่น ความรู้สึกสับสนตีขึ้นมาพร้อมกัน ทั้งความโกรธ ความกลัว และความสงสาร เธอรู้ดีว่าการเถียงจะไม่ช่วยอะไร มีแต่จะทำให้มารดาต้องเจ็บตัวมากขึ้น
“ก็ได้” เธอพูดเสียงสั่น มือควักเงินเก็บที่เหลืออยู่ออกมาจากกระเป๋า
“เอาไปเลย จะได้จบ ๆ กันซักที”
อรรณพรีบคว้าเงินไปอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปโดยไม่แม้แต่หันกลับมามอง เธอรู้ดีว่าสู้บิดาไม่ได้ เคยสู้แล้วก็โดนหนัก โดนเฉพาะมารดาที่เจอหนักกว่า นั่นทำให้ต้องยอมหากหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทันทีที่ประตูปิดลง วรรณาก็ทรุดลงกับพื้น น้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย เธอโผเข้ากอดลูกสาวแน่นเหมือนอยากปกป้องและขอโทษในเวลาเดียวกัน
“แม่ขอโทษนะลดา ขอโทษที่ต้องให้หนูมาเห็นอะไรแบบนี้อีกแล้ว”
พิมพ์ลดากอดมารดาแน่นทั้งน้ำตา พยายามกลั้นความเจ็บปวดไว้ไม่ให้สะอื้นออกมา
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูแค่ไม่อยากเห็นแม่โดนทำร้ายอีก”
สองแม่ลูกกอดกันอยู่อย่างนั้น ในบ้านหลังเล็กที่เต็มไปด้วยความเงียบและความเศร้า พิมพ์ลดารู้ดีว่าเธอต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้ เพื่อเป็นหลักให้มารดาและน้อง ๆ ต่อไป ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศสดใส แสงแดดอ่อน ๆ สาดลงมาทั่วตลาดสดที่คึกคักไปด้วยผู้คน พิมพ์ลดาสะพายกระเป๋าผ้า เดินเลือกซื้อของสดเพื่อนำกลับไปทำอาหารที่บ้าน เธอคุ้นเคยกับตลาดแห่งนี้เป็นอย่างดี เพราะมักจะมาช่วยมารดาจับจ่ายซื้อของทุกสัปดาห์
ขณะที่กำลังเลือกผักอยู่นั้น สายตาเธอเหลือบไปเห็นชายชราคนหนึ่งยืนพิงเสา ใบหน้าซีดเผือด เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก ก่อนที่ร่างของเขาจะทรุดลงช้า ๆ ท่ามกลางเสียงอื้ออึงของผู้คนรอบข้างที่ต่างตกใจ
“คุณปู่! ระวัง!” พิมพ์ลดารีบวางของในมือแล้ววิ่งเข้าไปประคองร่างของชายชราเอาไว้ทันที ก่อนที่เขาจะล้มกระแทกพื้นเต็มแรง
“คุณปู่ได้ยินเสียงหนูไหมคะ” เธอเรียกท่านเสียงดัง พลางใช้มือแตะที่แก้มของชายชราอย่างระมัดระวัง
ชายชราลืมตาขึ้นช้า ๆ เสียงแผ่วเบา
“ปู่แค่หน้ามืดไปหน่อย”
หญิงสาวไม่รอช้า รีบเรียกรถโรงพยาบาล และประคองเขาไปนั่งรอในที่ร่ม ขณะนั้นเองผู้คนรอบข้างก็เริ่มเข้ามาช่วยเหลือ พยุงขึ้นรถพยาบาลไปส่งยังโรงพยาบาลใกล้เคียงทันที ซึ่งเธอก็ตัดสินใจติดรถไปด้วยเพื่อให้มั่นใจว่าท่านปลอดภัย
เมื่อถึงโรงพยาบาลและได้รับการปฐมพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ชายชราก็รู้สึกตัวดีขึ้น เขาหันมามองหญิงสาวที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงด้วยสายตาอบอุ่น
“ขอบใจหนูมากนะ” น้ำเสียงของเขาสงบนุ่มนวล
“ถ้าไม่มีหนู ปู่คงล้มแย่แน่ ๆ”
พิมพ์ลดายิ้มบาง ๆ
“ไม่เป็นไรเลยค่ะคุณปู่ หนูยินดีค่ะ”
ชายชราหัวเราะเบา ๆ
“ปู่แวะไปเยี่ยมเพื่อนเก่าแถวตลาดน่ะ ไม่คิดว่าร่างกายจะไม่ไหวเอาซะเฉย ๆ ขอบใจหนูจริง ๆ นะ หนูเป็นคนดีมาก อีกอย่างปู่หนีออกจากบ้านมา”
“หนีออกจากบ้านเหรอคะ”
“ก็เจ้าหลานชายตัวดีน่ะสิ กลัวปู่จะเป็นโน่นเป็นนี่ให้อยู่แต่กับบ้านเพราะเป็นห่วง ปู่เลยแอบหนีออกมาเจอเพื่อนเก่าซะเลย นี่ถ้าเจ้าหลานชายปู่รู้คงบ่นอีกแน่ ๆ”
“ไม่หรอกค่ะ เขาคงแค่เป็นห่วงคุณปู่น่ะค่ะ”
“ขอบใจอีกครั้งนะ หนูนี่เป็นคนดีจริงๆ”
“หนูยินดีค่ะ ขอให้คุณปู่หายไว ๆ นะคะ”
แม้จะไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ความจริงใจและความมีน้ำใจของพิมพ์ลดากลับสร้างความประทับใจให้ชายชราอย่างลึกซึ้ง เขามองเธอด้วยแววตาอบอุ่น รู้สึกซาบซึ้งใจที่ยังมีคนใจดีในโลกใบนี้
“หน้าของหนูเหมือนเพื่อนของปู่เหลือเกิน”
“เหมือนเหรอคะ”
“ใช่ เหมือนมาก” ท่านมองแล้วนึกสงสัย แต่พิมพ์ลดาคิดว่าท่านคงเจอคนหน้าคล้ายเท่านั้น
เช้าวันจันทร์ เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยความเร่งรีบ พิมพ์ลดาสะพายกระเป๋าใบเดิม ก้าวเดินเข้าไปในบริษัทที่เธอทำงานประจำด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เธอทำงานที่นี่ตั้งแต่เรียนจบ สำหรับเธอแล้ว ที่นี่คือแหล่งรายได้หลักที่ช่วยเลี้ยงดูมารดาและน้อง ๆ ทั้งสามคน
ตลอดเวลาที่ทำงานที่นี่ เธอต้องเผชิญกับเพื่อนร่วมงานบางกลุ่มที่มักจะโยนงานให้เธออยู่เสมอ
“ลดา ช่วยพิมพ์เอกสารฉบับนี้ให้หน่อยสิ ชั้นยังไม่ว่าง”
“ลดา ฝากเคลียร์งานนี้แทนหน่อยนะ” เสียงเหล่านั้นกลายเป็นเรื่องปกติประจำวัน พิมพ์ลดาได้แต่ยิ้มรับและก้มหน้าทำงานต่อ แม้ในใจจะรู้ดีว่าถูกเอาเปรียบก็ตาม
งานหายาก เงินต้องใช้ เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธมากนัก อะไรที่ทนได้ เธอก็ทน อะไรที่เกินขอบเขต เธอก็ไม่ลังเลที่จะลุกขึ้นสู้ เพราะตอนนี้เธอไม่ได้ทำงานที่ผับแล้ว เพราะรู้สึกว่าอันตรายเกินไปในการทำงานตอนกลางคืน จึงลาออกมาเดือนกว่าแล้ว
ผู้จัดการแผนกของที่นี่ชื่อปลายฟ้า หญิงสาวลูกคุณหนูที่เพิ่งย้ายเข้ามาทำงานได้ไม่นาน แต่ชอบเอาหน้า แถมยังอิจฉาพิมพ์ลดาที่ทั้งเก่งและสวยกว่า โดดเด่นในสายตาทุกคนโดยไม่ต้องพยายามมากนัก ทุกครั้งที่พิมพ์ลดาได้รับคำชม ปลายฟ้าจะยิ่งหงุดหงิดใจมากขึ้น
กระทั่งเย็นวันหนึ่ง หลังเลิกงาน พิมพ์ลดากำลังจะเดินไปเก็บแฟ้มเอกสารที่ชั้นล่าง ทันใดนั้น เธอก็ถูกกลุ่มพนักงานหญิงสามสี่คนดักไว้ตรงมุมบันได และลากไปที่บันไดหนีไฟ
“เก่งนักใช่มั้ย ชอบทำตัวเด่นนักใช่ไหม!” หนึ่งในนั้นตะโกนใส่ก่อนจะผลักเธอเต็มแรง
“พวกเธอจะทำอะไร!” พิมพ์ลดาขมวดคิ้ว ตั้งท่าป้องกันตัวเอง แต่ยังไม่ทันจะขยับ พวกนั้นก็เข้ามารุม ทั้งผลัก ทั้งตบ ทั้งตี เสียงดังไปทั่วบันไดหนีไฟ
