2
“น้ำตาลมะพร้าวล็อตใหญ่อีกแล้ว” เธอพึมพำกับตัวเองพลางขมวดคิ้ว
“ช่วงนี้ใครกันนะที่สั่งทีละเยอะ ๆ แบบนี้”
ในใจของพิมพ์แก้วเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งอกเพราะออเดอร์พวกนี้ช่วยให้ขนมของเธอขายได้ดีขึ้น และมีรายได้มั่นคงกว่าที่เคย
อีกฟากหนึ่ง ก้องภพยืนรอพ่อค้าคนกลางอยู่เงียบ ๆ ใต้ต้นโพธิ์ท้ายตลาด เขาสวมหมวกแก๊ปปิดบังครึ่งหน้า มือยื่นซองเงินพร้อมกำชับเบา ๆ
“ช่วยซื้อให้เธอตามนี้นะครับ แต่ห้ามบอกว่าใครเป็นคนสั่งเด็ดขาด” พ่อค้าคนกลางหัวเราะเบา ๆ
“อาจารย์นี่นะ ช่วยเขาขนาดนี้ไม่อยากให้เขารู้อีก” ก้องภพส่ายหน้า
“ผมไม่อยากให้เธอรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณอะไรน่ะครับ แค่อยากเห็นร้านขนมของเธอไปได้ดีเท่านั้นเอง”
คืนนั้น ก้องภพกลับไปนั่งเขียนบันทึกโครงการ “นาเรียนรู้” อยู่ในห้องพักครู เขาเปิดสมุดอีกเล่มที่แอบบันทึกเรื่องราวส่วนตัวลงไปอย่างเงียบ ๆ
“วันนี้เธอยิ้มอีกแล้ว ตอนแจกขนมให้เด็ก ๆ อยากให้ยิ้มแบบนั้นทุกวัน”
เขาวางปากกาลง สูดหายใจลึกๆ เหมือนจะไล่ความรู้สึกออกจากอก แต่ยิ่งพยายามปิดบัง ก็เหมือนหัวใจยิ่งเผยออกมามากขึ้น
เช้าวันถัดมา ขณะพิมพ์แก้วนั่งผูกถุงขนมอยู่หลังร้าน พี่ชายของเธอเดินเข้ามาหยอกล้อ
“ช่วงนี้ขายดีเป็นพิเศษเลยนะพิมพ์ ใครกันนะที่คอยสั่งทีละเป็นสิบ ๆ โล หรือว่ามีแฟนลับ ๆ แล้ว”
พิมพ์แก้วหน้าแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“บ้า! จะไปมีได้ยังไงกันล่ะพี่ชาติ” เธอหัวเราะกลบเกลื่อน แต่ในใจกลับแอบคิดขึ้นมาอย่างจริงจังว่าลูกค้าลึกลับคนนั้นเป็นใครกันนะ
และเธอไม่รู้เลยว่า คำตอบอยู่ใกล้เธอกว่าที่คิด ใกล้เสียจนหัวใจของเธอเองกำลังจะเริ่มสั่นไหว
เสียงแม่ค้าตะโกนขายของแข่งกับเสียงไก่ขันยามรุ่งสาง บรรยากาศตลาดของหมู่บ้านเต็มไปด้วยความคึกคัก ก้องภพเดินถือถุงผักสดอยู่ในมือ ตั้งใจจะแวะซื้อกับข้าวไปทำอาหารกลางวันให้เด็ก ๆ ที่โรงเรียน
สายตาของเขาเหลือบไปเห็นร้านขนมเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยผู้คน เขายืนมองอยู่ครู่หนึ่ง รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าในทันทีที่เห็นพิมพ์แก้วกำลังกุลีกุจอหยิบถุง หยิบขนม เสียงใสของเธอดังไม่ขาดสาย
“อันนี้ตะโก้สาคูค่ะ ส่วนข้าวต้มมัดก็มีนะคะ พี่เอากี่ห่อดีคะ” ก้องภพลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ทันทีที่พิมพ์แก้วเงยหน้าขึ้นเห็นเขา เธอก็ยิ้มสดใส
“อ้าว! พี่ภพ มาตลาดเช้าอีกแล้วเหรอคะ”
“อืม ครูที่โรงเรียนต้องหาซื้อกับข้าวไปทำให้เด็ก ๆ” เขาตอบยิ้ม ๆ พลางช่วยหยิบถุงเปล่าใส่มือเธอ
ช่วงนั้นคนแน่นร้านจนพิมพ์แก้วแทบจะจัดไม่ทัน ก้องภพเลยอาสายืนช่วยรับเงินและยื่นขนมให้ลูกค้า ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติราวกับเขาเป็นส่วนหนึ่งของร้านนี้อยู่แล้ว
“พี่ภพ ขนมร้านนี้ขายดีเพราะใครรู้ไหม” ลูกค้าคนหนึ่งแซวขึ้นมา ก้องภพยิ้มสีหน้ามองลูกค้าเหมือนเป็นคำถาม
“ก็เพราะมีผู้ช่วยหล่อ ๆ มายืนอยู่นี่แหละ” เสียงหัวเราะดังรอบร้าน พิมพ์แก้วหน้าแดงจัด เธอรีบก้มหน้าก้มตาจัดถาดขนมต่อ ขณะที่ก้องภพก็หัวเราะเขิน ๆ แต่ในใจกลับอบอุ่นเหลือเกิน หลังจากคนเริ่มซา พิมพ์แก้วหันมาขอบคุณ
“ขอบคุณนะคะ พี่ภพช่วยพิมพ์ได้เยอะเลย” ก้องภพยิ้มบาง ๆ
“แค่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็รู้สึกดีแล้วล่ะ”
พิมพ์แก้วชะงักไปเล็กน้อย มองหน้าเขาด้วยแววตาแปลก ๆ แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร เสียงลูกค้าคนใหม่ก็ดังขึ้นมาอีก ทำให้เธอต้องรีบหันกลับไปทำงานต่อ
ก้องภพเพียงยืนมองเธออย่างเงียบ ๆ พลางคิดในใจว่าบางที เขาอาจไม่ต้องการอะไรมากกว่าการได้อยู่เคียงข้างเธอแบบนี้
สนามหญ้าหลังโรงเรียนวันนี้ถูกจัดเป็นลานกิจกรรม เด็ก ๆ นั่งล้อมวงบนเสื่อด้วยแววตาตื่นเต้น ก้องภพยกตะกร้าใบใหญ่ขึ้นมา ข้างในเต็มไปด้วยตะไคร้ มะกรูด และเปลือกส้มโอ
“วันนี้เราจะไม่เรียนในห้อง แต่ครูจะพามาทำน้ำยาล้างจานสมุนไพร กันครับ”
“ว้าว!” เด็ก ๆ อุทานพร้อมกัน
ก้องภพอธิบายวิธีทีละขั้น ตั้งแต่หั่นตะไคร้ ต้มเปลือกมะกรูด จนถึงกรองน้ำสมุนไพรใส่ขวดพลาสติก ทุกคนช่วยกันทำอย่างสนุกสนาน บางคนหัวเราะลั่นตอนตะไคร้กระเด็นใส่เพื่อน
ในขณะที่บรรยากาศกำลังครึกครื้น เสียงใสก็ดังมาจากด้านหลัง
“ครูภพคะ พิมพ์ขอมาช่วยด้วยได้ไหม”
ก้องภพหันไปมอง เห็นพิมพ์แก้วกำลังหอบถาดขนมและขวดน้ำสมุนไพรแบบสำเร็จรูปที่เธอลองทำเองมาให้เด็ก ๆ
“อ้าว พิมพ์แก้ว มาได้เวลาพอดีเลย” ก้องภพยิ้มกว้าง
“ช่วยเด็ก ๆ ชิมหน่อยสิว่าของที่เราทำรสชาติพอใช้ได้ไหม” พิมพ์แก้วหัวเราะเบา ๆ พลางเดินเข้ามานั่งข้างเขา มือเธอเอื้อมไปช่วยเด็กกรองน้ำสมุนไพร แต่เพราะก้มเร็วเกินไป ข้อศอกก็เผลอชนกับแขนของก้องภพ
ทั้งสองชะงัก หันมามองหน้ากัน ใบหน้าหนุ่มสาวใกล้จนเกือบได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่าย พิมพ์แก้วหน้าแดงจัด รีบเบือนสายตาไปทางเด็ก ๆ
“อุ๊ย ขอโทษค่ะพี่ภพ”
“ไม่เป็นไรหรอก” ก้องภพหัวเราะเบา ๆ แต่ในใจกลับสั่นไหวอย่างประหลาด
กิจกรรมจบลงด้วยเสียงหัวเราะ เด็ก ๆ ยกขวดน้ำยาล้างจานสมุนไพรที่ทำเองกลับบ้านอย่างภาคภูมิใจ ก่อนกลับ ยังวิ่งมาขอบคุณพิมพ์แก้วที่เอาขนมมาให้กิน
ยามเย็นเมื่อทุกคนกลับกันหมดแล้ว ก้องภพยืนมองขวดน้ำสมุนไพรที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะ เขาหันไปทางพิมพ์แก้วที่กำลังช่วยเก็บของ แล้วพูดเสียงนุ่ม
“ขอบใจนะพิมพ์” พิมพ์แก้วเงยหน้าสบตา รอยยิ้มของเธออบอุ่นจนหัวใจของก้องภพสั่นไหวอย่างที่ไม่อาจซ่อนได้อีกต่อไป
ทุ่งนาหลังโรงเรียนถูกปกคลุมด้วยสีเขียวสด เด็ก ๆ กลับบ้านกันหมด เหลือเพียงก้องภพที่ยังยืนตรวจดูต้นกล้าข้าว เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆดำก่อตัวหนาเหนือศีรษะ
“ฝนจะตกอีกแล้วสินะ” ยังไม่ทันเก็บของเสร็จ เสียงฝีเท้าก็ดังมาจากด้านหลัง
“พี่ภพ!” พิมพ์แก้ววิ่งถือร่มเข้ามา
“พิมพ์เห็นท้องฟ้าครึ้ม เลยรีบเอาร่มมาให้น่ะค่ะ” ก้องภพยิ้ม ขอบคุณในใจที่เธอห่วงใยเขาเสมอ แต่ไม่ทันไรก็เกิดเสียงฟ้าร้องเปรี้ยง! สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างรวดเร็ว
“ไปหลบที่กระท่อมกลางนากันเร็ว!” ก้องภพตะโกน ทั้งคู่รีบวิ่งฝ่าสายฝนจนเปียกปอน ก่อนเข้าไปนั่งหอบหายใจในกระท่อมไม้ไผ่หลังเล็ก
สายฝนโปรยลงไม่หยุด เสียงหยดน้ำกระทบหลังคาสังกะสีดังสม่ำเสมอ ก้องภพหยิบกระบอกไม้ไผ่และผงโกโก้ที่เตรียมไว้สำหรับกิจกรรมคราวหน้าออกมา
“โชคดีที่พกโกโก้มาด้วย จะได้มีเครื่องอุ่น ๆ”
เขาจุดเตาถ่านเล็ก ๆ ชงโกโก้ร้อน กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วกระท่อม ก่อนจะยื่นกระบอกไม้ไผ่ที่มีไอร้อนลอยกรุ่นให้พิมพ์แก้ว
“ลองชิมดูสิ อาจไม่หวานเท่าขนมของพิมพ์ แต่ก็น่าจะพออุ่นได้” พิมพ์แก้วรับมากระชับสองมือ ริมฝีปากแตะเบา ๆ แล้วเผลอยิ้มกว้าง
“หอมจังเลยค่ะ อร่อยกว่าที่คิดอีก” ก้องภพหัวเราะเบา ๆ
