3
“กลับบ้านกัน” เขาพูดเสียงนุ่ม ก่อนจะถอดสูทออกคลุมไหล่ให้เธออย่างอ่อนโยน
“อาไม่อยากให้เธออยู่ที่นี่คนเดียวอีก อาเป็นห่วง”
เธอพยักหน้าเบา ๆ ก้าวเดินข้างเขาออกจากร้าน แม้หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะจากเหตุการณ์เมื่อครู่ แต่ทุกย่างก้าวที่มีเขาเดินเคียงข้าง ก็ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ต้องเผชิญอะไรเพียงลำพังอีกต่อไป
เสียงประตูบ้านปิดลงเบา ๆ พิมพ์ลดาถอดรองเท้า วางกระเป๋าไว้บนโซฟา ก่อนทิ้งตัวนั่งลงอย่างหมดแรง เหตุการณ์ในร้านยังติดอยู่ในหัว ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
ภูวินทร์เดินเข้ามาวางแก้วน้ำตรงหน้า
“ดื่มหน่อย จะได้หายใจโล่ง ๆ”
เธอรับแก้วน้ำมาดื่มช้า ๆ แล้วเงยหน้ามองเขา แววตาคมยังจับจ้องเธอไม่วาง ราวกับกำลังตรวจสอบให้แน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไร
“อาภู…ขอบคุณนะคะ ที่มาทัน” เสียงเธอแผ่ว แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ
เขานั่งลงข้างเธอ มือใหญ่เอื้อมมาประคองมือของเธอ
“ไม่ต้องขอบคุณ พิมพ์เป็นเมียของอา การปกป้องเธอคือสิ่งที่อาต้องทำอยู่แล้ว”
หัวใจของพิมพ์ลดาอุ่นวาบ เธอก้มหน้าหลบ แต่ก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างจากสายตาของเขา ภูวินทร์ค่อย ๆ ใช้มืออีกข้างเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาปิดแก้ม ก่อนก้มลงแตะริมฝีปากที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน
“อาไม่อยากเห็นเธอร้องไห้เพราะใครอีก” เขากระซิบใกล้ ๆ เสียงนุ่มนวลแต่หนักแน่น
พิมพ์ลดารู้สึกเหมือนหัวใจถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่น เธอเผลอเอนตัวเข้าไปซบอกเขา กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ และจังหวะหัวใจสม่ำเสมอของเขาทำให้ความตึงเครียดค่อย ๆ คลายลง
ภูวินทร์ยกแขนขึ้นโอบร่างเธอแน่นขึ้น
“อยู่กับอา…เธอจะปลอดภัย”
ในความเงียบของค่ำคืนนั้น เสียงหัวใจของทั้งคู่ดังชัดเจนกว่าทุกสิ่งและพิมพ์ลดาก็รู้ว่า สำหรับเธอแล้ว อ้อมกอดนี้คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด
พิมพ์ลดายังคงซบอยู่บนอกกว้างของภูวินทร์ เสียงหัวใจของเขาเต้นมั่นคงเหมือนเป็นจังหวะที่ปลอบเธอให้สงบลง เธอหลับตาอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไป
“พิมพ์” เสียงทุ้มของเขาเรียกเบา ๆ แต่ชัดพอให้เธอเงยหน้ามอง
สายตาคมนั้นแน่วแน่
“อาอยากให้เธอรู้…ว่าอาแต่งงานกับเธอไม่ใช่เพราะบังเอิญ หรือเพราะสงสาร” เธอกะพริบตา ราวกับไม่แน่ใจว่าจะได้ยินอะไรต่อจากนี้
“อารักเธอจริง ๆ” คำพูดสั้น ๆ แต่หนักแน่น เขาไม่ละสายตาแม้แต่วินาทีเดียว
“รักมาตั้งนานแล้ว…ก่อนจะมีเรื่องวันนั้นด้วยซ้ำ”
หัวใจของพิมพ์ลดาเต้นแรง ราวกับถูกปลดโซ่ที่พันธนาการความรู้สึกไว้ตลอดหลายปี เธออยากถามให้แน่ใจ แต่ริมฝีปากกลับไม่เอื้อนเอ่ยคำใด
ภูวินทร์ยกมือแตะข้างแก้มนุ่ม แรงสัมผัสอุ่นพอดี
“และอาจะไม่ให้ใครมาพรากเธอไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาของเธอ แต่เป็นน้ำตาที่เต็มไปด้วยความสุขและความโล่งใจ เธอเพียงพยักหน้าเบา ๆ ก่อนเอนตัวกลับเข้าสู่อ้อมกอดนั้นอีกครั้ง
สำหรับพิมพ์ลดา…คืนนี้ไม่ใช่แค่คืนที่เธอได้รับการปกป้อง แต่มันคือคืนที่เธอได้ยินคำตอบที่หัวใจเธอเฝ้ารอมานาน
วันต่อมา...
เสียงหัวเราะของพิมพ์ลดากับชญานันท์ดังสอดประสานไปกับเสียงพูดคุยรอบ ๆ ร้านอาหารในห้างชื่อดัง หลังจากอิ่มกับมื้อกลางวัน ทั้งคู่ก็พากันเดินชมร้านค้าตามชั้นต่าง ๆ อย่างเพลิดเพลิน
“วันนี้อาภูอนุญาตให้พิมพ์กับนันชอปได้เต็มที่นะ” ชญานันท์ยิ้มตาด้วยดวงตาเป็นประกาย พลางชูบัตรสีดำในมือ
“นี่บัตรของอาภู รูดได้ไม่อั้นเลย”
พิมพ์ลดาหัวเราะเบา ๆ
“อาภูใจดีจัง”
“ก็ห้างนี้ของอาเขานี่นา จะให้เดินแบบมือเปล่ากลับบ้านได้ไง” ชญานันท์แกล้งพูดแล้วดึงเธอเข้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดัง
ตลอดการเดินเลือกของ พิมพ์ลดาได้แต่หยิบดูเพลิน ๆ บ้าง ลองเสื้อบ้าง แต่ก็วางกลับคืนที่เดิมเกือบทั้งหมด ซื้อเพียงชุดทำงานไม่กี่ชิ้นและของฝากเล็ก ๆ สำหรับบิดามารดา
“พิมพ์นี่ไม่เหมือนคนอื่นเลยนะ” ชญานันท์หันมาบ่นเบา ๆ ตอนอยู่ในลิฟต์
“ถ้าเป็นคนอื่นคงกวาดหมดแล้ว”
พิมพ์ลดายิ้มบาง ๆ
“อาภูหาเงินมาเหนื่อย จะให้พิมพ์ผลาญเล่นได้ไง” คำพูดนั้นแม้จะเรียบง่าย แต่เมื่อภูวินทร์ได้ยินจากปากของพนักงานที่คอยรายงาน เขากลับยิ้มพอใจอยู่มุมหนึ่งของห้าง เธอไม่รู้เลยว่าทุกย่างก้าวของเธอในวันนี้ เขาเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู
พิมพ์ลดาเดินเคียงกับชญานันท์ หิ้วถุงของไม่กี่ใบในมือ หลังจากชอปปิงเสร็จก็เตรียมจะกลับ แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านข้าง
“อ้าว…ใครจะไปคิดว่าจะมาเจอ เจ้าสาวถูกทิ้ง ที่นี่”
พิมพ์ลดาหยุดก้าว หันไปเห็นหญิงสาวแต่งตัวจัดเต็มในชุดเดรสสีแดงสด ศศิพรรณยืนอยู่กับเพื่อนสนิทอย่างพิชญา ทั้งคู่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาเยาะเย้ย
ชญานันท์ขมวดคิ้ว แต่พิมพ์ลดากลับยิ้มบาง ๆ อย่างไม่สะทกสะท้าน
“ค่ะ…แล้ว”
ศศิพรรณหัวเราะในลำคอ
“ก็แค่สงสารน่ะ วันแต่งงานทั้งที เจ้าบ่าวดันหนีไปหาผู้หญิงอื่น”
“ดีสิคะ” พิมพ์ลดาตอบเสียงราบ แต่แฝงความคมกริบ
“เพราะฉันไม่ได้รักเขาอยู่แล้ว ถ้าเธออยากเอาขยะของฉันไป ก็เอาไปเถอะ ฉันยกให้”
แววตาของศศิพรรณแข็งขึ้นทันที แต่พิมพ์ลดายังพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย
“อีกอย่าง…เลิกกันก็ดีแล้ว เพราะมันทำให้ฉันได้เจอผู้ชายที่ดีกว่าร้อยเท่าพันเท่า ทั้งหล่อ ทั้งรวย นิสัยก็ดี โคตรโชคดีที่โดนทิ้งจริง ๆ”
ชญานันท์ถึงกับยกมือปิดปากกลั้นหัวเราะ ส่วนพิชญาที่ยืนอยู่ข้างศศิพรรณหน้าซีดไม่ต่างจากเพื่อนสาว
สีหน้าของศศิพรรณแทบปริแตก แต่เธอกลั้นไว้เต็มที่ ก่อนจะเชิดหน้าแล้วสะบัดตัวเดินจากไป ไม่กล้าพูดอะไรอีก
พิมพ์ลดามองตามด้วยรอยยิ้มมุมปาก เธอรู้ดีว่าครั้งนี้…เธอไม่ได้เป็นฝ่ายที่ต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรมอีกต่อไป
หลังจากศศิพรรณกับพิชญาเดินวนตามพิมพ์ลดามาสักพัก พวกเธอก็เริ่มคุยกันเสียงดังเหมือนตั้งใจให้ได้ยิน จริงๆ ไม่ได้หนี แต่ถอยไปตั้งหลักและเตรียมเยาะเย้ยต่อ
“ปราณเขาให้บัตรมารูดไม่อั้นนะ จะซื้อของหมดร้านก็ยังไหว” ศศิพรรณยกบัตรเครดิตสีทองขึ้นโชว์อย่างอวด ๆ
พิชญาหัวเราะเสริม
“ใช่ ๆ คนบางคนก็ได้แค่ผู้ชายมาช่วยแก้หน้าในงานแต่ง ไม่ได้ให้เงินอะไรมากมายหรอก”
พิมพ์ลดาหันมามองสองสาวด้วยรอยยิ้มมุมปาก
