2
“หมายความตามนั้น” เขากระซิบใกล้หู ร่างสูงโน้มเข้ามาอีกเพียงคืบ ลมหายใจอุ่นรดแก้มสาว
“ฉันแอบชอบเธอมานานแล้ว” เขาสารภาพตามตรง
ความอบอุ่นจากน้ำเสียงและสายตาของเขาแทรกซึมเข้าไปในหัวใจจนเธอแทบลืมหายใจ ความตกใจผสมความรู้สึกบางอย่างที่เก็บซ่อนมานานทำให้เธอไม่อาจหลบตาเขาได้
มือใหญ่ของภูวินทร์โอบเอวเธอไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเธอจะถอยหนี ริมฝีปากของเขาสัมผัสลงที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา ก่อนเลื่อนต่ำลงมาทีละน้อย ทุกสัมผัสเป็นเหมือนคลื่นอุ่นที่ค่อย ๆ โอบล้อมหัวใจและร่างกายของเธอ
หัวใจของพิมพ์ลดาเต้นแรงและไร้ทางหนี เธอเพิ่งเข้าใจว่า…เขาไม่ได้แค่มาช่วย แต่ตั้งใจจะครอบครองเธอจริง ๆ ปลายนิ้วอุ่นของภูวินทร์สัมผัสแก้มเธออย่างแผ่วเบา แววตาคมคู่นั้นมองเธอราวกับเธอเป็นสิ่งเดียวในโลกที่เขาต้องการ พิมพ์ลดาแทบไม่กล้าหายใจ กลัวว่าถ้าขยับแม้แต่น้อย บรรยากาศนี้จะสลายไป
“พิมพ์ไม่รู้เลย ว่าอาภูคิดกับพิมพ์แบบนี้” เธอเอ่ยเสียงเบา คล้ายกระซิบกับตัวเอง
“คงเพราะอาเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ให้ลึกสุดใจ เพราะเธอมีคู่หมั้นแล้ว” เสียงทุ้มแผ่วลง
“แต่วันนี้ อาจะไม่เก็บความรู้สึกเอาไว้อีกแล้ว”
เขาประคองใบหน้าของเธอเอาไว้ในฝ่ามือ ก่อนกดจูบอย่างอ่อนโยน ราวกับต้องการบอกทุกความรู้สึกที่เก็บมานาน จูบนั้นไม่เร่งเร้า แต่กลับทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบหลุดออกมานอกอก
พิมพ์ลดาหลับตาลง ปล่อยให้ตัวเองถูกโอบล้อมด้วยอ้อมกอดแข็งแรงของเขา ความอบอุ่นนั้นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เหมือนทุกกำแพงที่เธอสร้างไว้พังลงทีละน้อย
เขาผละออกเล็กน้อย เพียงพอให้มองเห็นริมฝีปากของเธอที่สั่นน้อย ๆ
“ไม่ต้องกลัวนะ อาอยากให้คืนนี้เป็นคืนแรกของเรา”
คำพูดนั้นทำให้เธอหัวใจวูบไหว รู้สึกทั้งประหม่าและยินยอมโดยไม่รู้ตัว
ภูวินทร์ดึงผ้าคลุมไหล่ออกช้า ๆ ราวกับกลัวทำให้เธอตกใจ มือใหญ่ลูบแผ่นหลังเธอเบา ๆ ก่อนจะพาเธอนอนเอนลงบนเตียง กลีบกุหลาบบนผ้าปูเตียงยับยู่ยี่ใต้ร่างของเธอ กลิ่นหอมหวานลอยปนกับความอุ่นร้อนจากร่างกายที่ใกล้ชิด
สายตาของเขาไม่เคยละไปจากเธอสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา แต่แฝงความถนอมและเคารพอย่างที่สุด ราวกับเธอเป็นของขวัญล้ำค่าที่เขาเพิ่งได้รับ
ทุกสัมผัสที่ตามมา ไม่ได้เร่งเร้า หากแต่ลึกซึ้งและอ่อนโยน ราวกับเขากำลังเขียนคำว่ารักด้วยปลายนิ้วและจูบลงบนผิวกายของเธอทีละนิด จนทั้งห้องหอมีเพียงเสียงหัวใจของทั้งคู่ตอบรับกันอย่างเงียบงัน
แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องลอดผ่านผ้าม่านสีครีมเข้ามาในห้อง กลิ่นหอมจางของกุหลาบยังอบอวลอยู่ พิมพ์ลดาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ร่างกายยังอบอุ่นเพราะถูกโอบไว้ในอ้อมกอดกว้างที่คุ้นเคยตั้งแต่เมื่อคืน
ภูวินทร์นอนอยู่ข้างเธอ แขนแข็งแรงพาดอยู่บนเอว ใบหน้าคมยังคงมีรอยยิ้มบาง ๆ ขณะหลับ ราวกับนอนหลับฝันดี
พิมพ์ลดามองเขาเงียบ ๆ หัวใจสั่นวูบเมื่อคิดถึงคำพูดเมื่อคืน เขาไม่ได้เพียงแค่มาช่วยเธอจากความอับอาย แต่ตั้งใจจะมีเธอเป็นภรรยาจริง ๆ
เธอขยับตัวเบา ๆ แต่ก็ถูกดึงกลับเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง เสียงทุ้มง่วง ๆ ดังขึ้นใกล้หู
“ตื่นแล้วเหรอภรรยาของอา”
แก้มของเธอร้อนวูบกับคำเรียกนั้น
“อาภู…ปล่อยก่อนค่ะ”
เขาหัวเราะเบา ๆ แต่ไม่ยอมปล่อย
“เมื่อคืนยังบอกว่าจะไม่หนีอา ตอนนี้คิดจะหนีแล้วเหรอ” น้ำเสียงนั้นเจือแววแหย่ปนอบอุ่น ทำให้เธอใจเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม
พิมพ์ลดากัดริมฝีปากตัวเอง ไม่รู้จะตอบอะไร เธอรู้เพียงว่าตั้งแต่วินาทีนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงการแต่งงานเพื่อรักษาหน้าอีกต่อไป แต่มันคือจุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่หัวใจของเธอรอคอยมานาน
ภูวินทร์มองสีหน้าเขินอายของเธอ ก่อนจะกดจูบเบา ๆ ที่หน้าผาก
“เช้านี้อาขออยู่แบบนี้อีกหน่อย อยากจำว่ามีเธออยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่วันแรก”
และในความเงียบนั้น หัวใจของพิมพ์ลดาก็ยอมรับอย่างชัดเจน ว่าเธอไม่เพียงแค่ตกลงแต่งงานกับเขา แต่กำลังยอมมอบทั้งหัวใจให้เขาโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ อีก
วันต่อมา...
แดดยามบ่ายส่องลอดผ่านกระจกหน้าร้านอาหารขนาดกะทัดรัดของพิมพ์ลดา กลิ่นอาหารหอมอบอวลอยู่ทั่ว แต่บรรยากาศกลับเย็นวาบลงทันทีที่ร่างสูงของชายคนหนึ่งก้าวเข้ามา
ปราณอดีตคู่หมั้นของเธอ
พิมพ์ลดาเงยหน้าขึ้นจากเคาน์เตอร์ รับรู้ถึงแรงกดดันบางอย่างจากสายตาคมที่จ้องมา
“มีอะไรหรือคะ” น้ำเสียงเธอสุภาพแต่เรียบเฉย
เขาเดินเข้ามาใกล้ สีหน้าเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองปนเสียดาย
“ทำไมถึงทิ้งพี่ไปแต่งงานกับคนอื่น”
เธอหัวเราะในลำคอแผ่ว ๆ ก่อนแค่นยิ้มเย็น
“คำถามนี้…น่าจะต้องถามตัวเองนะคะ ว่าทำไมพี่ถึงหนีฉันไปในวันแต่งงาน แล้วปล่อยให้ฉันยืนอับอายอยู่คนเดียว” คำพูดของเธอเหมือนตบหน้าชายหนุ่มอย่างแรง สีหน้าของปราณเปลี่ยนไป เขาหลบสายตาเพียงชั่วครู่ก่อนเอ่ย
“พี่ขอโทษ แต่พี่รักเธอจริง ๆ พี่จะไม่ยอมเสียเธอไป”
ไม่ทันให้เธอตอบ เขาก็เอื้อมมือมาคว้าแขนของเธอเอาไว้ พยายามจะดึงเธอเข้าไปกอด
“ปล่อย!” พิมพ์ลดาดิ้นสุดแรง เสียงจานช้อนกระทบกันดังเพราะเธอเผลอชนกับโต๊ะ
ประตูร้านถูกผลักเปิดอย่างแรง เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังเข้ามา ภูวินทร์ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมวาวโรจน์เมื่อเห็นภาพตรงหน้า
เพียงชั่ววินาที หมัดหนัก ๆ ของเขาก็ซัดเข้าที่ใบหน้าของปราณอย่างจัง ร่างสูงของอดีตคู่หมั้นเซถอยไปชนกับโต๊ะทางด้านหลัง
“จำไว้ให้ดี” เสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยแรงกดดัน
“พิมพ์ลดาคือเมียของฉัน อย่ามายุ่งอีก”
บรรยากาศในร้านเงียบกริบ เหลือเพียงเสียงหอบหายใจของทุกคน ปราณยกมือแตะมุมปากที่มีเลือดซึม แต่ยังไม่ทันพูดอะไร ภูวินทร์ก็ขยับเข้าไปยืนบังพิมพ์ลดาไว้เต็มตัว แววตาของเขาชัดเจนว่านี่คือคำเตือนครั้งสุดท้าย
พิมพ์ลดายืนตัวแข็งอยู่ด้านหลังของภูวินทร์ เธอยังหายใจไม่ทั่วท้องจากแรงกระชากเมื่อครู่ มือเย็นเฉียบแม้ในร้านจะอบอุ่น
ภูวินทร์หันมามอง สีหน้าเขานิ่ง แต่แววตายังมีประกายโกรธที่ไม่จางหายไป
“ไม่เป็นไรแล้วนะ”
เธอส่ายหน้าเบา ๆ
“อาภู เขาไม่น่าทำแบบนี้เลย” เสียงของเธอสั่นน้อย ๆ ทั้งจากตกใจและความขุ่นเคือง
“เพราะเขาไม่รู้จักคำว่าปล่อยวาง” ภูวินทร์ตอบเสียงหนักแน่น ก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือเธอเอาไว้
“แต่อาจะไม่มีวันปล่อยให้ใครมาทำอะไรเธอได้อีก”
คำพูดนั้นทำให้หัวใจของพิมพ์ลดาอุ่นวาบ เธอมองเขาเงียบ ๆ เห็นความจริงจังในดวงตาคม และรู้สึกว่าความกลัวเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความมั่นคงอย่างประหลาด
