บทย่อ
1. คลั่งรักคุณอาข้างบ้าน เมื่อเจ้าสาวในพิธีแต่งงานถูกคู่หมั้นหนีไปต่อหน้าผู้คนทั้งงาน เธอคิดว่าชีวิตคงจบลงด้วยความอับอาย แต่เขาชายหนุ่มผู้เป็นอาของเพื่อนสนิท กลับก้าวเข้ามาในฐานะเจ้าบ่าวแทน เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและหัวใจของเธอ จากการแต่งงานที่เริ่มต้นด้วยเหตุจำเป็น กลายเป็นความรักที่ค่อย ๆ เติบโต ท่ามกลางรอยแผลในอดีต ภาระหนี้สิน และคนที่ไม่ยอมปล่อยมือ เธอจะเรียนรู้ว่าความรักแท้คือการได้พบคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างในทุกช่วงเวลาของชีวิต 2. เพลิงร้อนซ่อนรัก หลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ความห่างเหิน และความรู้สึกที่ซ่อนอยู่มานาน ธันวากับปาริฉัตรก็ได้กลับมาใช้ชีวิตในบ้านหลังใหม่ด้วยกันอีกครั้ง 3. เมียรักคุณอิฐ จากเจ้าสาวตัวแทนที่ใคร ๆ มองว่าไร้ค่า เธอค่อย ๆ ใช้หัวใจพิสูจน์ว่าความรักไม่ได้เกิดจากสัญญา แต่เกิดจากการ "อยู่เคียงข้างกัน" เขาชายหนุ่มผู้เย็นชา กลับเผลอตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น ลูก ๆ ที่เคยไม่ยอมรับ กลับกลายเป็นเงาตามตัว และเมื่อครอบครัวเล็ก ๆ เริ่มมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น เพราะสุดท้ายแล้ว ความสุขของบ้านหลังนี้ คือการได้มี เธอ อยู่พร้อมหน้า
1
นิยายชุดเล่ม 1 คลั่งรักคุณอาข้างบ้าน
เสียงดนตรีบรรเลงคลอในห้องโถงหรูหราของโรงแรมชื่อดัง บรรยากาศที่ควรเต็มไปด้วยความสุขกลับอึดอัดอย่างน่าประหลาด สายตาหลายคู่หันมองไปที่พิมพ์ลดา เจ้าสาวในชุดกระโปรงยาวสีงาช้างที่ถูกตัดเย็บอย่างประณีต เธอนั่งตัวตรงบนเก้าอี้ตัวเล็กข้างเวที มือบางกำชายผ้าชุดแน่นจนเย็นเฉียบ
นาฬิกาเดินไปเรื่อย ๆ แต่เก้าอี้ฝั่งเจ้าบ่าวยังว่างเปล่า
“หนูพิม ไม่เป็นไรนะลูก” สุพัตรา มารดาของเธอเอ่ยเสียงแผ่ว ดวงตาที่เคยเข้มแข็งสั่นไหวอย่างปิดไม่มิด
“เดี๋ยวปราณก็คงมา”
พิมพ์ลดาเพียงพยักหน้าเบา ๆ รอยยิ้มฝืนประดับบนริมฝีปาก เธอไม่กล้าปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาต่อหน้าผู้คน ไม่ใช่เพราะกลัวเสียหน้า แต่เพราะกลัวว่าถ้าร้องไห้ออกมา เธอจะไม่มีแรงแม้แต่จะนั่งอยู่ตรงนี้
ความจริงแล้ว…ตลอดเวลาที่หมั้นกับปราณ เธอไม่เคยคิดร้ายหรือทำให้เขาลำบากใจเลยสักครั้ง เธอดูแล เอาใจ และพยายามเป็นคู่หมั้นที่ดีเสมอ เพราะบ้านเธอล้มละลาย พ่อป่วยหนักนอนอยู่โรงพยาบาล และการแต่งงานครั้งนี้คือโอกาสเดียวที่จะรักษาหน้าตาของครอบครัวกับสัญญาระหว่างตระกูล
แต่เขากลับเลือกจะทิ้งเธอ เพื่อไปหาผู้หญิงอีก ซึ่งเป็นรักแรกของเขา
เสียงกระซิบเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ รอบห้อง
“สงสัยเจ้าบ่าวหนีงานแต่งแน่”
“โธ่…น่าสงสารเจ้าสาว”
“เห็นว่าบ้านฝั่งเจ้าสาวล้มละลายนี่นะ ฝั่งเจ้าบ่าวคงไม่อยากแบกภาระ” คำพูดเหล่านั้นเหมือนมีดบาง ๆ ที่กรีดซ้ำลงกลางหัวใจ พิมพ์ลดาก้มหน้า หายใจเข้าลึก ๆ พยายามบอกตัวเองให้อดทน แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย
“ใครบอกว่าพิมพ์ลดาถูกทิ้ง” เสียงทุ้มต่ำชัดถ้อยชัดคำ ทำให้สายตาทุกคู่หันไปยังต้นเสียง
ร่างสูงในสูทสีเทาเข้มก้าวเข้ามาจากประตูทางเข้าด้วยท่วงท่าสง่างาม แสงไฟจากสปอตไลต์สะท้อนลงบนดวงหน้าคมเข้มของภูวินทร์ ริมฝีปากหยักหนาโค้งขึ้นเล็กน้อยแต่ดวงตากลับนิ่งแน่ว
พิมพ์ลดาเงยหน้าขึ้น หัวใจของเธอเต้นแรงราวจะทะลุออกมานอกอก อาของชญานันท์ เพื่อนสนิทที่สุดของเธอ และเขาก็คือชายหนุ่มข้างบ้านที่เธอแอบรักมาตลอดหลายปี ยืนอยู่ตรงหน้าในเวลาที่เธออ่อนแอที่สุด
ภูวินทร์ก้าวตรงมาหาเธอ ท่ามกลางเสียงฮือฮาของแขกในงาน เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ยื่นมือออกมาราวกับเจ้าชายในเทพนิยาย
“พิมพ์ลดา…เธอจะแต่งงานกับฉันไหม” เสียงทุ้มดังพอให้ทั้งห้องได้ยิน
เธอเม้มปากแน่น น้ำตาที่กลั้นไว้สั่นคลอ ภาพในหัวตลอดหลายปีผุดขึ้นมา เขาเคยช่วยเหลือเธอตอนเรียนมหาวิทยาลัย เขาคอยปกป้องเธอเวลาโดนคนกลั่นแกล้ง และเขาที่เธอไม่กล้าแม้แต่จะหวัง เพราะเธอถูกหมั้นหมายกับคนอื่นแล้ว
วันนี้…เขายืนอยู่ตรงหน้า พร้อมจะเป็นเจ้าบ่าวของเธอ
“แต่งค่ะ…” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่มั่นคง
ได้แต่งกับคนที่แอบรักมานาน ทำไมจะไม่ตกลง
รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนใบหน้าคมคายของภูวินทร์ เขากระชับมือเธอแน่นและพาเดินขึ้นเวที ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่ยังไม่หายจากความตกตะลึง
สำหรับทุกคน มันคือการพลิกสถานการณ์ที่น่าตื่นเต้น แต่สำหรับพิมพ์ลดา มันคือการเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตกับผู้ชายที่เธอรักมานาน แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้ครองคู่จริง ๆ
ประตูห้องสวีทชั้นบนสุดของโรงแรมถูกปิดลงอย่างเงียบงัน เสียงอึกทึกและดนตรีจากงานด้านล่างถูกกลืนหาย เหลือเพียงความเงียบที่อบอวลไปทั่วห้อง
พิมพ์ลดาก้าวเข้าไปช้า ๆ สายตาไล่มองรอบห้องที่ถูกตกแต่งด้วยกลีบกุหลาบสีแดงบนเตียงผ้าขาวสะอาด กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ปนกับกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดทั้งอบอุ่นและตึงเครียดในเวลาเดียวกัน
ภูวินทร์เดินตามเข้ามา ร่างสูงถอดชุดสูทสีเทาเข้มออกแล้ววางลงบนเก้าอี้ ใบหน้านิ่งขรึมทอดมองเธอไม่วาง
พิมพ์ลดาไม่กล้าสบตานานนัก จึงหันไปจัดชายกระโปรงของตัวเอง ทั้งที่หัวใจเต้นแรงราวจะหลุดออกมา เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าห้องหอจะเป็นแบบนี้ ไม่ใช่กับผู้ชายที่ถูกหมั้นหมายไว้ตั้งแต่ต้น แต่กับคนที่เธอแอบรักมานาน
“เหนื่อยไหม” เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้น ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย
“นิดหน่อยค่ะ” เธอตอบสั้น ๆ สายตายังมองต่ำ
เขาก้าวเข้ามาใกล้ หยุดอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมมือมาถอดปิ่นปักผมที่ประดับอยู่ ผมยาวสลวยของเธอสลายลงมาแตะไหล่พร้อมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลมหายใจของเธอสะดุดเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงความใกล้ชิด
“คืนนี้…ไม่ต้องกังวลอะไร” น้ำเสียงนั้นหนักแน่น แฝงความอบอุ่นแปลก ๆ
“ถือว่าเราเริ่มต้นกันใหม่”
พิมพ์ลดาเงยหน้ามองเขา ดวงตาสั่นไหวในแสงไฟสลัว เธอพยักหน้าเบา ๆ แม้ในใจยังมีความไม่มั่นคง แต่ความอบอุ่นจากคำพูดและสายตาของเขาก็ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ยืนอยู่เพียงลำพังอีกต่อไป
ภูวินทร์ดึงผ้าคลุมไหล่ของเธอออกอย่างนุ่มนวล แล้วพาเธอไปนั่งบนเตียง ท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงหัวใจของเธอเต้นตอบรับกับทุกการเคลื่อนไหวของเขา
แสงไฟสีอุ่นในห้องสวีทส่องลอดผ่านม่านผืนบาง กลิ่นหอมอ่อนของกุหลาบและลมหายใจอุ่นใกล้ชิดทำให้บรรยากาศราวกับหยุดนิ่ง พิมพ์ลดานั่งพิงหมอน ปลายนิ้วกำชายผ้าห่มแน่นราวกับไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี
ภูวินทร์นั่งลงข้างเธอ ร่างสูงโน้มลงมาจนเงาของเขาทาบทับบนใบหน้าของเธอ ความใกล้ชิดนั้นทำให้หัวใจของเธอสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
“ทำไมถึงมาช่วยพิมพ์คะ” เสียงของเธอสั่นไหวเล็กน้อย ทั้งจากความประหม่าและความอยากรู้
ริมฝีปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนที่เขาจะตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มชัด
“ตอนนั้น…ทุกคนคิดว่าเธอถูกทิ้ง ฉันไม่ยอมให้เธอต้องยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว” คำตอบนั้นเหมือนเป็นเหตุผลที่เธอคาดไว้ แต่เพียงครู่เดียวเขาก็พูดต่อ ดวงตาคมลึกจ้องมองเธอตาไม่กระพริบ
“แต่ที่จริง…ฉันไม่ได้แค่อยากช่วยเธอแก้สถานการณ์” เขาเอื้อมมือมาเกลี่ยปอยผมที่แก้มเธอเบา ๆ
“ฉันอยากได้เธอเป็นเมียของฉันจริง ๆ”
พิมพ์ลดาเบิกตากว้างเล็กน้อย หัวใจวูบโหวง
“อาภู…หมายความว่า”

