บทที่ 2 ตอนที่ 2
“จะพาไปไหน... ไม่กลับห้องหรอกหรือ” หล่อนพอจะจำทางได้อยู่บ้าง เพราะตอนเขาขับรถพาออกมา หล่อนมองทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่างตลอด
“แวะไปซุ้มหน่อย”’
“ซุ้ม?...” หล่อนหันขวับมองเขา ‘ซุ้ม? ซ่อง?’ มันยังไงกัน อดคิดนอกลู่นอกทางไม่ได้เลยจริงๆ เมื่อเขาหันมองด้วยสายตากรุ้มกริ่มแพรวพราวน่าขนลุก “อืม... ชักเปรี้ยวปาก ขอแวะไปคลายเครียดนิดนึงนะ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบปากคล้ายกระหายเต็มที สาวเจ้าหันขวับไปทางหน้าต่างรถเหมือนเดิม แอบเกร็งจนตัวหด ไม่ต่อปากต่อคำใด ๆ
อุตส่าห์หลงคิดว่าเป็นคนดี มีน้ำใจ มีความเป็นลูกผู้ชาย ที่ไหนได้... ผู้ชาย! มันก็คิดแต่เรื่องอย่างว่าไม่ต่างกันหรอก หล่อนน่าจะรู้ตั้งแต่เขาเลือกชุดชั้นในให้แล้ว ว่ามีจุดประสงค์แอบแฝง และคงรู้ว่าหล่อนจะไม่ยอมง่าย ๆ แน่ ถึงได้หาทางออกด้วยการไปกินในที่อโคจร
“ทุเรศ ลามก...”
“หือ... ว่าไงนะ”
“เปล่า... ถ้านายจะไปที่แบบนั้น... ฉันขอกลับห้องก่อนได้ไหม ฉันจำทางได้ ให้วินไปส่งก็ได้” หล่อนต่อรอง ใครจะบ้าอยากไปนั่งเฝ้าจนเขาเสร็จกิจ
“ก็รอกลับพร้อมกันนี่แหละ ผมอยู่ไม่นานหรอก”
“โห... นกกระจอกไม่ทันกินน้ำแน่ ๆ ยังหนุ่มยังแน่นแท้ ๆ” พลางสายตาลอบมองสำรวจเขาทั้งตัว
“บ่นอะไรคุณ ถึงแล้ว นี่ไงซุ้มมือปืน”
“อะไรนะ!” หล่อนตกใจตาค้าง เพราะจากเดิมคิดว่าซุ้มที่เขาหมายถึงคือซ่อง ไม่ได้นึกถึงเรื่องซุ้มอาวุธ ของผิดกฎหมายเลยแม้แต่นิดเดียว
“อย่าบอกนะว่า... นายเป็น...” มือปืน! คำหลังปากสั่นจนพูดไม่ออก หล่อนมองเขานิ่ง ขนลุกซู่ เริ่มรู้สึกกลัวผู้ชายหน้าตาดีตรงหน้าจับใจ
“เป็นอะไรเล่า เฮ้อ... จะนั่งรอบนรถก็ได้นะ หรือจะมากับผมก็ตามมา” เขาพูดแล้วเปิดประตูรถเดินวนมาฝั่งที่หล่อนนั่ง
หล่อนมองตาม... บรรยากาศที่เห็นค่อนข้างอึมครึม เข้ามาในซอยลึกไม่ค่อยมีคนสัญจร รอบ ๆ เห็นแต่ผู้ชาย ไม่มีผู้หญิงอยู่เลย ดูเป็นคนมีอายุเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่งตัวเหมือนชาวบ้านหาเช้ากินค่ำทั่วไป สายตาตามติดชายหนุ่มที่เดินเข้าไปในร้าน...
มีป้ายทำด้วยไม้อันใหญ่ติดอยู่ด้านบนของประตูซุ้ม ข้อความเขียนว่า ‘ซุ้มมือปืน’ แต่เมื่อมองสินค้าแล้วไม่มีแม้แต่เงาปืน ทำให้รู้ว่า มันเป็นแค่ชื่อ...
หล่อนคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว!
“ไอ้คนเฮงซวย! ชอบทำให้เข้าใจผิดอยู่เรื่อย”
ด้านหน้ามีเคาน์เตอร์ตัวใหญ่ และบาร์ ตกแต่งด้วยต้นกล้วยบ้าง ทางมะพร้าวที่ยังเขียวสดอยู่บ้าง ไขว้สานอย่างง่าย ๆ มีเก้าอี้สำหรับนั่งตรงรอบ ๆ บาร์ และด้านในเป็นโต๊ะ ชื่อซุ้มมือปืน แต่มันเป็นซุ้มยาดอง!
“อ้าวซัน... ไม่ขายลูกชิ้นเหรอวันนี้” ชายคนหนึ่งตะโกนถาม หญิงสาวยังสังเกตการณ์ และได้ยินบทสนทนาอย่างเสียไม่ได้
เป็นพ่อค้าขายลูกชิ้นหรอกเหรอ... มิน่าถึงตั้งชื่อให้หล่อนว่าลูกชิ้น
“มีธุระนิดหน่อยพี่ เลยต้องหยุด แล้วพี่ล่ะ ไปไงมาไงถึงแวะมาได้” เจ้าของร้านยกแก้วเป๊กใส่ถาดมาวางให้พอดี ชายหนุ่มจึงหยิบกระดกดื่มรวดเดียว พลางสูดปากราวได้ลิ้มรสของเผ็ดร้อน
“ก็ขับรถผ่านทางนี้พอดี เลยแวะเสียหน่อย คิดถึงเหล้าดองเฮียอ้าย รอบนี้จะลงใต้ กว่าได้กลับคงเป็นเดือน”
“แหม่มึง อะไร ๆ ก็คิดถึงเหล้า ถ้าไม่มีกู เหล้าก็ไม่มีนะเว้ย” ชายวัยกลางคนซึ่งน่าจะเป็น ‘เฮียอ้าย’ ตะโกนตอบกลับไป มือก็พัลวันอยู่กับการเปิดขวดโหลตักยาดองให้ลูกค้าคนนั้นคนนี้
“เหมือนกัน มีเหล้าก็ต้องมีเฮีย”
“คิดถึงสมัยก่อนนะ สามสี่สิบปีที่แล้ว... ใคร ๆ ก็มาร้านเฮีย” ใครคนหนึ่งที่ไม่ได้นั่งโต๊ะเดียวกับเขาเอ่ยขึ้น แต่ดูแล้วคงรู้จักมักคุ้นกันดี
“ใครจะพลาด ทั้งนวลนาง ทั้งกังฟูเพลย์บอยกองเป็นพะเนิน จริง ๆ การตลาดของเฮียแก ล้ำสุดแล้วสมัยนั้น” ว่าแล้วคนทั้งร้านก็สมทบกันหัวเราะร่วน
หญิงสาวเริ่มตงิดใจกับเรื่องเล่า... รู้สึกว่าดีแล้วที่ตัดสินใจนั่งอยู่บนรถ
“สมัยนั้นหาดูของดีมันยาก ไม่เหมือนสมัยนี้ แม่งเอ๊ย! แก้ผ้าอวดกันจนกูเบื่อ ไม่ตื่นเต้น เฉย ๆ ไปเลย” เฮียอ้ายเอากับเขาบ้าง
“เบื่อหรือแก่เฮีย ฮอร์โมนหมดก็โทษยุคสมัย ไม่ได้นา” หลังจากนั้นการสนทนาก็เริ่มดุเด็ดเผ็ดแซ่บยิ่งขึ้น ทั้งประสบการณ์ตรง ทั้งกระบวนท่า ทั้งความพิสดารพันลึกถูกขุดขึ้นมาสนทนาราวกับเป็นสารคดีเฉพาะกิจ
หล่อนหดห่อตัวเล็กลีบ นั่งเงียบ ๆ อยู่ในรถรอเวลาเขาพากลับ ในใจก็ก่นด่าสารพัด คนอะไรวิปริตจริง ๆ มั่วสุมกันคุยแต่เรื่องลามกจกเปรต แม้เขาจะนั่งยิ้มบ้าง หัวเราะบ้างไม่ได้ออกความเห็นใด ๆ แต่หากอยู่ก๊วนเดียวกันแล้ว มีหรือจะไม่ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน
“น้องฟ้าเอย น้องมีนา น้องนิ๊กกี้ เมญ่ากับน้องกิ๊กที่ไลฟ์สดอะมึง ล่าสุดน้องลูกชิ้นโว้ย! คนนี้มาแล้วหน้าประวัติศาสตร์พลิกเลย ขนาดมีโชว์ฟรีกันกระหึ่ม น้องลูกชิ้นยังเปรี้ยงปร้างเป็นพลุแตก ในชั่วข้ามคืน ยิ่งกว่าดาราดัง ๆ บางคนเสียอีก” ใครคนหนึ่งคุยโว เปิดประเด็นโลกออนไลน์ที่เข้ามามีอิทธิพลในทุก ๆ ด้าน
“ลูก... ลูกชิ้น อะไรวะ” ชื่อนั้นชายหนุ่มตั้งให้หล่อนนี่... ‘ลูกชิ้น’ สะดุ้ง
“คนไหนวะ ไอ้แหลม มึงนี่เจนจัด”
“ก็คนนั้นไงพี่ ออกจะดัง ที่ถ่ายรูปแหกแข้งแหกขาแหวกทุเรียนไง ได้ฉายานางแบบ... ทุเรียนแห่งปี” แล้วเสียงหัวเราะครื้นเครงก็ดังกระหึ่มเซ็งแซ่ รวมไปถึงชายหนุ่มที่มากับหล่อนด้วย
“ลามกจกเปรตจริง ๆ” หญิงสาวหน้าแหย หล่อนเองก็เล่นโซเชียลเป็นกิจวัตร มีหรือจะไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่พวกเขาคุยกัน ยิ่งเป็นข่าวเรื่องพริตตี้คนดังกล่าว ซึ่งพ่วงตำแหน่งนางแบบถ่ายคอลเลกชันวาบหวิวตัวท็อปไว้ด้วย มีหรือจะไม่รู้จัก และที่ฮือฮากันนักในช่วงหนึ่ง ก็เพราะเจ้าหล่อนถ่ายอ้าแหกสามร้อยหกสิบองศา นำผลไม้ตามฤดูกาลยอดฮิตอย่างทุเรียน มาประกอบฉากด้วยท่าทางชวนสยิวกิ้ว จนเป็นที่กล่าวขวัญทั่วทั้งบ้านทั้งเมือง
หญิงสาวตระหนักแล้วว่า... ชื่อ ‘ลูกชิ้น’ มันไม่ได้มาจากอาชีพการงานของเขาหรอก!
“เป็นอะไรคุณ... นั่งตัวหดจะตกลงไปกองข้างล่างแล้วนะ”
“กรี๊ด!” หล่อนมัวแต่เจ็บแค้นเคืองโกรธจนไม่ได้สังเกตว่าเขาขึ้นมาบนรถตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกที ชายหนุ่มก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จ้องเขม็งไม่วางตา
“อย่า... อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ” หญิงสาวถอยกรูดหลังชนประตู หายใจแรง กอดตัวเองแน่น
“เป็นบ้าอะไร... อาการกำเริบเหรอ คนอะไรพิลึกจริง ๆ” ชายหนุ่มส่ายศีรษะแล้วสตาร์ทรถขับออกไปจากซอยนั้นพาไปที่ร้านขายยาแห่งหนึ่ง เพื่อซื้อยาทาแผลที่เกิดจากร่องรอยขีดข่วนและรอยช้ำตามขา ซึ่งเกิดจากการที่หล่อนเดินลุยน้ำลุยทรายเมื่อคืน แม้แต่เจ้าตัวก็บอกไม่ได้ว่าผ่านป่าดงพงไพรอะไรมาบ้างกว่าจะได้มาเจอเขาที่หาดแสงดาว...
