ตอนที่ 3 : ทวงถามข้อตกลง
อรรัมภากับวิโรจน์ขอร้องให้ลูกสาวกลับไปที่ปากช่องกับรักชาติและพร้อมพิศ เพราะมีเจตนาดี อยากให้ทั้งคู่ได้มีเวลาทำความรู้จักนิสัยใจคอกัน ซึ่งพวกท่านจะเดินทางตามไปในช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงวันแต่งงาน ตอนแรกวินารีก็ค้านหัวชนฝา แต่สุดท้ายก็แพ้ลูกอ้อนของมารดาจนราบคาบเช่นเคย
เวลานี้จวนจะสามทุ่มแล้ว แต่วินารียังคงนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงนอน สายตามองกระเป๋าเดินทางที่สาวใช้ช่วยจัดเตรียมจนเรียบร้อย ใจหายเหมือนกันที่พรุ่งนี้จะต้องเดินทางโดยปราศจากครอบครัวเหมือนทุกที คิดแล้วก็น้อยใจนัก เธออยากช่วยครอบครัวให้ผ่านพ้นวิกฤต ทว่าสุดท้ายกลับถูกบังคับจิตใจไปเสียทุกอย่าง
เสียงเคาะประตูหนักๆ ดังขึ้นอย่างมีมารยาท วินารีคิดว่าคงเป็นสาวใช้ที่นำนมอุ่นขึ้นมาให้ดื่มก่อนนอนเหมือนทุกคืน จึงก้าวลงจากเตียงเพื่อเปิดประตูให้ ทันทีที่สายตาปะทะกับคนร่างใหญ่ตรงหน้า เธอก็แทบลืมหายใจ รักชาติยิ้มหวานดูน่ากลัวมากกว่าจะน่าชื่นชม เขาสวมกางเกงนอนขายาว แต่ช่วงบนเปิดเปลือย อวดแผงอกกำยำอย่างจงใจ
“พะ...พี่รัก” เธอพึมพำชื่อนั้นเสียงแผ่ว พวงแก้มซับสีระเรื่ออย่างควบคุมไม่ได้
“นึกว่าจะนอนแล้วเสียอีก” เขาเอ่ยพลางไล่สายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
“นอนไม่หลับค่ะ แต่อีกสักพักก็จะปิดไฟนอนแล้ว”
“เครียดเรื่องแต่งงานล่ะสิ” ไม่พูดเปล่า แต่ร่างกำยำใหญ่โตขยับไปเบียดคนตัวเล็ก เพื่อแทรกตัวเข้าไปในห้องอย่างถือวิสาสะทันที
“เป็นธรรมดาค่ะ การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล็กๆ” วินารีตอบคำถาม ทำหน้าเลิกลั่กเพราะไม่รู้ว่าจะวางตัวอย่างไร
“ตอนแรกพี่ก็เครียด แต่ตอนนี้ไม่แล้ว” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ทิ้งตัวนั่งลงบนขอบเตียงของเธอ
“เอ่อ...ค่ะ” แทนที่จะถามต่อว่าทำไม แต่กลับพูดไม่ออกไปเสียแล้ว
“ห้องนี้น่านอนกว่าห้องพี่ตั้งเยอะ ขอนอนด้วยคนสิ”
“อะไรนะคะ!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นราวกับเห็นผี
“แหม ล้อเล่นหรอกน่า ทำหน้าเหมือนเห็นผีไปได้”
ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แค่แวะมาเย้าเล่นให้สบายใจเท่านั้น ไม่ได้คิดอะไรหื่นกามเลย...จริงๆนะ
“ค่ะ”
“เรื่องนอนด้วยกัน พี่ไม่รีบหรอก เดี๋ยวก็แต่งงานแล้ว” รักชาติว่า แล้วบิดกายไปมาคลายความเมื่อยขบ
“พี่รักหมายความว่ายังไงคะ?”
“แต่งงานแล้ว เดี๋ยวเราก็ได้นอนด้วยกันไง”
“พี่รักลืมไปแล้วเหรอคะว่าเรามีข้อตกลงอะไรกันอยู่” คำถามนี้ทำเอาชายหนุ่มแทบสำลักน้ำลายตัวเอง
ตายห่าแล้ว! ลืมไปเสียสนิทเลยว่าก่อนที่จะมาพบหน้ากัน เขาได้ทำเรื่องโง่ๆ ด้วยการโทรศัพท์มาสร้างข้อตกลงบ้าบอนั่นกับเธอไว้เต็มปากเต็มคำ ตอนนั้นไม่คิดนี่นาว่าวินารีจะสลัดคราบยัยหมูอ้วนทิ้งไป แล้วกลายเป็นสาวงามสะพรั่ง สวยหวานหยดย้อยไปทั้งตัวแบบนี้
มองอย่างไรก็น่ากิน เอ๊ย! น่ารักไปทุกอิริยาบถ...
‘เราจะแต่งงานกันแค่ในนาม ไม่มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มาเกี่ยวข้องเด็ดขาด หลังจากแต่งงานกันแล้ว เราจะแยกห้องนอนกันเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้ โดยเฉพาะแม่พี่ วิเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับพี่ พี่เองก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้นข้อตกลงนี้คงไม่ใด้ทำให้วิขุ่นข้องหมองใจอะไร...ใช่ไหม?’
ทุกถ้อยคำวกกลับมาดังก้องอยู่ในหัวอีกครั้ง…
“คือพี่...”
“หลังแต่งงาน เราสองคนต้องแยกห้องนอนกัน ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ไม่มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มาเกี่ยวข้อง พี่รักคงจำได้นะคะ”
“พี่...” เขาทำหน้าเก้อ แลบลิ้นเลียริมฝีปาก หรี่ตาลงเหมือนกำลังจะหาข้ออ้าง
“ต้องจำได้อยู่แล้วล่ะค่ะ เราเพิ่งคุยกันยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย” หญิงสาวยิ้มหวาน ทำเอาอีกฝ่ายจำต้องยิ้มรับแบบเสียมิได้ รักชาติยกมือขึ้นสางผม แล้วยืนเท้าเอวด้วยท่าทีกระวนกระวาย ดูเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่กำลังรวบรวมความกล้าอยู่
“คืองี้นะวิ คือพี่ว่า...” ตั้งท่าจะพูดออกมาอยู่แล้ว ทว่าสุดท้ายก็ปากหนักราวกับมีหินถ่วงอยู่
“คะ?”
“ช่างมันเถอะ พี่ง่วงแล้ว ไปนอนก่อนนะ” แล้วชายหนุ่มก็เดินตัวปลิวออกไปจากห้องทันที
วินารีมองตามไปด้วยหัวใจที่เต้นรัว ยากเย็นเหลือเกินที่จะเดาว่าเขากำลังคิดจะพูดอะไรออกมา แต่ภาวนาว่าขออย่าให้เกี่ยวกับข้อตกลงพวกนั้นเลย หากเขาคิดจะยกเลิกขึ้นมา เธอจะไปทำอะไรได้ นอกจากยอมรับชะตากรรม
วินารีถอนหายใจ กำลังจะเดินไปปิดประตูห้อง แต่จู่ๆ รักชาติก็เดินเร็วๆ กลับเข้ามาอีกครั้ง เขาก้าวเข้ามาประชิด จับต้นแขนทั้งสองข้างของเธอไว้แน่น เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นสบตาด้วยความตกใจ เขาก็ก้มหน้าลงมาจุมพิตบางเบาบนหน้าผาก ทำเอาคนถูกจูบถึงกับอ้าปากค้าง ตกใจจนตัวแข็งทื่อ
“แค่อยากทำความคุ้นเคยกันเอาไว้น่ะ...ฝันดีนะวินารี” เขาพึมพำให้ได้ยินกันแค่สองคน ปล่อยมือออกห่างเธอ แล้วกลับออกไปจากห้องอีกครั้ง คราวนี้ดิ่งไปยังห้องนอนของตัวเองแบบไม่มีอิดออดเลยทีเดียว คงไม่ดีแน่ ถ้ามีใครมาเห็นเขาในสภาพที่ ‘เจ้าโลก’ ลุกขึ้นมาผงาดดันกางเกงนอนจนพองนูนเอาอย่างนี้
วินารียกมือขึ้นแตะที่หน้าผากตัวเอง ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด เพราะนี่คือครั้งแรกที่ถูกสัมผัสจากผู้ชายที่ไม่ใช่บิดา แล้วคืนนี้เธอจะข่มตาหลับลงได้ไหม หัวใจที่เต้นรัวเป็นจังหวะอัดกระแทกรุนแรงจะสงบลงได้หรือเปล่า รักชาตินะรักชาติ ทำไมต้องทำให้เธอหวั่นไหวด้วย แต่งงานกันเพราะต่างคนต่างถูกบังคับแท้ๆ
เขาไม่จำเป็นต้องมาทำความคุ้นเคยกับเธอเสียหน่อย!
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นแทบจะทันทีที่เธอเพิ่งปิดมันลง วินารีถอนหายใจพรืด คิดว่าคงเป็นรักชาติกลับมาก่อกวนอีก จึงไม่ยอมเปิด ปล่อยให้อีกฝ่ายเคาะประตูต่อไปอย่างนั้น จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกนั่นแหละ หญิงสาวถึงได้รู้ว่าคนข้างนอกไม่ใช่รักชาติ แต่เป็นคุณป้าพร้อมพิศ ว่าที่แม่สามีของเธอนั่นเอง
“ป้ามากวนหรือเปล่าลูก พอดีเห็นว่ายังเปิดไฟอยู่น่ะ” นางถามเสียงนุ่ม
“ไม่หรอกค่ะ วิยังไม่ได้เข้านอน คุณป้ามีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ป้ามีเรื่องอยากจะขอคุยด้วยหน่อย หนูสะดวกไหมจ๊ะ”
“ได้ค่ะ เชิญข้างในก่อนสิคะ”
ร่างบางเบี่ยงตัวหลบ เปิดทางให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาข้างใน พร้อมพิศยิ้มรับไมตรีนั้น เดินเข้าไปนั่งอยู่ตรงโซฟาข้างเตียงนอน ส่วนวินารีเลือกนั่งอยู่ตรงริมเตียง ดวงหน้างามยามนี้ไร้การแต่งแต้ม แต่ไม่ได้ดูซีดเซียวหรือหมองคล่ำลงแต่อย่างใด ยังคงสวยใสไร้ที่ติเช่นเคย
“หนูวินี่ยิ่งมองก็ยิ่งสวยนะ สวยเหมือนคุณแม่เลย” อดไม่ได้ที่จะออกปากชมอีกรอบ
“ขอบคุณค่ะคุณป้า” ดูเหมือนนี่จะเป็นคำตอบที่ช่วยให้เก้อเขินน้อยที่สุดแล้ว
“ที่ป้ามารบกวนตอนนี้ เพราะกลัวว่าหลังจากนี้จะหาโอกาสมาคุยกันแบบส่วนตัวได้ยากขึ้น”
“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ”
“ก็ไม่เชิงหรอกลูก คือ...ป้ามีบางอย่างที่อยากจะขอร้องหนูวิ เป็นเรื่องสำคัญทีเดียว ป้าไม่รู้ว่าถ้าพูดไป หนูจะโกรธป้าไหม แต่ป้าทบทวนดูแล้ว ป้าคิดว่าควรพูด ไม่อย่างนั้นป้าคงไม่มีวันตายตาหลับแน่” พร้อมพิศมองสบประสานสายตากับสตรีรุ่นลูก ความทุกข์ตรมในดวงตานาง ทำให้วินารีรู้สึกหม่นหมองตามไปด้วยคน
“ว่ามาได้เลยค่ะ วิสัญญาว่าจะไม่โกรธคุณป้าแน่นอน ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม” หญิงสาวยืนยันหนักแน่น
พร้อมพิศระบายยิ้มเต็มใบหน้า ก่อนจะเริ่มบอกสิ่งสำคัญให้รู้ทันที ตอนแรกที่ได้ยิน หญิงสาวก็ถึงกับอึ้งไป พูดไม่ออกและปั้นหน้าไม่ถูก ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินสิ่งเหล่านี้จากปากเพื่อนสนิทของมารดา แต่เมื่อฟังเหตุผลทั้งหมดแล้ว เธอก็เข้าใจว่าเจตนาของคนเป็นแม่ ย่อมรักและปรารถนาดีต่อลูกทั้งนั้น
วินารีลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมตอบตกลง...
ตลอดการเดินทางจากกรุงเทพมหานครสู่จังหวัดนครราชสีมา วินารีได้แต่มองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง สีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่างและพูดเท่าที่จำเป็น รักชาติพยายามเก็บความรู้สึกที่อยากเย้าแหย่เธอเอาไว้อย่างมิดชิด เพราะการวางตัวห่างเหินทำเอาเขาประหม่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
พร้อมพิศเองก็รู้สึกผิดเล็กๆ ที่เมื่อคืนไปเอ่ยปากร้องขอเรื่องนั้นกับวินารี ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอดูเงียบหงอยลงไปถนัดตา เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาจอดภายในรีสอร์ตใหญ่โตหรูหรา วินารีก็ยืดตัวนั่งตรงแล้วมองออกไปรอบๆ ที่นี่สวยงามร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อนมาก นั่นทำให้เธอยิ้มออกมาในที่สุด
รถยนต์คันหรูของรักชาติแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านไม้เรือนไทยแบบโมเดิร์นหลังหนึ่ง ซึ่งมีขนาดใหญ่โตกว้างขวางและอยู่ด้านในสุดอย่างเป็นส่วนตัว เมื่อรถจอดนิ่งสนิทตรงลานหน้าบ้าน บรรดาคนรับใช้ก็พากันปรี่ออกมารับหน้าเจ้านาย สองคนช่วยกันยกกระเป๋าสัมภาระ อีกหนึ่งคนเป็นคนขับรถวัยสี่สิบต้นๆ รับกุญแจจากรักชาติเพื่อเตรียมเคลื่อนรถไปยังลานจอดรถ ส่วนคนสุดท้ายเป็นหญิงวัยห้าสิบปี รีบเข้ามาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ
“เป็นยังไงบ้างคะคุณพร้อม เหนื่อยไหมคะ” ป้าพิมพ์ทอดถามเสียงนุ่ม
“ไม่เหนื่อยหรอกพิมพ์ แค่ปวดเมื่อยนิดหน่อย แก่แล้วก็แบบนี้แหละ เอะอะก็เป็นนั่นเป็นนี่” พร้อมพิศเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะหันไปทางด้านหลังเพื่อเรียกวินารีให้ขยับมายืนข้างๆ “มานี่สิจ๊ะหนูวิ ป้าจะแนะนำให้รู้จักกับป้าพิมพ์เสียหน่อย”
“ค่ะคุณป้า” หญิงสาวทำตามไม่อิดออด
“ป้าพิมพ์เป็นหัวหน้าแม่บ้านจ้ะ มีหน้าที่ทำอาหารอร่อยๆ ให้พวกเราทุกคน แล้วก็คอยดูแลสั่งงานพวกเด็กรับใช้ ตรวจดูความเรียบร้อยทุกอย่างภายในบ้าน ถ้าหนูต้องการอะไรก็บอกป้าพิมพ์ได้เลยนะจ๊ะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“สวัสดีค่ะ” เธอรีบยกมือไหว้อย่างสุภาพ ส่งยิ้มให้สองสาวใช้วัยกะเต๊าะที่ยืนอยู่ข้างหลังป้าพิมพ์อย่างเป็นมิตรด้วย
“สวัสดีค่ะคุณ...” ป้าพิมพ์รีบรับไหว้ แต่ชะงักเล็กน้อยเพราะยังไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย
“วินารีครับ เรียกวิเฉยๆ ก็ได้ เธอเป็นว่าที่เมียของผมเอง” รักชาติแนะนำเสร็จสรรพ ทำเอาคนเก่าแก่อย่างป้าพิมพ์กับสาวใช้คนอื่นๆ ถึงกับตาโตด้วยความตกใจ ถ้าตอนนี้ดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารอยู่ ทุกคนคงพ่นพรวดออกมาหรือไม่ก็สำลักกันปางตายไปแล้ว
ว่าที่เจ้าสาวของรักชาติอย่างนั้นหรือ!...
คนอย่างเขาน่ะหรือที่จะยอมละทิ้งสถานะโสดง่ายๆ แบบนี้!
“คุณรักว่ายังไงนะคะ...”
“ไม่ต้องทำหน้าช็อกขนาดนั้นหรอกน่า ฉันยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร พอดีว่ามันค่อนข้างกะทันหันน่ะ เอาเป็นว่าถือโอกาสแนะนำให้ทุกคนรู้อย่างเป็นทางการเลยแล้วกันนะ หนูวินารีเป็นลูกสาวเพื่อนสนิทของฉันเอง เธอจะมาอยู่ที่นี่เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของเจ้ารัก ยังไงก็ขอให้ทุกคนดูแลรับใช้สมาชิกใหม่ของบ้านกันอย่างเต็มที่ด้วยนะ” พร้อมพิศรีบชี้แจงก่อนที่วินารีจะก้มหน้างุดด้วยความประหม่ายิ่งไปกว่านี้
“ค่ะ ยินดีต้อนรับนะคะคุณวิ ถ้ามีอะไรขาดเหลือ บอกป้าพิมพ์ได้ตลอดเลยนะคะ”
“ขอบคุณมากค่ะป้าพิมพ์” หญิงสาวตอบยิ้มๆ เห็นรอยยิ้มจริงใจของป้าพิมพ์ก็พลอยใจชื้นขึ้นมาก
“ห้องข้างๆ ฉันทำความสะอาดไว้เรียบร้อยใช่ไหม” พร้อมพิศหันไปถามสาวใช้นามว่าลัดดา
“เรียบร้อยค่ะคุณพร้อม ทำความสะอาดไว้ทุกวันไม่เคยขาดค่ะ”
“ดี ถ้างั้นพาหนูวิขึ้นไปพักผ่อนข้างบนเถอะ” พร้อมพิศสั่ง แล้วหันมายิ้มกับว่าที่ลูกสะใภ้
วินารียิ้มตอบ เหลือบตามองรักชาติที่ยืนกอดอกจ้องเธอตาเป็นมันอย่างหวั่นๆ ก่อนจะรีบเดินตามลัดดาเข้าไปข้างใน ภายในบ้านกว้างขวางโอ่อ่า เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นล้วนมีราคาแพงและจัดวางได้อย่างลงตัว เธอมองเพียงแค่ผ่านๆ แล้วก้าวเท้าตามสาวใช้ขึ้นบันไดไป แต่ก้าวไปได้แค่เพียงไม่กี่ขั้น เธอก็รู้สึกได้ถึงมือใหญ่ที่คว้าข้อมือไว้แน่น
รักชาตินั่นเอง...เขากระตุกข้อมือเล็กแรงๆ ทำให้เสียหลักลงมาจากบันได วินารีหลับตาแน่น คิดว่าตัวเองคงล้มหงายหลังลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นแน่ แต่เปล่าเลย ร่างเล็กนุ่มนิ่มถูกรวบไปกอดไว้แน่น แผ่นหลังของเธอแนบชิดอยู่กับอกกว้าง ดวงตากลมโตกะพริบถี่ๆ แล้วหันไปจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้นด้วยความตกตะลึง ใบหน้าแดงเรื่อขึ้นมาทันทีที่ปลายจมูกโด่งเฉียดพวงแก้มไปอย่างหวุดหวิด
“ไม่ตกหรอกน่า” เขาพึมพำด้วยน้ำเสียงขบขัน
“ทำอะไรฮะรัก! ถ้าน้องตกบันไดลงมาจะทำยังไง เล่นพิเรนทร์อีกแล้วนะ” พร้อมพิศที่รีบเดินตามลูกชายเข้ามาในบ้านด้วยความประหลาดใจ เห็นการกระทำแผลงๆ นั่นเข้าเต็มตา จึงเอ็ดเสียงขรมแบบไม่สนใจสิ่งใดอีก
“โธ่ แม่ น้องตัวเบาอย่างกับนุ่น ผมรับได้สบายมาก” เขาหันไปเถียงหน้าตาเฉย
“ไอ้...”
“หยอกเล่นนิดเดียวเอง ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมไม่ทำให้หนูวิของแม่ช้ำแน่ ตราบใดที่ยังไม่ถึงวันแต่งงาน”
“เอ๊ะ! ไอ้...”
“อ่า...ผมขอตัวพาว่าที่เมียขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะครับแม่ มีอะไรไว้ด่าทีหลังนะ” ชายหนุ่มยักคิ้วพร้อมโบกมือกวนๆ แล้วดันร่างบางให้ก้าวขึ้นบันไดไป วินารีหันไปมองพร้อมพิศเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่รักชาติไม่ปล่อยให้เธอมีโอกาส เขาสอดมือไปประคองเอว แล้วบังคับให้เธอก้าวยาวๆ ตามสาวใช้ขึ้นไปข้างบนทันที
ลัดดาอมยิ้มกับตัวเอง ดูท่าว่านายหนุ่มคงจะชอบวินารีมากพอตัว ที่ผ่านมาเวลาพร้อมพิศพาผู้หญิงมาให้เลือก เขามักทำหน้าเหมือนคนป่วยใกล้ตาย ไม่ได้ดูมีชีวิตชีวามากมายอย่างนี้ แต่จะว่าไปก็ไม่แปลกเลย วินารีสวยหวานน่ารักไปทั้งตัว แม้จะดูผอมบาง แต่กลับมีทรวดทรงองค์เอวได้สัดส่วนอย่างน่าอิจฉา ในบรรดาผู้หญิงที่พร้อมพิศเลือกมา วินารีดูสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว
พร้อมพิศถอนหายใจยาว ส่ายหน้าน้อยๆ แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ ตอนแรกคิดว่ารักชาติจะต่อต้านวินารีเหมือนอย่างที่เคยทำกับผู้หญิงคนอื่น ที่ไหนได้...ดู ‘เห่อ’ ว่าที่เมียมากกว่าที่คิดเสียอีก
เห็นคนสวยหน่อยไม่ได้เลยเชียวนะ ไอ้ตัวแสบ!
รักชาติรุนหลังคนตัวเล็กให้เข้าไปในห้องนอน แล้วหันไปพยักหน้าเป็นเชิงไล่สาวใช้ให้รีบออกไป ลัดดาทำหน้างง แต่เมื่อเจ้านายตีหน้ายักษ์ใส่ก็แทบร้องอ๋อ รีบกุลีกุจอวางกระเป๋าเสื้อผ้าของหญิงสาวเอาไว้บนเตียงก่อน ไม่ได้นำจัดเก็บเข้าตู้ตามหน้าที่ เอาไว้รักชาติหมดธุระกับว่าที่ภรรยาเมื่อไร ค่อยกลับเข้ามาใหม่ก็แล้วกัน
เมื่ออยู่กันตามลำพัง ชายหนุ่มก็ปรับสีหน้าเป็นเคร่งเครียด เดินวนไปวนมาจนเกือบรอบห้อง ทำเอาวินารีถึงกับย่นคิ้วด้วยความแปลกใจ เธอประหม่าไม่น้อยเหมือนกันที่ต้องอยู่ตามลำพังกับเขาอีกแล้ว เมื่อคืนรอยจุมพิตบนหน้าผากยังตราตรึงไม่จางหาย ยิ่งเมื่อนึกถึงคำพูดของพร้อมพิศที่มาขอร้องในเรื่องที่แสนยากเย็น เธอก็ยิ่งร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า
“เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า” รักชาติเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอในที่สุด
“มีอะไรเหรอคะพี่รัก ทำไมดูเครียดจัง”
“พี่อยากเปลี่ยนแปลงข้อตกลงระหว่างเราใหม่อีกครั้ง”
“คะ?” หญิงสาวทำหน้าตาตื่น
“ที่พี่เคยบอกว่าหลังแต่งงานเราจะต่างคนต่างอยู่ ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แยกห้องกันนอน ไม่มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มาเกี่ยวข้อง พี่ว่ามัน...มันเป็นข้อตกลงที่น่าขำเกินไป เรามาตกลงกันไหมดีกว่านะวิ” คนเจ้าเล่ห์ชิงพูดยาวเหยียดโดยไม่สนใจเลยว่าประโยคนี้กำลังทำให้วินารีตกใจจนหน้าซีดเผือดแค่ไหน
“ตะ...แต่ว่า...” เธอตั้งใจจะคัดค้าน แต่ปากเจ้ากรรมดันทำได้แค่พึมพำพะงาบๆ
“เราจะอยู่กันแบบผัวเมียทั่วไป นอนด้วยกัน ทำอะไรๆ...ด้วยกัน แต่ข้อตกลงใหม่คือเราจะไม่มีลูกด้วยกัน เพราะพี่ไม่พร้อม ไม่มีวันพร้อมด้วย พี่ไม่ชอบเด็ก รำคาญเสียงเจื้อยแจ้วหนวกหู แล้วคนที่ต้องป้องกันก็ต้องเป็นวิ” รักชาตินอนคิดมาทั้งคืนแล้วถึงได้ตัดสินใจพูด วินาทีแรกที่ได้พบหน้าเธอ เขาก็รู้ทันทีว่าไม่มีวันอดทนเป็นพระอิฐพระปูนไหวแน่ๆ วินารีสวยน่ารักขนาดนี้ ขืนแยกห้องนอนก็คงโง่เต็มทน
“วิ...” หญิงสาวยังพูดไม่ออก
“พี่เกลียดเด็ก ยังไงวิก็ห้ามท้องเด็ดขาด พี่ไม่อยากมีลูก ไม่เอาแน่นอน” ยิ่งได้ยินคำพูดพวกนี้ เธอก็ยิ่งหน้าชา ครอบครัวจะสมบูรณ์ไปได้อย่างไรกัน หากไม่มีโซ่ทองคล้องใจ สำหรับวินารีแล้ว การได้อุ้มท้อง ได้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูชีวิตน้อยๆ ด้วยความรัก คือสิ่งที่เธอใฝ่ฝันมาตลอด แต่จู่ๆ ผู้ชายที่กำลังจะมาเป็นสามีดันบดขยี้ฝันนั้นอย่างไร้ความปราณี
“แต่วิชอบค่ะ วิรักเด็ก น่ารักดีออก วิอยาก...”
“วิรักเด็ก พี่ก็คงห้ามไม่ได้ แต่เอาง่ายๆ คือเราจะไม่มีลูกด้วยกันเด็ดขาด วิต้องใช้ยาคุมกำเนิด”
“แต่...”
“ตกลงแล้วนะ” เขารวบรัดอย่างร้ายกาจ
วินารีขยับจะเถียง แต่เสียงโทรศัพท์ที่แผดร้องดังลั่นขึ้นในกระเป๋าสะพาย หันเหความสนใจของเธอไปทั้งหมด รักชาติยักคิ้วกวนๆ แล้วรีบออกจากห้องไปโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรอีก หญิงสาวมองตามไปอย่างฉุนเฉียว อยากตามออกไปคุยให้เข้าใจ แต่เลือกที่จะรับโทรศัพท์เสียก่อน
“ค่ะคุณแม่”
“ถึงแล้วเหรอลูกวิ เป็นยังไงบ้าง ที่นั่นโอเคดีไหมลูก”
“ดีค่ะ บรรยากาศดี ผู้คนก็ดูใจดีด้วยค่ะ”
“ดีแล้วล่ะลูก แม่จะได้หมดห่วง นี่ถ้าได้ใช้หนี้แล้ว แม่คิดว่าจะขายบ้านหลังนี้ แล้วไปหาซื้อบ้านเล็กๆ อยู่กับคุณพ่อ”
“ทำไมล่ะคะ?”
“ใช้หนี้แล้วก็ไม่มีเงินเหลือพอที่จะฟื้นฟูธุรกิจหรอกลูก จริงอยู่ที่มันยังไปต่อได้ แต่ขาดเงินทุนก็เหมือนขาดแขนขาดขา”
“วิไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่ยอมแพ้นะคะ”
“แม่กับคุณพ่อก็อยากสู้นะวิ แต่จนปัญญาจริงๆ ไม่มีที่ไหนยอมให้เรากู้เงินแล้วลูก” ประโยคนี้ทำให้วินารีนึกถึงคำพูดบางอย่างของพร้อมพิศ ใบหน้างามหม่นหมองลงชั่วขณะ ก่อนที่จะฉายความเด็ดเดี่ยวออกมาอีกครั้ง ในเมื่อลงทุนลงแรงกับสิ่งหนึ่งไปแล้ว เธอก็ควรนึกถึงผลประโยชน์ที่มันคุ้มค่า
เธออยากให้ชีวิตในบั้นปลายของบุพการีนั้นเต็มไปด้วยความสุข
“คุณแม่คะ ถ้าวิ...ตั้งใจจะมีลูกเลย คุณแม่คิดว่ายังไงคะ” เธอขอคำปรึกษา
“ทำไมถึงรีบร้อนจังลูก หรือว่าป้าพร้อมไปพูดอะไร” อรรัมภาถามด้วยสุ้มเสียงตกใจ
“ทำไมคุณแม่ถึงคิดแบบนั้นล่ะคะ”
“ก็แม่รู้น่ะสิว่าป้าพร้อมอยากมีหลานมาก พี่รักเขาลอยชายไปมาตามประสาคนโสดนานแล้ว ป้าพร้อมพูดกับแม่ว่าอยากให้ลูกชายมีครอบครัวที่สมบูรณ์ ถึงเวลาจะได้จากไปอย่างหมดห่วง เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่าจะหมดลมหายใจไปวันไหน”
“เอ่อ ใช่ค่ะ ป้าพร้อมก็บอกวิเหมือนกัน แต่ว่า...ป้าพร้อมมีข้อเสนอบางอย่างให้วิด้วย”
“ข้อเสนออะไรเหรอวิ?” อรรัมภาถามด้วยความสนใจ
“ข้อเสนอที่ดีกับครอบครัวของเราค่ะ ยิ่งวิท้องเร็วแค่ไหน มันก็ยิ่งดีต่อคุณพ่อคุณแม่มากขึ้นเท่านั้น”
“หมายความว่ายังไงลูก”
“เอาไว้ถึงวันแต่งงาน คุณแม่ก็จะรู้เองค่ะ เพราะวิรับปากป้าพร้อมไปแล้ว เดี๋ยววิขอตัวไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะคะ เอาไว้ค่อยคุยกันค่ะ” วินารีกดตัดสายไปทันทีที่พูดจบ ริมฝีปากบางเม้มแน่น ในเมื่อรักชาติอยากยกเลิกข้อตกลง นั่นหมายความว่าหน้าที่ภรรยาคงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป เพราะฉะนั้นเธอจึงควรใช้ประโยชน์จากมัน
เธอจะต้องตั้งท้องให้เร็วที่สุด...
รักชาติแทบสำลักกาแฟ เมื่อวินารีก้าวเข้ามาในห้องรับแขก มองซ้ายแลขวาจนมั่นใจว่ามีเพียงแค่เธอกับเขาอยู่กันตามลำพังเท่านั้น ก่อนจะพูดบางอย่างที่น่าตกใจออกมา ชายหนุ่มอ้าปากค้าง ดวงตาจ้องมองคนสวยแบบตกตะลึง เกือบลืมหายใจไปเลยทีเดียวเมื่อได้ยินคำพูดพวกนั้นจากปากเธอ
“ว่ายังไงนะวิ?”
“ก็อย่างที่บอกเลยค่ะ ถ้าพี่รักอยากยกเลิกข้อตกลงระหว่างเรา วิยอมค่ะ แต่วิอยากมีลูก วิชอบเด็ก วิจะไม่ยอมคุมกำเนิดเด็ดขาด คุณป้าพร้อมเองก็อยากอุ้มหลานเร็วๆ วิคิดว่าวิเองก็อยากมีลูกเลยเหมือนกัน วิตั้งใจเอาไว้แล้วว่าวิจะมีลูกให้เร็วที่สุดค่ะ”
“แต่พี่ยังไม่พร้อม เอาเป็นว่า...พี่จะป้องกันเองก็แล้วกัน” เขายืนกรานหนักแน่น รู้สึกกระด้างกระเดื่องแปลกๆ ที่สาวงามกิริยาสุภาพเรียบร้อย เป็นฝ่ายเอ่ยถึงเรื่องอย่างว่าด้วยท่าทีน่าเกรงขามเสียเอง
“ถ้าพี่รักทำแบบนั้น วิจะไม่ยอมนอนกับพี่รักค่ะ เราจะแยกห้องกันตามข้อตกลงเดิม”
“วินารี!” เขาเรียกชื่อเธอด้วยความเหลือเชื่อ ไม่คิดว่าคนที่พูดน้อยถึงเวลาจะต่อยหนักได้ขนาดนี้
“ตามนี้เลยนะคะ ถ้าพี่รักอยากยกเลิกข้อตกลงเดิมระหว่างเรา วิโอเคค่ะ แต่ห้ามป้องกันใดๆ ทั้งสิ้น ที่สำคัญเราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีกแล้ว จนกว่าจะถึงวันแต่งงานค่ะ”
น้ำเสียงเฉียบขาดนั่นทำเอาชายหนุ่มถึงกับอ้าปากค้างอีกหน สีหน้า แววตา และท่าทางประกอบคำพูด ไม่มีสิ่งใดเลยที่บ่งบอกว่าเธอกำลังล้อเล่น เขาลุกขึ้นอย่างช้าๆ พยายามมองจับผิดหาความพิรุธ แต่ไม่มีเลย วินารีดูจริงจังจนเขาขนลุกขนพองไปทั้งตัว
มีลูกเนี่ยนะ!
สำหรับคนที่พร้อมมีครอบครัวอาจจะไม่คิดหนัก แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบเด็กจนถึงขั้นเกลียดอย่างเขา หัวใจแทบวายตายเลยทีเดียว รักชาติกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอไปอย่างยากลำบาก หัวใจเต้นรัวไม่เป็นส่ำ ขณะที่สมองสับสนวุ่นวายไปหมด เขาต้องการตัวเธอ อยากเป็นเจ้าของจนแทบขาดใจ อยากสัมผัสความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเธอ แต่ถ้ามันต้องแลกด้วยภาระอันใหญ่หลวงอย่างนี้
เขายอมกลายเป็นขันทีเสียยังดีกว่า!...
..............................................................................................................................................................
