ตอนที่ 2 : แรกพบสบตา
รักชาติจ้องมองโทรศัพท์ของมารดาที่อยู่ในมืออย่างลังเล แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจโทรศัพท์ไปยังเบอร์ที่บันทึกรายชื่อไว้ว่าอรรัมภา รอเพียงครู่เดียวอีกฝ่ายก็กดรับสาย น้ำเสียงฟังดูไม่ค่อยสดชื่นแจ่มใสนัก แต่รักชาติไม่มีเวลามาสนใจในความผิดปกตินั้น
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับน้าอร ผมรักชาตินะครับ”
“รักชาติ...อ๋อ! รักเองเหรอจ๊ะ มีอะไรหรือเปล่าถึงได้โทร.มาหาน้า” สุ้มเสียงของอรรัมภาฟังดูดีอกดีใจเสียเหลือเกิน
“แม่คงบอกน้าอรแล้วใช่ไหมครับว่าวันนี้จะไปคุยเรื่องการแต่งงาน”
“บอกแล้วจ้ะ”
“นั่นแหละครับ คือก่อนที่จะไปเจอกับยัย...เอ่อ วินารีน่ะครับ ผมอยากจะขอคุยกับเธอหน่อย”
“รักอยากคุยกับน้องเหรอ?” ถามซ้ำด้วยความไม่แน่ใจ
“ใช่ครับ ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป ขอสายวินารีด้วย” เขากลอกตามองเพดานด้วยอารมณ์ที่เริ่มเบื่อหน่ายขึ้นทุกที
“ได้สิจ๊ะ ไม่รบกวนเลย อีกไม่นานเราก็จะกลายเป็นคนกันเองแล้ว รอเดี๋ยวนะรัก”
“ครับน้าอร” รักชาติรับคำ แล้วทำปากพึมพำล้อเลียนคำพูดของอรรัมภา
คนกันเองอย่างนั้นหรือ?...
ต้องเรียกว่าคนที่ถูกบังคับให้เป็นกันเองเสียมากกว่าถึงจะเหมาะ!
ชายหนุ่มเบ้ปากใส่โทรศัพท์ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนแผ่อยู่บนเตียงอีกครั้ง สายตาจ้องมองอยู่ที่เพดานห้อง กระดิกเท้าอย่างรอคอย เพียงครู่เดียวเสียงหวานใสนุ่มนวลก็ทอดมาตามสาย เขาชะงัก ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดไพเราะจากปากคนที่ถูกบังคับให้แต่งงานด้วย
“สวัสดีค่ะพี่รัก วิพูดสายค่ะ”
“เอ่อ...ครับ” เขาลุกขึ้นนั่งกลางเตียง กลืนน้ำลายดังเอื๊อก เมื่อลืมคำพูดที่ตั้งใจจะพูดไปเสียหมด
“พี่รักมีอะไรจะคุยกับวิเหรอคะ”
วินารีถูกอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี ถึงจะไม่ชอบใจที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเขาคอยกลั่นแกล้ง แต่นั่นก็ผ่านไปนานมากแล้ว เธอจึงไม่คิดจะถือสาหาความอีก ตั้งใจจะพูดจาและปฏิบัติต่อเขาอย่างเป็นมิตร อย่างไรเสีย อีกไม่นานก็จะกลายมาเป็นสามีภรรยากันแล้ว คิดชิงชังกันต่อไปก็ไม่มีประโยชน์
“พี่อยากถามว่าวิเต็มใจแต่งงานกับพี่หรือเปล่า” ในที่สุดเขาก็รวบรวมคำพูดออกมาได้ตามที่ตั้งใจไว้
“พูดตามตรงนะคะ วิไม่ได้อยากแต่งงานค่ะ เพราะวิเองก็เพิ่งจะเรียนจบ ยังมีอะไรที่อยากทำอีกมาก”
“แล้วทำไมไม่ค้านหัวชนฝาไปเลยเล่า! รู้ไหมว่าพี่เองก็ไม่ได้อยากมีเมียเหมือนกัน พวกผู้หญิงนี่น่ารำคาญที่สุด” เขาอดหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้ จึงเผลอขึ้นเสียงใส่เธอ
“วิ...วิขอโทษค่ะ แต่ถ้าวิไม่แต่ง คุณพ่อคุณแม่ก็จะเดือดร้อน”
“เดือดร้อนอะไรกัน พี่ไม่เข้าใจ”
“คุณป้ายังไม่บอกพี่รักอีกเหรอคะว่าทำไมถึงให้วิแต่งงานกับพี่”
“แม่ก็บอกแค่ว่าเธอเป็นคนที่เหมาะสม แค่นั้นเอง”
“มันมีเหตุผลที่มากกว่านั้นค่ะ แต่เอาไว้ให้ป้าพร้อมเป็นคนบอกพี่รักเองดีกว่า”
วินารีแปลกใจไม่น้อยที่รักชาติยังไม่รู้ความจริงเรื่องการแต่งงาน ว่ามันเกิดขึ้นเพราะมารดาของเขาเป็นคนขอเธอไปเป็นสะใภ้ แลกกับการช่วยเหลือเรื่องหนี้สินที่มากมายถึงสามสิบล้านบาท
“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ เราก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ”
“ค่ะ”
“พี่มีหลายอย่างที่อยากจะทำความเข้าใจ แล้วก็ทำข้อตกลงกับวิไว้เนิ่นๆ”
“อะไรคะ”
“เราจะแต่งงานกันแค่ในนาม ไม่มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มาเกี่ยวข้องเด็ดขาด หลังจากแต่งงานกันแล้ว เราจะแยกห้องนอนกันเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้ โดยเฉพาะแม่พี่ วิเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับพี่ พี่เองก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้นข้อตกลงนี้คงไม่ใด้ทำให้วิขุ่นข้องหมองใจอะไร...ใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ วิดีใจด้วยซ้ำที่พี่รักเสนอข้อตกลงระหว่างเราแบบนี้ วิสบายใจขึ้นมากเลยค่ะ” ฟังจากน้ำเสียงตื่นเต้นนั้น รักชาติก็พอรู้ได้เหมือนกันว่าปลายสายกำลังดีใจอย่างที่พูดจริงๆ
“ดีแล้วที่เราตกลงกันได้ด้วยดี งั้นแค่นี้นะ พี่ไม่รบกวนแล้ว”
“ค่ะ” เมื่อเธอรับคำ เขาก็กดตัดสายไปทันที
ความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นในหัวใจของรักชาติ น้ำเสียงหวานใสนั่นทำให้เขารู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็นั่นแหละ คงเป็นไปในทำนองว่าเสียงสวย แต่หน้าตาไม่ได้เรื่องเสียมากกว่า เขายังไม่ลืมหรอกว่าตอนยังเด็ก เธอทั้งอ้วนแล้วก็หน้าตาบูดบึ้งแค่ไหน ชายหนุ่มยิ้มด้วยความพอใจ อย่างน้อยความต้องการของเขาก็ถือเป็นอันเรียบร้อย
ต่างคนต่างอยู่ ไม่จำเป็นต้องรัก ไม่จำเป็นต้องยุ่งเกี่ยวกัน...ก็เท่านั้นเอง
กว่าจะขับรถจากปากช่องไปถึงกรุงเทพมหานคร ใช้เวลานานเกือบสามชั่วโมงเนื่องจากรถค่อนข้างติด รักชาติเลี้ยวรถเข้ามาจอดในลานจอดรถของบ้านวรารักษ์สัตยภิรมย์ มองเห็นอรรัมภากับวิโรจน์รุดออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมพิศเล่าเรื่องเงินสินสอดสามสิบล้านให้ลูกชายฟังแล้ว ในขณะที่นั่งรถมาด้วยกัน รักชาติบ่นและโวยวายจนคนเป็นแม่หูชา ต้องออกปากขู่เหมือนทุกที เขาถึงได้ยอมเงียบไป
“รู้ว่าจะได้เงินสามสิบล้านนี่หน้าชื่นตาบานกันเชียว” พ่อคนปากดีเหน็บแนมเสียงขุ่น
“ระวังปากหน่อยรัก เขาไม่ได้มาขอเงินแม่นะ แม่เองต่างหากที่เป็นฝ่ายเสนอ” พร้อมพิศดุให้ได้ยินกันตามลำพัง
“แม่ก็เสนอเยอะเกินไป เงินกว่าจะได้มาแต่ล่ะบาท แม่ทำงานมาแทบตาย”
“เออน่า มีอีกเป็นร้อยๆ ล้าน ไม่ต้องกลัวว่าเงินจะหมดหรอก!”
“แต่มันเสียดายนี่แม่ เอาเงินไปลงทุนต่อเติมรีสอร์ตของเรายังดีกว่าอีก สามสิบล้านเชียวนะ!” เขายังไม่ยอมจบ พร้อมพิศจึงยื่นมือไปหยิกหมับเข้าให้ที่ต้นแขน
“โอ๊ย! เจ็บนะแม่”
รักชาติสูดปากครวญครางด้วยความเจ็บปวด มองหน้าแม่อย่างเคืองๆ แต่อีกฝ่ายไม่สนใจ รีบเปิดประตูลงจากรถไปทันที เพราะเห็นว่าอรรัมภากับสามียืนคอยอยู่ครู่หนึ่งแล้ว เห็นอย่างนั้นชายหนุ่มจึงต้องเปิดประตูตามลงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
อรรัมภากับวิโรจน์ยกมือไหว้ทักทายพร้อมพิศอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่ทั้งคู่จะทำตาโตเมื่อได้เห็นรักชาติก้าวลงมาจากทางด้านคนขับ ชายหนุ่มดูต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง จากเด็กหนุ่มรูปร่างผอมสูง กลายเป็นหนุ่มหล่อคมเข้มที่สูงมากกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตร รูปร่างใหญ่โตกำยำน่าเกรงขาม ผิวพรรณไม่ได้ขาวผ่องผุดผาด แต่เป็นโทนเหลืองที่ทำให้ยิ่งมองยิ่งดูมีเสน่ห์
เมื่อรักชาติถอดแว่นกันแดดสีชาออกให้พ้นใบหน้า ดวงตาคมกริบก็จ้องมองไปรอบๆ บริเวณ ก่อนจะวกกลับมาจ้องนิ่งที่ใบหน้าของเจ้าของบ้าน พร้อมพิศหันไปแยกเขี้ยวใส่ลูกชาย ตอนนั้นเองที่เขาจำเป็นต้องยกมือขึ้นไหว้ว่าที่พ่อตาแม่ยายอย่างสุภาพ
“ไม่เจอกันนานหลายปี หล่อขึ้นมากเลยนะรักชาติ” วิโรจน์ออกปากชม
“ใช่จ้ะ น้าไปที่บ้านก็ไม่มีโอกาสได้เจอกันเลย พี่พร้อมบอกว่ารักเอาแต่ทำงาน น้าไม่คิดเลยนะว่ารักโตเป็นหนุ่มแล้วจะกำยำล่ำสันอย่างนี้ เล่นกล้ามด้วยหรือจ๊ะ” อรรัมภาชวนคุย สายตามองสำรวจด้วยความชื่นชม
“มีบ้างครับ” รักชาติตอบเพียงแค่นั้น ยังดีที่มีรอยยิ้มบางๆ ส่งให้ด้วย
“เพิ่งเดินทางกันมาถึง อรว่ารีบเข้าไปกันในกันเถอะค่ะพี่พร้อม อรให้เด็กเตรียมของว่างไว้คอยแล้ว”
“จ้ะ” พร้อมพิศยิ้มรับ
วิโรจน์สั่งให้สาวใช้นำกระเป๋าเสื้อผ้าของสองแม่ลูกขึ้นไปไว้บนห้องพักที่จัดเตรียมไว้รอ ก่อนจะตามเข้าไปข้างในเพื่อพูดคุยกันอย่างออกรส น่าเสียดายที่วินารียังไม่มีโอกาสได้พบกับรักชาติ เพราะเพิ่งขอตัวออกไปบ้านเพื่อนเมื่อชั่วโมงก่อน สัญญาว่าจะกลับมาให้ทันต้อนรับว่าที่สามี แต่จนป่านนี้แล้วยังไม่เห็นแม้แต่เงา
“แล้วนี่หนูวิไปไหนล่ะอร” พร้อมพิศถามหา อยากเจอสาวน้อยที่ถูกชะตามาตั้งแต่เด็กๆ ใจแทบขาด
“ออกไปบ้านเพื่อนน่ะค่ะ บอกว่าจะกลับมาก่อนบ่ายสองโมง แต่โทร.ไปก็ไม่รับสาย”
“อาจจะไม่ได้ออกไปหาเพื่อนก็ได้นะครับ” รักชาติพูดลอยๆ
“หมายความว่ายังไงฮึตารัก” พร้อมพิศหันมาถาม มองลูกชายตาเขียวเลยทีเดียว
“ก็อาจจะไปหาแฟน หรือไปทำอย่างอื่น ผมเดาว่ายัย...เอ่อ วินารีเองก็คงไม่ได้อยากแต่งงานกับผมเหมือนกัน”
“มันก็ใช่นะที่ว่าลูกวิไม่ได้อยากแต่งงาน แต่ทำไปเพราะต้องการช่วยครอบครัว แต่น้าขอยืนยันเลยว่าลูกสาวของน้ายังไม่มีแฟน ยังโสด แล้วก็ไม่เคยทำตัวเหลวไหลที่ไหนด้วย วันนี้เป็นวันหยุด น้าว่าอาจจะรถติดเสียมากกว่า” วิโรจน์แจงเสียงนุ่ม ใบหน้าอ่อนโยนไม่มีความโกรธเจือปน จนทำให้รักชาติรู้สึกหน้าชาอย่างประหลาดที่จงใจพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่ แต่ก็ไม่ได้นำพาแต่อย่างใด
เสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดดึงความสนใจของทุกคนในทันที อรรัมภายิ้มกับพร้อมพิศและรักชาติ สื่อว่าตอนนี้วินารีคงกลับมาถึงที่บ้านเรียบร้อยแล้ว พร้อมพิศมองสบตากับลูกชาย พลันนึกขึ้นได้ว่าควรให้เขาเดินออกไปรับว่าที่ภรรยาเสียหน่อย จึงทำหน้าพยักพเยิดไปทางประตู แทนที่จะเข้าใจ รักชาติกลับเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม จนผู้เป็นแม่ต้องพูดออกมาให้ชัดๆ
“ออกไปรับน้องหน่อยสิรัก”
“นี่มันบ้านน้องนะครับแม่ ผมว่าวินารีคงเดินเข้ามาเองได้ ไม่หลงหรอกครับ” ชายหนุ่มตอบยียวน ทำเอาอรรัมภากับวิโรจน์มองสบตากันอย่างกังวล ดูท่าว่ารักชาติจะไม่ได้เต็มใจแต่งงานอย่างที่พูดจริงๆ ถึงได้ปั้นหน้าขรึม พูดจาไม่สนใจผู้หลักผู้ใหญ่เอาอย่างนี้
“ไอ้...รัก” พร้อมพิศเอนตัวไปใกล้ลูกชาย พูดลอดผ่านไรฟันที่ขบแน่นเบาๆ เหมือนต้องการเตือนให้รู้ตัว
“ก็ได้ครับ” เขาถอนหายใจดังเฮือก ก่อนจะลุกพรวดจากโซฟาไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง
รักชาติบ่นพึมพำถึงสัตว์หลายประเภท ขณะก้าวเท้ายาวๆ ไปยังประตูบานใหญ่สลักงดงามที่ราคาคงแพงหูฉี่ เขาเดินออกไปจากกรอบประตู เช่นเดียวกับวินารีที่กำลังเดินเข้ามาอย่างรีบร้อนพอดี สองหนุ่มสาวจึงชนกันเข้าอย่างจัง รักชาติอุทานเบาๆ ยังคงยืนปักหลักอยู่ตรงที่เดิม ต่างจากสาวน้อยบอบบางที่ถูกแรงปะทะทำให้กระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว และคงล้มก้นจ้ำเบ้าไปบนพื้นแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะได้มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่เอวได้ทันเวลาเสียก่อน
ใบหน้าของเขาและเธออยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ ดวงตาคมจ้องมองคนในอ้อมแขนด้วยความตกตะลึง นี่น่ะหรือยัยหมูอ้วนที่เขาชอบแกล้งเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ไม่ใช่หรอก...ไม่มีทาง! เพราะผู้หญิงตรงหน้าทั้งสวยหวานน่ารัก หุ่นเพรียวกลมกลึงไปทั้งตัว ไม่น่าจะใช่เด็กอ้วนที่เขาเคยรู้จักแน่
รักชาติเหมือนคนที่ตกอยู่ในภวังค์ เขามองสำรวจดวงหน้ารูปไข่อย่างพิจารณา ดวงตากลมโตหวานซึ้งที่มีขนตางอนยาวล้อมรอบกำลังจ้องมองเขาด้วยเช่นกัน จมูกโด่งเรียวเล็กของเธอนั้นช่างรับกับเรียวปากบางสวย พวงแก้มขาวนวลซับสีระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเขากอดกระชับเอวคอดกิ่วแน่นขึ้น จนหน้าอกหน้าใจของเธอแนบชิดอยู่กับอกกว้างอย่างเลี่ยงไม่ได้
วินารีหัวใจเต้นรัวเป็นจังหวะอัดกระแทกอยู่ในทรวงอก ผู้ชายคนนี้ไม่มีทางเป็นใครไปได้แน่ ถ้าไม่ใช่พี่รักขี้แกล้งของเธอ และเป็นคนที่กำลังจะกลายมาเป็นสามีของเธอ เขาดูหล่อเหลาขึ้นมาก ใบหน้าคมเข้มมีเสน่ห์เสียจนแทบจำไม่ได้ รูปร่างที่เคยผอมสูงดูเก้งก้าง เวลานี้ล่ำบึกจนดูเหมือนยักษ์ปักหลั่นก็ไม่ปาน
“ปล่อย...ปล่อยวิเถอะค่ะ” เสียงที่เปล่งออกมาช่างแสนแผ่วเบา
“อ๋อ...ขอโทษทีครับ” เขากะพริบตาถี่ๆ เรียกสติตัวเองกลับคืนมา แล้วรีบปล่อยมือออกจากร่างนุ่มนิ่มอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนที่ไม่ทันได้ตั้งหลัก เกือบหงายหลังไปอีกรอบ แต่รักชาติมือไวไม่น้อย คราวนี้เขากอดเธอเอาไว้เต็มๆ จนคนตัวเล็กเหมือนกำลังจะจมหายเข้าไปในอ้อมกอดของเขา
“พี่รักคะ ปะ...ปล่อยวิเถอะค่ะ” วินารีร้องขอเสียงสั่น
“แน่ใจนะว่ายืนดีแล้ว คราวนี้คงไม่ล้มแน่ๆ ใช่ไหม” ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงได้พยายามถ่วงเวลานัก
“แน่ใจมากค่ะ วิไม่ล้มแน่นอน”
“งั้นก็...ปล่อยแล้วนะ” ชายหนุ่มคลายอ้อมแขนออกอย่างช้าๆ แต่สายตาไม่อาจละไปจากใบหน้างามลงตัวนั้นได้เลย
วินารีสวยหวานน่ารักไปทั้งตัว ทิ้งคราบเด็กอ้วนหน้าตาบูดบึ้งเปื้อนน้ำตาไปโดยสิ้นเชิง รูปร่างที่เคยอ้วนท้วน ตอนนี้อรชรได้สัดส่วน แต่เขาประทับใจที่สุดก็เห็นจะเป็นทรวงอกอวบอิ่มที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อแขนกุดตัวสวย เรียกได้ว่าเกินเนื้อเกินตัวเสียจริงๆ
“เอ่อ พี่รักกับคุณป้ามานานแล้วเหรอคะ” เห็นเขาเอาแต่จ้องตาวาววับ เธอจึงชวนคุยเพื่อคลายความอึดอัดนั้น
“เพิ่งมาถึงน่ะ แม่ให้พี่เดินออกมารับ สงสัยกลัววิจะหลงทางในบ้านของตัวเอง” เสียงทุ้มเจือความขบขันอยู่ในที
“ค่ะ งั้น...เราเข้าไปกันเลยไหมคะ”
“ไปสิ” เขาผายมือบอกให้เจ้าของบ้านเดินนำไปก่อน
วินารียิ้มบาง พยักหน้าน้อยๆ แล้วเดินนำเข้าไปข้างในทันที ไม่อยากอยู่ต่อหน้ารักชาตินานนัก หัวใจเต้นรัว เนื้อตัวร้อนวูบวาบไปหมด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้เกิดอาการแบบนี้ คิดไม่ออกเลยว่าถ้าแต่งงานกันไปแล้ว เมื่อต้องอยู่ตามลำพัง เธอจะกังวลหนักแค่ไหน แต่ไม่หรอกน่า...เท่าที่คุยกัน เธอรับรู้ได้ว่าเขาเองก็ไม่ค่อยชอบเธอนัก ที่สำคัญเขาทำข้อตกลงกับเธอไว้แล้วด้วย ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มาเกี่ยวข้อง แยกห้องนอนกันแบบไม่ให้ใครรู้
พูดง่ายๆ มันก็คือการแต่งงานแค่ในนามเท่านั้นเอง...
รักชาติยกมือขึ้นทาบอก สะบัดหน้าขับไล่ความสับสน ความรู้สึกโกรธเคืองที่ถูกบังคับให้แต่งงาน ปลิดปลิวหายไปตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้พบหน้าวินารี จากที่คิดเบื่อหน่าย เกลียดชัง เอาแต่ล้อเลียนว่าเธอคือยัยหมูอ้วน ตอนนี้สมองกลับว่างเปล่าจนน่าใจหาย เขาจำได้ดีทีเดียวว่าตอนแรกยังเคืองมารดาอยู่เลย
แล้วดูตอนนี้สิ...อารมณ์เบิกบานขึ้นมาได้อย่างไรกัน!
ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก ก่อนจะรีบก้าวยาวๆ ตามหลังวินารีไป มองดูเธอยกมือไหว้มารดาของเขาอย่างนอบน้อม พร้อมพิศลุกขึ้นสวมกอดหญิงสาว มองซ้ายมองขวาแล้วทำหน้าตาพอใจ อย่างที่คาดไว้จริงๆ โตเป็นสาวแล้วสวยหวานน่ารักไปทั้งตัว กิริยามารยาทก็งดงาม ยิ่งมองก็ยิ่งปลาบปลื้ม คิดไม่ผิดจริงๆ ที่อยากได้มาเป็นสะใภ้
“ไม่เจอกันนาน โตเป็นสาวแล้ว สวยมากเลยนะหนูวิ” พร้อมพิศเอ่ยชมด้วยความเอ็นดู
“ขอบคุณค่ะคุณป้า คุณป้าเองก็ยังดูแข็งแรงเหมือนเดิมเลยนะคะ”
“แหม ไม่หรอกจ้ะ ป้าน่ะแก่ขึ้นมากทีเดียว ถึงได้อยากอุ้มหลานเสียทีไง”
“ค่ะ” ได้ยินแบบนั้นวินารีก็ถึงกับยิ้มแห้ง
ต่อให้แต่งงานกับรักชาติแล้วจริงๆ เธอก็คงไม่อาจมีหลานให้พร้อมพิศอุ้มแน่ๆ เพราะว่าที่สามียืนกรานชัดเจนแล้วว่าจะไม่ใช้ชีวิตร่วมกันดุจสามีภรรยาทั่วไป บอกตามตรงว่าใจหนึ่งก็รู้สึกแย่ที่เขาทำเหมือนรังเกียจ แต่อีกใจก็โล่งอกเหลือเกินที่ไม่ต้องทอดกายให้ผู้ชายที่ไม่ได้รักเชยชม
“ผมว่าเราเข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะครับ เราจะจัดงานแต่งงานขึ้นเมื่อไร แล้วจัดที่ไหนดีครับ ผมจะได้รีบจัดการให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด” รักชาติเอ่ยขึ้นทันทีที่หย่อนก้นนั่งลงบนโซฟา วินารีหันมาสบตากับเขา แล้วรีบเสมองไปทางอื่น ดวงตาคมกริบนั่นทำเอาหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำอีกแล้ว
“แม่หาฤกษ์ไว้แล้ว อีกสองเดือน คิดว่าเร็วเกินไปไหมจ๊ะหนูวิ” พร้อมพิศหันมาถามว่าที่ลูกสะใภ้
“เอ่อ...” หญิงสาวขยับจะบอกว่าขอเวลาอีกหน่อย แต่รักชาติค้านขึ้นทันควัน
“ผมว่าแต่งต้นเดือนหน้าเลยดีกว่าครับแม่ รอทำไมอีกตั้งสองเดือน เสียเวลาเปล่า ใช้เวลาจัดเตรียมทุกอย่างแค่แป๊บเดียวเอง แล้วถ้าให้ผมเสนอ ผมว่าควรไปจัดงานกันที่ปากช่องนะครับ รีสอร์ตของเราใหญ่โตกว้างขวางที่สุด ต้อนรับแขกเหรื่อได้อย่างสะดวกสบาย ถือว่าเป็นการโปรโมทรีสอร์ตไปด้วยในตัว”
“ต้นเดือนหน้างั้นเหรอรัก งั้นก็เท่ากับว่ามีเวลาอีกแค่สองสัปดาห์น่ะสิ”
พร้อมพิศหันมาสบตากับลูกชาย เห็นดวงตาวาววับที่จับจ้องวินารี นางก็รู้ทันทีว่าวิญญาณเสือในตัวของรักชาติ ถูกความน่ารักสวยใสของว่าที่เจ้าสาวปลุกให้ตื่นตัวขึ้นมาเสียแล้ว
มิน่าล่ะ...จู่ๆ ถึงได้อยากรีบแต่งงานให้รวดเร็วทันใจ
“วิว่ามันเร็วไปนะคะ วิ...”
“พี่ว่าไม่เร็วหรอกครับ เรื่องอย่างว่ามันรอไม่ได้หรอก” สิ้นคำพูดนี้ ทุกสายตาก็จับจ้องมาที่เขาอย่างพร้อมเพรียง
“รักหมายความว่ายังไงกันจ๊ะ?” อรรัมภาถามด้วยสีหน้าขุ่นเคือง
“หมายถึงเรื่องเจ้าหนี้ของคุณน้าน่ะสิครับ แต่งเร็วก็ได้นำเงินไปใช้หนี้เร็ว จริงไหมครับ”
โชคดีที่รักชาติเป็นพวกกะล่อนสมองไว เขาเลยหาคำแก้ตัวสวยหรูออกมาได้โดยไม่อ้ำอึ้ง เกือบไปแล้วเชียว ผีห่าซาตานตนไหนมาดลใจให้เขาพูดจาห่ามๆ แบบนั้นออกมากันนะ!
พร้อมพิศมองมาอย่างคาดโทษ เอาไว้อยู่กันตามลำพังก่อนเถอะ แม่จะบิดหูให้ยานลงมาถึงไหล่เลยเชียว ตอนแรกทำเป็นต่อต้านไม่ยอมมีเมีย แต่พอมาเจอหน้าว่าที่เมียได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ดันร่ำร้องอยากจะแต่งงานแบบสายฟ้าแล่บ ไอ้ลูกคนนี้นี่มันน่าเขกกะโหลกร้าวนัก
“ถ้าจะรีบแต่งงานต้นเดือนหน้าอย่างที่รักว่า อรกับคุณโรจน์จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” คนที่กำลังจะกลายเป็นทองแผ่นเดียวกันถามเพื่อขอความเห็น วิโรจน์กับภรรยามองหน้าลูกสาว ใจจริงก็สงสารวินารี อยากยืดเวลาให้ได้เตรียมใจสักสองสามเดือน แต่ที่รักชาติพูดมาก็ถูก...รีบแต่งงานเร็วเท่าไร ก็จะมีเงินมาใช้หนี้เร็วขึ้นเท่านั้น
“ไม่มีปัญหาหรอกครับพี่พร้อม ลูกวิเองก็ไม่ได้มีอะไรต้องทำ แต่งเลยก็ดีเหมือนกัน” คำตอบของบิดาทำเอาหญิงสาวถึงกับอึ้งไป แรกทีเดียวเมื่อรู้ว่าต้องแต่งงานเพื่อช่วยครอบครัว เธอคิดว่าจะยังพอมีเวลาได้เตรียมใจและศึกษาเรียนรู้รักชาติสักนิด แต่นี่กลายเป็นว่าเธอจะต้องแต่งงานกับเขา ทั้งที่เขายังเป็นแค่เพียงคนแปลกหน้าสำหรับเธอเท่านั้น
ช่างเถอะ...ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะคัดค้าน สุดท้ายก็หนีไม่พ้นอยู่ดี
“ถ้าทุกคนมีความเห็นความตรงกัน วิก็คงไม่ขัดข้อง แต่วิว่าเรื่องจัดงานแต่งงาน เราจัดแค่พิธีเล็กๆ ก็พอแล้วค่ะ ไม่รู้ว่าจะจัดให้มันใหญ่โตไปทำไม สิ้นเปลืองเปล่าๆ เพราะวิกับพี่รักไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรักอยู่แล้ว ข้อนี้วิอยากให้ทุกคนรับฟังความเห็นของวิบ้างค่ะ เพราะวิเองก็ตามใจทุกอย่างแล้ว”
ท้ายประโยคทำให้พร้อมพิศกับอรรัมภาที่คิดจะค้าน เป็นอันต้องหุบปากฉับ รักชาติเลิกคิ้วมองเธอด้วยความแปลกใจ ผู้หญิงส่วนใหญ่มักเรียกร้องพิธีแต่งงานที่สวยหรูกันทั้งนั้น แต่เธอกลับขอแค่พิธีเล็กๆ เรียบง่าย
จริงสิ...เธอไม่ได้แต่งงานกับเขาเพราะความรักนี่นา
“แต่ว่าแต่งงานทั้งที แม่ว่าลูกน่าจะได้สิ่งที่หมาะสมนะลูกวิ” อรรัมภาลองเจรจาดูเผื่อลูกสาวจะคิดใหม่
“แค่สินสอดสามสิบล้าน วิว่ามันก็เกินตัวแล้วนะคะคุณแม่” คำพูดของวินารีแทงใจบุพการีทั้งสองเข้าอย่างจัง
“ป้าว่าหนูวิอย่าเพิ่งตัดสินใจก็ได้นะลูก เอาไว้คิดดูก่อนก็ได้” พร้อมพิศเสริมขึ้นมา เพราะนางเองก็อยากให้จัดพิธีใหญ่โตเช่นกัน ลูกชายเพียงคนเดียวจะแต่งงานทั้งทีก็อยากให้สมหน้าสมตาหน่อย
“วิคิดดีแล้วค่ะคุณป้า แต่ถ้าคุณป้าไม่เห็นด้วย วิก็คงต้องยอมรับ เพราะวิไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรอยู่แล้ว หน้าที่เดียวของวิคือแต่งงานกับพี่รักเท่านั้น” ถ้อยคำตัดพ้อกับสีหน้าเศร้าสลด ทำเอารักชาตินั่งนิ่งต่อไปไม่ไหว
“ตามใจน้องเถอะครับแม่ จะจัดงานใหญ่หรืองานเล็ก มันก็ได้ชื่อว่างานแต่งงานเหมือนกัน”
“แกแน่ใจเหรอรัก” มารดาถามย้ำ
“แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งอีกครับ จดทะเบียนแล้วเข้าหอเลยผมก็ไม่ขัดข้อง” ชายหนุ่มยักคิ้วหลิ่วตาใส่คนตัวเล็ก
“พูดอะไรก็เกรงใจคุณน้าทั้งสองบ้าง ไอ้ลูกคนนี้นี่นะ” พร้อมพิศเอ็ดเสียงขุ่น
“วิเห็นด้วยกับพี่รักเหมือนกันนะคะ”
“อะไรนะวิ!” อรรัมภาตกใจจนหน้าตื่น
“วิหมายถึงว่าแค่จดทะเบียน ไม่ต้องจัดงาน แค่นั้นก็พอแล้วค่ะคุณแม่”
เธอชี้แจงเสียงนุ่ม ไม่ได้กังวลอะไรกับคำพูดกำกวมของเขา เพราะตกลงกันไว้แล้วว่าต่างคนต่างอยู่ ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกันฉันท์สามีภรรยา ดังนั้นคำว่า ‘เข้าหอ’ จึงไม่ได้มีผลอะไรกับเธอนัก
“ถ้าจดทะเบียนเฉยๆ โดยไม่แต่งงาน แม่ยอมไม่ได้หรอก ถึงมันจะเป็นการแต่งงานเพื่อช่วยครอบครัว แต่แม่กับพ่อก็อยากเห็นลูกสาวของตัวเองได้เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดนะลูก แม่รู้ว่าวิเสียใจที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ แต่แม่เชื่อว่าพี่รักจะดูแลลูกสาวของแม่ได้ วิเองก็ต้องพยายามด้วยเหมือนกัน อยู่ด้วยกัน เดี๋ยวก็รักกันไปเอง เหมือนอย่างพ่อกับแม่นี่ไง” คำพูดของมารดาทำให้วินารีนิ่งเงียบ ก้มหน้าลงมองมือเล็กที่บีบกันแน่นอยู่บนหน้าตัก
“ค่ะคุณแม่” สุดท้ายก็รับคำสั้นๆ
“ดีครับ ตกลงกันง่ายๆ แบบนี้ ผมชอบ” ท้ายประโยคชายหนุ่มเน้นเสียงดังฟังชัดทีเดียว
วินารีเงยหน้าขึ้นมองเขา บนใบหน้าหล่อเหลานั้นดูซุกซนและมาดหมายอย่างบอกไม่ถูก มันทำให้เธอรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาชอบกล หวังว่าเขาคงจำทุกถ้อยคำที่ตกลงกับเธอไว้ได้จนขึ้นใจนะ ขืนมาเปลี่ยนใจยกเลิกทีหลังล่ะก็ เธอคงอกแตกตายแน่ เพราะการแต่งงานครั้งนี้ แทบไม่มีเวลาให้เตรียมตัวเตรียมใจ
วิวาห์สายฟ้าแล่บของแท้เลย...
..............................................................................................................................................................
