บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 : ความอดทนในคืนเข้าหอ

สองสัปดาห์ต่อมา...

พร้อมพิศไม่ปล่อยให้รักชาติยุ่มย่ามกับวินารีเลยจนกระทั่งวันแต่งงานมาถึง ทุกอย่างสวยงามสมบูรณ์แบบอย่างที่บุพการีของทั้งสองฝ่ายปรารถนาจะได้เห็น แม้วินารีจะยืนกรานอยู่แทบทุกวันก็ตามว่าไม่อยากให้จัดงานใหญ่โต ทว่าสุดท้ายมันก็ถูกเรียกว่า ‘งานช้าง’ ยิ่งใหญ่สมกับที่เป็นการเกี่ยวดองของสองตระกูลที่มีหน้าตาทางสังคม

กว่าพิธีช่วงเช้าและงานเลี้ยงฉลองช่วงค่ำจะผ่านพ้นไป วินารีก็เหนื่อยล้าจนแทบก้าวขาต่อไม่ไหวแล้ว ไม่มีเวลาได้พูดคุยกับบุพการีอย่างเป็นส่วนตัวมากนัก แต่ก็เบาใจหายห่วง เพราะพร้อมพิศหาโอกาสบอกกับเธอแล้วว่าทุกอย่างเรียบร้อยตามข้อตกลง แม้วินารีจะทำในสิ่งที่พร้อมพิศต้องการยังไม่สำเร็จ แต่เพียงแค่รับปากว่าจะทำ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

อรรัมภากับวิโรจน์อึ้งไปเหมือนกันที่ได้เห็นความตั้งใจจริงและการเสียสละตัวเองของบุตรสาว ทั้งคู่น้ำตาซึมในตอนที่เข้าไปสวมกอดวินารี เตรียมตัวส่งเจ้าสาวเข้าสู่เรือนหอเพื่อทำหน้าที่ภรรยา วินารีใจหายมากเมื่อพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากนี้ไปเธอจะไม่ใช่นางสาววินารีคนเดิมอีกแล้ว

สิ้นคำอวยพรและพิธีส่งตัวตามขนบธรรมเนียมแล้ว ทุกคนก็พากันแยกย้ายไปพักผ่อนตามอัธยาศัย คู่บ่าวสาวจึงได้อยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องหอเสียที ดวงตากลมโตทอดมองกลีบกุหลาบที่โรยอยู่บนเตียงด้วยหัวใจที่เต้นรัวไม่เป็นส่ำ มือเย็นเฉียบบีบกันไว้แน่นเพื่อบังคับให้มันหยุดสั่น เธอรู้ว่ารักชาติกำลังมองอยู่อีกด้านของเตียงนอน แต่เธอก็ยังไม่ใจกล้าพอที่เงยหน้าขึ้นมองสบตากับเขาตรงๆ

“ไปอาบน้ำเถอะ วิเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว จะได้รีบพักผ่อน”

น้ำเสียงนั้นฟังดูสบายๆ หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นมองทันที เวลานี้ใบหน้าหล่อเหลาเข้มขึ้นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ด้วยถูกเพื่อนๆ และญาติพี่น้องคะยั้นคะยอให้ดื่มเกือบทุกโต๊ะที่เดินผ่านไปทักทาย ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยน ไม่ได้หื่นกามเหมือนอย่างที่เธอเคยเห็นมาก่อนหน้านี้

“พี่รักอาบก่อนก็ได้ค่ะ” วินารีสูดลมหายใจลึกแล้วบอกกับเขา

“งั้นอาบพร้อมกันไหม”

“คะ!?” คนตัวเล็กถึงกับหน้าถอดสี

“ล้อเล่นน่า วิไปอาบก่อนเถอะ พี่รอได้”

“รอ...รออะไรคะ” ได้ยินแบบนั้น หัวใจคนฟังก็ยิ่งเต้นรัวเข้าไปใหญ่

“ก็รออาบน้ำต่อจากวิไง หรือวิคิดว่าพี่จะรอทำอย่างอื่น”

ไม่พูดเปล่า แต่ดวงตาปรือเยิ้มของชายหนุ่มทอประกายเจิดจ้าขึ้นมาในทันที เขากระตุกยิ้ม เดินช้าๆ ไปหาวินารี แม้ใจต้องการถอยหนี แต่เท้ากลับตรึงแน่นอยู่กับพื้นราวกับถูกตอกเอาไว้ เธอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว เมื่อเขาโน้มใบหน้าต่ำลงมาจนปลายจมูกแทบจะชนกัน นิ้วเรียวยาวแบบผู้ชาย เลื่อนขึ้นไล้เบาๆ ไปบนพวงแก้มและแนวกรามได้รูป

“ไม่ต้องห่วง...พี่ไม่ยอมมีลูกแน่นอน”

รักชาติกระซิบเสียงแผ่ว ทำเอาเจ้าสาวหมาดๆ ถึงกับพูดไม่ออก เขายืดตัวยืนเต็มความสูง สองมือล้วงลงในกระเป๋ากางเกง เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆ ก็โบกมือตัดบท แล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่อยู่บนเตียงนอน ทำเอากลีบกุหลาบงามกระจายไปทั่วทิศทาง หมดสิ้นความสวยงามในทันที

วินารีเข้าใจความหมายของสามีทางนิตินัยดีว่าต้องการสื่อถึงอะไร มันหมายความว่าเขาจะไม่แตะต้องตัวเธอ เพราะเขาไม่ต้องการมีลูกจริงๆ คิดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกกังวล หากชายหนุ่มยึดมั่นในตัวเองมากอย่างนี้ เห็นทีเธอคงทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับแม่สามีไม่สำเร็จแน่ๆ แล้วเธอก็ไม่อยากเป็นคนผิดสัจจะด้วย

แล้วจะทำอย่างไรดี

หรือว่า...จะต้องยั่วสามีตัวเอง!

วินารีสะบัดหน้าไล่ความคิดน่าอายนั้นไป รักชาติมองเห็นเข้าก็ย่นคิ้วด้วยความงุนงง ภรรยาหมาดๆ ของเขาเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้ดูเหมือนคนที่กำลังโต้เถียงกับตัวเองอยู่ในส่วนลึกอย่างนั้น ปากก็พึมพำบางอย่างที่ต่อให้มีไมโครโฟนก็คงแทบฟังไม่ได้ศัพท์

“ไม่อาบน้ำเหรอ” เขาถามเสียงอู้อี้ ดวงตาพร่าพรายไปหมดแล้ว

“อาบค่ะ ไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”

แล้วร่างเพรียวสมส่วนในชุดแต่งงานสีครีมแบบแนบเนื้อ ซึ่งมีความยาวกรอมเท้าก็รีบก้าวไปจากตรงนั้นด้วยความรีบร้อน จังหวะนั้นเองที่ลืมระมัดระวังความรุ่มร่ามของชุด ดันเหยียบชายกระโปรงและสะดุดล้มไปกองอยู่บนพื้นห้อง รักชาติลุกพรวดขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงดังตุบ

“วิ! เจ็บไหม” เขาถลันลงจากเตียง ตรงเข้ามาจับแขนเธอเพื่อพยุงให้ลุกขึ้น

“ไม่เป็นไรค่ะ” คนตัวเล็กตอบแบบอายๆ เสียหน้าชะมัดเลย!

“ล้มเสียงดังจนพี่คิดว่าหัวร้างข้างแตกไปแล้ว”

ชายหนุ่มจงใจกอดกระชับร่างบางไว้แนบอก คงไม่เป็นไรหรอกถ้าจะขอใกล้ชิดเมียบ้าง คิดว่าน่าจะห้ามใจตัวเองได้ เขาอดทนเก่งจะตายไป วินารีน่ารักสวยหวานไปทั้งตัวจริงๆ ตั้งแต่ตอนที่ได้เห็นเธอในชุดเจ้าสาวเต็มตัว เขาก็แทบละสายตาไปจากเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว

กอดนิด จูบหน่อย คงไม่ทำให้ตบะแตกหรอกมั้ง...

“วิไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะพี่รัก”

“ต้องสำรวจก่อน พี่เป็นห่วง”

เขาไล่มองใบหน้ารูปไข่นั่นอย่างพิจารณา สายตาสะดุดลงบนหน้าผากที่ดูเหมือนจะปูดบวมและมีรอยแดงช้ำขึ้นมาเล็กน้อย จากประสบการณ์แล้วอีกไม่นานมันจะกลายเป็นสีม่วงช้ำ ในห้องนี้ไม่มียา แล้วแม่ของเขาก็ย้ำนักหนาว่าห้ามออกจากห้องในคืนเข้าหอไปจนกว่าจะเช้า

“หน้าผากบวมเชียว พรุ่งนี้คงเขียวช้ำแน่”

“เดี๋ยวก็หายค่ะ เล็กน้อยเอง” เธอพยายามบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร

“ไม่มียาทา แต่เดี๋ยวพี่เป่าให้ จำได้ไหมตอนที่วิเด็กๆ เราเล่นด้วยกันแล้ววิหกล้ม วิเคยขอให้พี่เป่าให้แบบนี้เหมือนกัน” โดยไม่ต้องรอให้เมียหมาดๆ อนุญาต รักชาติโน้มใบหน้าไปใกล้หน้าผากนูนเกลี้ยง แล้วเป่าเบาๆ ราวกับเธอเป็นเด็กหญิงตัวน้อยเหมือนเช่นอดีต

วินารีหลับตาลงซึมซับความรู้สึกอุ่นวาบบนหน้าผาก เผลอเลื่อนมือขึ้นจับที่เอวเขาอย่างลืมตัว นั่นทำให้รักชาติถอนหายใจ เขามองสบกับดวงตากลมโตเพียงชั่วอึดใจ ลังเลเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจแนบริมฝีปากเข้าหากลีบปากสีชมพูยั่วยวน แรกทีเดียวก็แค่เคล้าคลึงเบาๆ แต่อารมณ์ที่กระเจิดกระเจิงง่ายดายด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทำให้เขาเลื่อนมือขึ้นประคองใบหน้าเธอ แล้วจูบลึกซึ้งในแบบที่ทำให้วินารีถึงกับหายใจหายคอไม่ทัน ลิ้นอุ่นควานหาความหวานในโพรงปากนุ่ม บดเบียดไล้เล็มจนเธอแทบยืนต่อไปไม่ไหว มือเล็กกำแน่นบนเสื้อเชิ้ตสีครีม ยึดมันไว้เป็นหลักก่อนที่แข้งขาจะอ่อนปวกเปียกจนล้มไปอีกรอบ

รักชาติครางในลำคอด้วยความพอใจ เมื่อวินารีจูบตอบอย่างไร้เดียงสา ในห้วงความคิดตอนนี้ลืมเรื่องที่ต้องหักห้ามใจไปเสียสนิท ประจวบกับการที่หญิงสาวไม่ได้ห้ามปราม เขาจึงเผลอไผลกับรสสัมผัสนั้นไปโดยง่าย เจ้าสาวคนสวยลบเลือนความประหม่าออกไป ด้วยการทบทวนถึงคำพูดที่ตัวเองเคยให้ไว้กับแม่สามี รวมทั้งผลประโยชน์ที่เธอได้รับไปแล้วจากข้อตกลงนั้น ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น

เห็นทีเธอคงต้องเดินหน้ายั่วเขาแล้วจริงๆ...

มือที่สั่นระริกเลื่อนขึ้นไปแตะตรงกระดุมเสื้อเชิ้ต เริ่มปลดมันออกจากรังดุมอย่างค่อยเป็นค่อยไป รักชาติถอนจูบราวกับนึกได้ว่าจำเป็นต้องหักห้ามตัวเอง แต่หญิงสาวไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น เธอโน้มต้นคอของเขาให้วกกลับลงมาอีกครั้ง แล้วเป็นฝ่ายจูบบ้างเท่าที่พอจะเลียนแบบตามได้ ชายหนุ่มร้อนผ่าวไปทั้งตัว เลือดในกายราวกับกำลังเดือดพล่านไปหมด

เมื่อกระดุมทุกเม็ดหลุดออก มือเล็กซุกซนก็อาจหาญเลื่อนไปบนผิวกายอุ่นร้อนและแข็งแรง ลูบไล้และใช้ปลายนิ้วสัมผัสยอดอกสีน้ำตาลเบาๆ แบบที่เคยอ่านมาจากนวนิยายหลายเรื่อง แต่นั่นกลับทำให้ชายหนุ่มผงะถอยห่างออกไปราวกับต้องของร้อน แทบสร่างเมาไปเลยทีเดียว

“พี่...พี่ว่าพี่อาบน้ำก่อนดีกว่านะ พี่เหนื่อยน่ะ อยากจะนอนแล้ว ถ้าให้วิอาบก่อน พี่คงเผลอหลับไปก่อนที่จะได้อาบน้ำแน่ๆ แบบนั้นคงไม่สบายตัวแย่เลย” แม้หัวใจและร่างกายจะถูกความปรารถนาครอบงำจนแทบทนไม่ไหว แต่จิตใต้สำนึกของการเกลียดและกลัวการมีลูก ทำให้เขาเลือกที่จะหยุดยั้งตัวเองไว้เพียงแค่นั้น

“ให้วิอาบให้ไหมคะ” ทำเป็นใจกล้าขึ้นมาอีกขั้น รักชาติได้ยินแบบนั้นก็สูดลมหายใจลึกเข้าปอด

“ไม่เป็นไร ถ้าทำแบบนั้น พี่คงตายคาห้องน้ำแน่” เขาตอบด้วยน้ำเสียงติดตลก ทั้งที่ความจริงแล้วแทบขำไม่ออก

“เอ่อ...ค่ะ” วินารีหน้าแดงก่ำไปจนถึงใบหู หัวใจเต้นรัวเป็นจังหวะอัดกระแทกอยู่ในอก

ทั้งตื่นเต้น ทั้งเก้อเขินที่ทำใจกล้าปลุกเร้าและยั่วยวนเขาไปแบบนั้น ดูแล้วรักชาติเป็นคนที่ใจแข็งไม่น้อย แบบนี้เท่ากับว่าหนทางความสำเร็จของเธออาจจะริบหรี่กว่าที่คิด แต่ไม่เป็นไรหรอก ยังมีเวลา ‘ยั่ว’ ให้เขาตกหลุมพรางอีกเยอะ เธอไม่ควรดูถูกตัวเอง ถึงอย่างไรมารยาหญิงก็ยังคงใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยอยู่ดี เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลาหน่อย

รักชาติเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาจากตู้เสื้อผ้า แล้วรีบผลุบหายเข้าห้องน้ำไปโดยไม่ชายตามองวินารีด้วยซ้ำ ใจหนึ่งคนที่เพิ่งเปลี่ยนสถานะจากนางสาวกลายเป็นนางก็นึกโล่งอก เอาจริงๆ เธอก็ยังไม่พร้อมหรอก ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าจะต้องทำเรื่องแบบนั้นสำเร็จตั้งแต่คืนแรกของการแต่งงาน

วินารีมองประตูห้องน้ำที่ปิดสนิท แล้วถอนหายใจ เธออยากให้เรื่องราวระหว่างเขากับเธอ เริ่มต้นขึ้นด้วยความรักเหลือเกิน เผื่อว่าอะไรๆ มันจะง่ายกว่านี้...

รักชาติทำตัวปกติมากในเช้าวันรุ่งขึ้น ยิ้มแย้มแจ่มใสจนพร้อมพิศเข้าใจผิด คิดไปว่าลูกชายตัวดีคงเผด็จศึกภรรยาสาวสวยเรียบร้อยแล้ว ยิ่งเห็นวินารีมีท่าทีเหนียมอาย หน้าแดงหูแดงอยู่เกือบตลอดทั้งเช้า ยิ่งพาลเข้าใจผิดไปกันใหญ่ หลงคิดไปว่าอีกไม่นานก็คงจะมีบุญได้อุ้มหลานแล้ว

“กับข้าวไม่ถูกปากเหรอวิ ทำไมกินแค่ไม่กี่คำเอง” รักชาติหันไปถามผู้หญิงที่เขาเรียกว่าเมียยังไม่ได้เต็มปาก

“เปล่าค่ะ เมื่อคืนวินอนไม่ค่อยหลับก็เลย...”

“ธรรมดาลูก อีกหน่อยก็ชินเอง” คำพูดของแม่สามีทำเอาหญิงสาวนิ่งงัน

“วันนี้แม่ไม่เข้าไปในรีสอร์ตเหรอครับ ผมจะได้ไปแทน”

ชายหนุ่มถามมารดาเพื่อเปลี่ยนเรื่อง ปกติแล้วไม่ได้มีงานมากมายนัก นอกจากดูแลเรื่องบัญชีด้วยตัวเอง แต่พร้อมพิศมักไปขลุกอยู่ที่ออฟฟิศของรีสอร์ต เผื่อว่ามีปัญหาหรือต้องต้อนรับแขกคนสำคัญ จะได้จัดการได้ทันท่วงที ไม่ต้องรอให้ผู้จัดการโทรศัพท์เข้ามาตามให้เสียเวลา

“รักไม่ต้องไปไหนหรอก อยู่กับหนูวิเถอะ แม่จะไปเอง”

“แม่ไม่เหนื่อยเหรอครับ เมื่อคืนนอนดึก แล้วยังตื่นเช้าอีก”

“ถ้าเหนื่อยแม่จะกลับมาพักเอง ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ห่วงแค่เมียแกก็พอ ดูแลน้องดีๆ นะ ไม่ใช่เก่งแต่ทำให้บอบช้ำเป็นอย่างเดียว” ท้ายประโยคดึงให้สองหนุ่มสาวหันมองสบตากันโดยอัตโนมัติ ต่างคนต่างรู้ดีว่าสิ่งที่มารดาสื่อถึงนั้นตรงกันข้าม

“ผมรู้แล้วน่าแม่ อีกอย่างผมก็ไม่ใช่พวกดิบเถื่อนที่จะทำให้ใครบอบช้ำด้วย” เขาเถียง

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ดี ถ้าอิ่มกันแล้วก็พาน้องขึ้นไปพักผ่อนเถอะ หน้าตาซีดเซียวเชียว” พร้อมพิศกำชับด้วยความเป็นห่วง ทว่ากลับมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าชัดเจน

“เดี๋ยววิขึ้นไปเองก็ได้ค่ะคุณป้า เอ่อ...คุณแม่” วินารียิ้มแห้งๆ ส่งให้อีกฝ่าย ยกน้ำขึ้นดื่มแล้วเลื่อนเก้าอี้ การแยกตัวขึ้นไปบนห้องน่าจะทำให้เธออึดอัดน้อยลงกว่านี้มาก

“พี่อิ่มแล้ว เดี๋ยวพี่ไปด้วย กลัววิจะเหงา” รักชาติเสนอตัวด้วยสีหน้าสดชื่นแจ่มใส

“วิไม่...”

“ไม่ต้องเกรงใจพี่เขาหรอกลูก ผัวเมียกันแท้ๆ”

“ค่ะคุณแม่” เธอจะทำอะไรได้เล่า นอกจากตกปากรับคำไปอย่างว่าง่าย แล้วปล่อยให้สามีจูงมือเดินนำขึ้นไปข้างบน ตอนแรกคิดว่าจะได้อยู่ตามลำพัง ส่วนเขาก็ออกไปทำงานเหมือนทุกวันที่ผ่านมาเสียอีก แล้วนี่เธอจะปั้นหน้าอย่างไร จะทำตัวแบบไหนดี

รักชาติดันไหล่บางให้นำเข้าไปในห้องก่อน จากนั้นถึงได้ปิดประตูลงตามหลังตัวเอง วินารีไม่ได้ตรงไปที่เตียง แต่ยืนเคว้งอยู่กลางห้องนอนขณะหันกลับไปมองสบตากับสามี ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย หัวใจเต้นผิดจังหวะไปเลยทีเดียวเมื่อได้เห็นดวงตากลมโตสุกสกาวนั่นจ้องมองมา

“พี่แค่ขึ้นมาอยู่ด้วยเพราะขี้เกียจฟังแม่คะยั้นคะยอน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” รีบออกตัวอธิบายทันที

“วิไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ เมื่อคืนเรานอนกันดึกมาก แล้วก็ตื่นเช้าด้วย ถ้าได้นอนพักสักนิดก็คงดี”

“วินอนเถอะ พี่กินกาแฟไปแล้ว ไม่ง่วงหรอก”

“กลัววิปล้ำเหรอคะ?” จู่ๆ เธอก็ถามออกมาตามตรง

“บ้า! ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” รักชาติปฏิเสธด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

“ไม่รู้สิคะ ดูเหมือนพี่รักกลัววิเลย”

“พี่ไม่ได้กลัววิ แต่พี่คิดว่าพี่นี่แหละที่น่ากลัว ผู้ชายทำได้ทุกอย่างแหละเพื่อให้ตัวเองได้แอ้มผู้หญิงสวยๆ น่ะ”

“วิก็ไม่ได้คิดจะขัดขืนนี่นา ถ้าพี่รักจะทำอะไร วิก็ตามใจค่ะ” พูดแล้วพวงแก้มก็แดงปลั่งประจานตัวเองเสียอย่างนั้น

วินารีพยายามปั้นหน้านิ่งเข้าไว้ ทั้งที่จริงๆ เขินอายจนอยากแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่ก็ทำไม่ได้ เธอจะแสดงตัวเป็นคนขี้ขลาดไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าอย่างไรข้อตกลงระหว่างเธอกับแม่สามีก็จะต้องเป็นไปตามเดิม

หน้าด้านเข้าไว้วินารี!

“วิพูดอะไรออกมา รู้ตัวไหม” รักชาติถามเสียงเย็น

“เอ่อ...ระ...รู้ค่ะ”

“วิไม่ได้กล้าทำอย่างที่พูดหรอก แค่พูดเสียงยังสั่นหนักขนาดนี้ ถ้าพี่ทำจริงๆ จะไม่เป็นลมไปก่อนเหรอ”

“มะ...ไม่ค่ะ!” พูดอีกเสียงก็ยังสั่นอีก นึกแล้วอยากเขกหัวตัวเองนัก

“มีอะไรที่พี่ไม่รู้หรือเปล่า อย่างเช่น...มีใครขอให้วิทำแบบนี้ เพราะผลประโยชน์บางอย่าง”

“เอ่อ...”

“ชัดเลย! ต้องเป็นแม่พี่แน่ๆ แม่อยากมีหลานมาก เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกที่แม่จะไปพูดอะไรบางอย่างเพื่อให้วิยอมทำอะไรแปลกๆ แบบนี้ ผู้หญิงอย่างวิน่ะ ถ้าไม่มีความจำเป็น มีหรือที่จะมาพูดจายั่วยวนก๋ากั่นกับผู้ชายแบบนี้ ถึงเราจะไม่ได้เจอกันนาน แต่วิเป็นคนแบบไหน พี่ก็พอจะดูออก พี่ไม่ได้หูหนวกตาบอดเสียหน่อย”

“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะพี่รัก” เธอขยับจะอธิบาย

“อย่ามาโกหก หน้าซีดขนาดนี้ ดูไม่ออกก็บ้าแล้ว”

“พี่รัก...” วินารีเสียงแผ่วลงไปทันที

“บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าแม่ไปพูดอะไรกับวิ” ชายหนุ่มยกแขนขึ้นกอดอก ดูจริงจังจนหญิงสาวไม่กล้าสบตา

“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ คุณแม่แค่บอกว่าอยากอุ้มหลานเร็วๆ ก็เท่านั้นเอง”

“แค่นั้นจริงเหรอ?” เขาหรี่ตามองอย่างจับผิด

“ใช่ค่ะ แค่นั้นจริงๆ วิจะโกหกไปทำไมล่ะคะ”

อาการเสหลบตาทำให้รักชาติไม่ไว้ใจนัก แต่เขาก็เลือกที่จะเชื่อ เพราะมารดามีจุดประสงค์เดียวคืออยากอุ้มหลานจริงๆ วินารีเป็นคนว่าง่าย สงสัยจะโดนลูกอ้อนของพร้อมพิศเข้า ถึงได้ใจอ่อนยวบ แล้วลุกขึ้นมาพูดจายั่วยุเขาอย่างนี้

“พี่ว่าเราควรคุยกันให้เข้าใจนะ” ไหนๆ ก็ได้โอกาสแล้ว ลองตกลงดูอีกสักรอบดีกว่า

“เรื่องอะไรคะ” คราวนี้เธอเงยหน้าขึ้นมองสบตาทันที

“เรื่องของเรานี่แหละ วิอย่าไปฟังแม่มากนักเลยไอ้เรื่องอุ้มหลานอุ้มเหลนน่ะ มันเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ เราเพิ่งแต่งงานได้คืนเดียวเอง แทนที่จะได้...นั่นแหละ กลับต้องมามีปัญหาเพราะเรื่องนี้ พี่ว่าวิคุมกำเนิดเถอะนะ อย่าเพิ่งคิดจะท้องตอนนี้เลย ใช้ชีวิตคู่กันก่อนดีกว่า” เขาเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเป็นพิเศษ

‘วิเห็นด้วยใจแทบขาด’… วินารีคิดในใจ

รักชาติพูดถูก เธอเองก็ยังไม่พร้อมที่จะมีลูก ยังอยากใช้เวลาศึกษาเรียนรู้กันอย่างลึกซึ้งเสียก่อน เพราะความตั้งใจเดิมคืออยากให้เรื่องระหว่างเขาและเธอกลายเป็นความรักเสียก่อน ลูกควรเกิดมาจากความรักของพ่อแม่ ไม่ใช่เกิดจากการถูกบีบคั้นหรือผลประโยชน์ใดๆ แต่ในส่วนที่ตกลงเอาไว้กับพร้อมพิศ เธอก็จำเป็นต้องรักษาสัญญาเช่นกัน

“วิ...วิไม่รู้ค่ะ”

“งั้นพี่ไม่สนแล้วนะ”

“คะ?” เธอทำหน้าฉงน

“พี่จะรุกแล้ว ไม่อดทนอีกต่อไป แล้วพี่นี่แหละที่จะเป็นคนป้องกันเอง”

“ไม่ได้นะคะ! เราตกลงกันแล้วว่า...”

“วิตกลงไปคนเดียวเถอะ พี่บอกแล้วไงว่าพี่ไม่สน” เขาขยับเข้ามาใกล้ๆ ทำเอาคนตัวเล็กต้องรีบก้าวถอยหนี

“พะ...พี่รัก!” วินารีหาคำพูดของตัวเองไม่เจอไปเสียแล้ว

“ไม่ต้องห่วง วิยังมีเวลาเตรียมใจถึงคืนนี้ ตอนนี้พี่จะให้วิพักก่อน นอนให้เต็มที่ล่ะ ก่อนที่คืนนี้จะไม่ได้นอน”

รักชาติยิ้มเจ้าเล่ห์ ขยิบตาให้เจ้าสาวคืนเดียวอย่างมีเลศนัยบางอย่างแอบแฝง วินารีทำตาโต อ้าปากค้างด้วยความคาดไม่ถึง เธอเอาแต่สร้างข้อแม้กับเขา โดยไม่เคยคิดว่าหากเขาไม่ยินยอม ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอก็คงขัดขืนอะไรไม่ได้

“พี่รักจะใจร้ายกับวิได้ลงคอเหรอคะ” เธอตัดสินใจถามในตอนที่เขากำลังจะเดินออกไป

“เมื่อคืนวิยั่วพี่จนแทบขาดใจตาย นอนไม่หลับยันเช้า ใครกันแน่ที่ใจร้าย”

“วิไม่ได้ยั่วนะคะ วิแค่...”

“วิคงไม่รู้สินะว่าไอ้ที่ชวนพี่อาบน้ำด้วยกัน ที่จูบพี่ ถอดเสื้อพี่ แล้วก็ลูบไล้แบบนั้นน่ะ มันคือการยั่ว”

“แค่นั้นน่ะเหรอคะ!” วินารีเข้าใจว่าการยั่วจะต้องทำมากกว่าที่เขาพูด เช่น แก้ผ้าอวดเนื้อหนัง ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เลย

“ใช่ แค่นั้นก็เรียกว่าโคตรยั่วแล้ว การยั่วไม่จำเป็นต้องแก้ผ้าโชว์หรอกนะ บางครั้งแค่ยิ้มหวานๆ ก็ยั่วได้แล้ว” ชายหนุ่มอธิบายให้ฟัง ราวกับแอบได้ยินความคิดของเธอ

“แต่วิ...” อ้าปากขยับจะเถียง แต่เขายกมือขึ้นห้ามเพื่อตัดบท

“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ในเมื่อยั่วเก่งนัก เดี๋ยวพี่จะจัดเสียให้เข็ด เตรียมตัวไว้ก็แล้วกัน”

รักชาติเอ่ยยิ้มๆ ไม่ใช่รอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนแบบทุกครั้ง แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้วินารีขนลุกขนชันไปทั้งตัว หัวใจเต้นรัวจนจับจังหวะไม่ได้ ตายแน่ๆ เขาพูดชัดเจนถึงเพียงนี้ มีหวังเธอได้หมดสภาพแน่!

วินารีทิ้งตัวลงบนเตียงนอนอย่างอ่อนล้า ลืมตามองเพดานห้อง แล้วปล่อยให้สมองว่างเปล่า จนสิ่งที่เคยคุยเอาไว้กับพร้อมพิศก่อนแต่งงาน วนเวียนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง ทุกถ้อยคำยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่เพิ่งพูดคุยกันเอาไว้เมื่อวาน...

“ป้าแอบได้ยินรักคุยโทรศัพท์กับหนู เรื่องที่ตกลงกันว่าหลังแต่งงานจะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แยกห้องนอนกันไม่ให้ป้ารู้ ป้าได้ยินไม่ผิดใช่ไหม”

“เอ่อ...ใช่ค่ะคุณป้า พี่รักพูดแบบนั้นจริงๆ” เธอยอมรับตามตรง

“แต่ป้าไม่ชอบใจเลย บอกตามตรงนะหนูวิ ป้าอยากให้เจ้ารักมันแต่งงานกับหนู ไม่ใช่เพราะเหตุผลที่ต้องการแลกเปลี่ยนเรื่องเงินหรอก แต่ป้าต้องการคนที่เหมาะสม คนที่ป้ามั่นใจว่าจะสามารถสยบความกะล่อนของไอ้ลูกชายตัวดีได้”

“วิเนี่ยนะคะที่คุณป้าคิดว่าเหมาะสมกับพี่รัก ไม่เลยค่ะ เท่าที่ดูๆ พี่รักร้ายใช่ย่อยเลย”

“ใช่ รักพูดเสมอว่าไม่อยากแต่งงาน อยากโสด ไม่คบหากับใคร แต่ป้ารู้มาตลอดนั่นแหละว่ารักแอบไปกินผู้หญิงเป็นประจำ รักเคยอกหักมาก่อน หลายปีก่อนเคยคบกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เลิกกันไปเพราะยัยนั่นนอนกับผู้ชายอื่น รักไปเห็นเข้าก็เลยตาสว่าง แต่พี่เขาไม่รู้หรอกนะว่าป้ารู้เรื่องนี้”

“คุณป้ากำลังจะบอกว่าพี่รักเคยอกหัก ก็เลยไม่คิดจริงจังกับใครใช่ไหมคะ”

“ใช่จ้ะ อกหักครั้งนั้นทำเอาเจ้ารักเข็ดขยาดไปเลย ที่ป้าพูดมาทั้งหมดก็เพราะอยากจะขอร้องหนูวิ” พร้อมพิศมองสบตาแน่วแน่

“ขอร้องเรื่องอะไรเหรอคะ”

“ขอให้หนูช่วยทำให้ลูกชายป้ารู้จักคำว่ารักอีกสักครั้งน่ะสิจ๊ะ เรื่องที่ตกลงกันไว้ว่าจะแยกห้องนอน ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ป้าว่าหนูยกเลิกไปเถอะนะลูก ตรงกันข้าม...ป้าอยากให้หนูยั่วพี่เขาเต็มที่ ลองดูสิว่ามันจะทนไปได้สักกี่น้ำ แต่เอาตรงๆ ว่าป้าหนูคงไม่ต้องทำอะไรมากหรอก ดูแล้วพี่เขาชอบหนูมากทีเดียว”

“คุณป้า!” วินารีอุทานด้วยความตกใจ ปั้นหน้าไม่ถูกไปเลยเหมือนกันเมื่อได้ยินเจตนาของอีกฝ่าย

“ป้ารู้ว่าป้าพูดตรงเกินไป แต่ไหนๆ ก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว ถ้าได้รักกัน ได้เป็นผัวเดียวเมียเดียวไปตลอด มันก็น่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอลูก ที่สำคัญป้าอยากอุ้มหลานตัวน้อยๆ เต็มแก่แล้วด้วย”

“แต่วิ...” หญิงสาวเสมองไปทางอื่น ลำบากใจเหลือเกินกับคำขอนั้น

“รักไม่ชอบเด็ก ถึงขั้นเกลียดเลยก็ว่าได้ แต่ป้าอยากให้หนูรีบตั้งท้อง รักจะได้รู้เสียทีว่าการมีลูกมันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรขนาดนั้น แล้วก็อย่าคิดว่าป้าดูถูกเลยนะ ถ้าหนูท้องเมื่อไร ป้าจะให้ทุนกับพ่อแม่หนูอีกก้อนหนึ่ง เพราะเงินสามสิบล้านต้องเอาไปใช้หนี้ทั้งหมด ไม่มีทุนเหลือเพื่อเยียวยาบริษัทต่อไป ถ้าหนูตกลงว่าจะทำทุกทางให้ตัวเองตั้งท้องได้โดยเร็วที่สุด ป้าจะนำเงินอีกก้อนให้พ่อแม่ของหนูพร้อมกับเงินสินสอดสามสิบล้านเลย ป้าจะให้ในวันแต่งงานเลยลูก ไม่ต้องรอท้องก่อนหรอก เพราะป้าเชื่อใจหนูอยู่แล้ว”

ราวกับพร้อมพิศรู้ว่าวินารีเป็นลูกที่รักและกตัญญูต่อพ่อแม่อย่างมาก ถึงได้ยกข้ออ้างเรื่องเงินขึ้นมาเจรจา วินารีเม้มปากแน่น นิ่งเงียบอยู่ชั่วอึดใจเพื่อไตร่ตรองคำขอที่แสนตรงไปตรงมานั้นให้ถี่ถ้วน พร้อมพิศนั่งรออย่างใจเย็น จนในที่สุดก็ได้ยินการตัดสินใจของหญิงสาว

“ตกลงค่ะคุณป้า วิจะทำตามที่คุณป้าขอ ขอเพียงแค่คุณป้าช่วยพ่อแม่ของวิให้พ้นวิกฤตคราวนี้ไปได้ก็พอ”

วินารีถอนหายใจ เธอรับปากพร้อมพิศไว้ไม่พอ บิดามารดาของเธอยังรับเงินอีกก้อนไปจากพร้อมพิศแล้วด้วย เพราะแบบนี้เองเธอถึงได้ทำใจกล้ายั่วยวนรักชาติไปอย่างนั้น ใครจะคิดเล่าว่าอ่อยนิดๆ หน่อยๆ จะเกิดเรื่อง เขาคิดจะเผด็จศึกเธอโดยเป็นฝ่ายป้องกันเอง เธอคงขัดขืนไม่ได้ แต่เธอก็จะพยายามต่อรองให้ถึงที่สุดก่อน

หากไม่สำเร็จ…เธอก็ยังมีไม้เด็ดสุดท้ายเหลืออยู่เช่นกัน!

..............................................................................................................................................................

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel