บทที่ 5
คำว่าครอบครัว
ที่บ้านของอิงครัต จังหวัดกระบี่
คุณจรีรัตน์นั่งหน้าเหม็นต่อหน้าคุณอัครเดช
“คุณปล่อยให้เพียวไปอยู่กับยายบัวแก้วที่บ้านนอกเหรอคะ” สีหน้าของคุณจรีรัตน์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ใช่ ก็คุณไม่อยู่ดูแลลูก คุณไปเที่ยวแรด ๆ อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ อีกอย่าง ได้ข่าวมาว่า คุณเองก็เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ไปมากี่วันล่ะ” ว่าสอดเสียด
“คุณไม่ต้องมาเสือกเรื่องของฉันหรอกค่ะ ฉันมาหาลูกเท่านั้น ไม่ได้มาหาเรื่องคุณ”
“ก็ให้เจ้าเพียวไปเที่ยวบ้างจะเป็นไรไป อยู่นี่ก็ไม่มีคนดูแล”
“บ้านคุณ ก็มีแม่บ้านตั้งเยอะตั้งแยะ จะบอกว่าไม่มีคนดูแลไม่ได้”
ทั้งคู่ยังจ้องหน้าหาเรื่องกันแบบเหมือนเป็นศัตรู
“แต่บัวแก้วเป็นคนที่เลี้ยงเพียวมาตั้งแต่เล็ก ๆ ไม่เหมือนแม่แท้ ๆ ที่ละเลย”
“อย่ามาแขวะฉันค่ะ คุณมันก็ไม่ต่างกันหรอก หึ... คุณมันก็ได้แต่มั่ว เอากับอีเด็กสาว ๆ ไปวัน ๆ อยู่ตลอดเวลา คุณจะมีเวลาดูแลลูกเหรอ” นางทำเสียงสูง สายตาดูถูกพอ ๆ กัน
“ช่างเถอะ ผมเป็นผู้ชาย ส่วนคุณเป็นผู้หญิง คุณจะทำเหมือนกับผมไม่ได้หรอก”
“ทำไมจะไม่ได้ คนเรามีสิทธิเท่าเทียมกัน อย่ามาหาเรื่อง และอย่ามายุ่งกับฉัน เราสองคนหย่ากันแล้ว เลิกกันแล้ว เราทั้งสองคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันทั้งนั้น ฉันมาที่นี่ในฐานะของแม่ของตาเพียวก็เท่านั้นเอง”
“แม่เหรอ ฮ่า...” หัวเราะเยาะ
“คุณยังสะกดได้อีกรึ สระแอ มอม้า ไม้เอก แม่... แต่ว่าคุณไม่เคยทำหน้าที่ของตัวเองเลย” ส่ายหน้าอย่างระอา
“ข่าวที่คนเขานินทากันว่า คุณเที่ยวเร่แห่ควงสามีชาวบ้านให้เขาปลอบอกปลอบใจ มันปิดไม่มิดหรอกนะ”
“ใครมันปากหมา มาพูดมาก ไม่ใช่ความจริงสักหน่อย”
“ที่ใคร ๆ พูดกันมันก็ต้องเป็นเรื่องจริง ไม่มีมูลหมาไม่ขี้”
“หึ-หึ อย่าเอาดีกรีความเลวของคุณมา วัดดีกรีความชั่วของคนอื่นค่ะ มันได้ผลลัพธ์ไม่เท่ากันหรอกค่ะ” ลากเสียงสูงแบบไม่พอใจ สายตาฟาดฟัน คนที่เคยรักกันมาก แต่วันนี้หมดรักกันแล้ว ทั้งคู่ตั้งใจมองหน้ากันแบบไม่มีใครยอมใคร และเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่กัน
“แต่ผมก็ไม่เคยทิ้งลูก”
“ถ้าคุณยอมให้เพียวอยู่กับฉัน ฉันก็จะดูแลแกเป็นอย่างดี”
“แบบอดมื้อกินมื้อรึ” คำพูดที่สุดแสนจะแทงใจดำ
“แต่มีความสุข ไม่ใช่สุขจอมปลอมแบบนี้ ฉันอุตส่าห์ไม่ฟ้องร้องเอาสมบัติ หรือค่าเลี้ยงดูจากคุณ ก็เพราะว่าฉันไม่อยากจะมีบุญคุณติดหัวไปตลอดชีวิต ฉันก็มีปัญญาหาเงินมาเลี้ยงลูกได้”
“ด้วยการนอนแบให้ผัวชาวบ้าน ให้เขามาส่งเสียเลี้ยงดูนะหรือ”
“นี่ คุณอย่าดูถูกกันให้มากนะคะคุณเดช”
“ผมไม่ได้ดูถูก แต่ดูไม่ผิดต่างหาก”
จรีรัตน์กำหมัดในมือแน่น
“ถ้าอยากเจอก็มารับตอนที่เพียวกลับมาจากที่โน่นก็แล้วกัน”
“แล้วเพียวจะกลับมาวันไหน”
“ก่อนเปิดเทอม อีกสองวัน ถ้าอยากจะมารับ มาหาลูก มาตอนนั้น เชิญประตูอยู่ทางโน้น”
“จริงแล้ว ฉันก็ไม่อยากจะมาเหยียบที่นี่ด้วยซ้ำไป เสนียดติดตีน” ยกเท้าขึ้นมาเหมือนจะปัดบางสิ่งที่ติดอยู่
“แต่คุณก็เคยนอนกับไอ้ตัวเสนียดมาแล้ว จำไม่ได้หรือ”
“นั่นแหละค่ะ เป็นการตัดสินใจที่ผิดที่สุดในชีวิตของฉัน ฉันคงจะตาบอดไปชั่วขณะ แต่ตอนนี้สายตาของฉันมันดีแล้ว”
“คุณเดชขา น้ำในอ่างเต็มแล้วค่ะ” แน่งน้อยนางหนึ่งเดินออกมา ด้วยชุดว่ายน้ำที่ปิดบนชิ้น ล่างชิ้น ใบหน้าลอยชาย เข้ามาเกาะแขนของคุณอัครเดชไม่ยอมปล่อย สายตาของหล่อนผู้นั้นมองมายังคุณจรีรัตน์ด้วยอาการเยาะเย้ย
“คุณเดชขา เดี๋ยวน้ำจะเย็นซะหมดนะคะ” ปากพูด แต่สายตาดูแคลนมองจรีรัตน์
จรีรัตน์จ้องมองหญิงสาวผู้นั้นกลับ มองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“แต่จะคิดไปแล้ว ก็ดีเหมือนกันนะ ที่บัวแก้วเอาเพียวไปอยู่ด้วยตอนปิดเทอม ไม่อย่างนั้น เพียวก็ต้องทนเห็นความอดสูใจแบบนี้ สันดานกินไม่เลือก อีผู้หญิงขยะ” ยังแดกดันสามีไม่เลิก ปรายตามองหน้าหญิงสาวคนใหม่ของสามี เขาช่างไม่มีความยับยั้งชั่งใจ หรือรู้จักคำว่าพอดี จรีรัตน์ยิ้มออกมุมปาก
“นี่หล่อน อย่าคิดนะว่าการเอาตัวเข้าแลกของหล่อน จะทำให้คุณเดชเขายอมยกสมบัติอะไรให้กับหล่อน เขาก็ซื้อหล่อนกินแค่ชั่วคราวก็เท่านั้นเอง” มองหน้าหญิงสาวคนนั้นด้วยความเจ็บในหัวใจ
“อีแก่ ใครอยากจะกินน้ำพริกถ้วยเก่าแบบแก” ปากร้าย และทำกิริยาชั้นต่ำ หันไปออเซาะคุณอัครเดช
“คุณเดชคะ ดูสิคะ เมียเก่าของคุณว่าน้ำผึ้งค่ะ”
เขาตบไปที่หลังมือของน้ำผึ้งเบา ๆ
“คุณน่ะอย่ามารังแกเด็กของผมถึงในบ้านเลย มาทางไหนก็ควรจะกลับไปทางนั้น” เขายังพูดให้เจ็บใจ
“น้ำผึ้งไม่ต้องไปสนใจหรอกนะ” อัครเดชหันมาเอาใจสาวข้างกายอย่างออกนอกหน้า แล้วหันมามองหน้าภรรยาเก่า ที่เขาทอดทิ้งแล้ว
“เชิญคุณจรีรัตน์ ประตู” เขาผายมือ และออกปากไล่ หันไปมองภรรยาเก่าด้วยสายตาแข็ง
“โชคดีนะคะ” ยายน้ำผึ้งอวยพร พร้อมโบกมือไล่
ในหัวใจของจรีรัตน์นั้นร้อนรุ่มอยู่เต็มกำลัง สองคนที่หมดรักกันแล้ว แต่ยังมีพยานแห่งความรักที่เคยหวานชื่นอย่างอิงครัต ทำให้ทั้งสองคนนั้นยังตัดกันไม่ขาด ความเกลียดชังที่ประดังประเดเข้ามา หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งก็ยังไม่เลิกพฤติกรรมเดิม ๆ จนจรีรัตน์ทนไม่ไหวต้องเดินจากไป
จรีรัตน์คิดว่า เธอจะเปลี่ยนอัครเดชได้ แต่มันไม่มีวัน
เมื่อได้กลับมาเป็นคนโสด จรีรัตน์เธอเป็นคนสวย ที่สวยมาก จึงทำให้มี ทั้งคนหนุ่ม คนแก่ พ่อหม้ายมาติดพันกันมากมาย ทำให้เป็นที่ครหา และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณอัครเดชรับไม่ได้ และไม่อยากจะญาติดีกับภรรยาเก่าเลย
ทั้งนี้และทั้งนั้น ทั้งคู่ก็ยังมีบุตรชาย ที่เป็นเหมือนโซ่ที่คล้องทั้งสองคนเอาไว้ให้พันผูกกันอย่างไม่มีวันจบ
