7 ทาสสาวซ่านราคะ
ทาสสาวซ่านราคะ
ชาติภพใหม่
เรือนลับแห่งนั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความเครียดจัด สถานการณ์ด้านนอกบอกให้รู้ว่า ต้องมีการเตรียมพร้อมเสมอ หากมีเรื่องฉุกเฉิน ฝ่ายชายวัยกลางคนยืนแทบไม่ติด ด้วยส่งใครเข้าไปด้านในห้องลับส่วนตัวก็ถูกจับโยนออกมา เหล่าหน่วยเหยี่ยวไฟต่างต้องช่วยกันพาสตรีเหล่านั้น ไปส่งให้ถึงมือหมอที่รอรับหน้าที่คอยปฐมพยาบาลพวกนางอย่างแข็งขัน
“เฮ้อ นี่ก็คนที่สิบห้า ยังไม่มีใครที่แม่ทัพโต้วพึงใจ”
คนใส่เสื้อผ้ารัดกุมกล่าว เป็นตอนนั้นที่พ่อบ้านจ้าวแยกเขี้ยว ก่อนทำเสียงต่ำๆ เป็นเชิงตำหนิ “ไม่ใช่พึงใจ ข้าบอกว่าให้คัดเลือกสตรีที่มีปานโลหิตรัญจวน(พรหมจรรย์) แต่ดูเหมือนพวกเจ้ากับเฟ้นหาสตรีร่านสวาทที่เก่งกาจเรื่องบนเตียงมาที่นี่ เยี่ยงนี้ย่อมไม่ต้องคำสั่ง”
“ปานโลหิตรัญจวน”
“ก็ใช่นะซี ก่อนหน้านั้นข้าได้สั่งอย่างกำชับ ไฉนยังทำงานผิดพลาด พวกเจ้ามีกี่ชีวิต ถึงจะพอให้แม่ทัพโต้วตัดหัวจนเขาพอใจ”
อันที่จริงคำสั่งพ่อบ้านจ้าวไม่ได้ผิดพลาดแม้แต่น้อย หากหน่วยเหยี่ยวไฟมีเวลาเพียงหนึ่งคืนเท่านั้น ที่ต้องหาหญิงสาวที่มีรูปร่างงดงาม ผิวพรรณดี นอกจากนั้นยังต้องบริสุทธิ์ เหนืออื่นใดพวกนางยังต้องมีปานแดงบริเวณใต้ท้องแขนอย่างแจ่มชัด ปานดังกล่าวแสดงให้รู้ว่าพวกนางยังไม่เคยผ่านมือบุรุษใด และแม้แต่การเล่นสนุกกับตนเองก็หาได้พึ่งกระทำไม่ ทว่าปานแดงปกติก็พอหาได้ หากสิ่งที่พ่อบ้านจ้าวกล่าวถึง คือปานโลหิตรัญจวน ซึ่งคงต้องพลิกแผ่นดินหาเท่านั้น จึงได้พบ
“เหลืออีกแค่สตรีสามนางเท่านั้น ทั่วทั้งเขาแห่งนี้ หาได้มีหญิงสาวนางอื่นที่ผ่านเกณฑ์ ยกเว้นก็แต่พวกสตรีทึนทึกอายุเกินสามสิบปี”
พ่อบ้านจ้าวถอนหายใจยาวๆ จิตใจเขาไม่สู้ดี และห่วงชีวิตแม่ทัพโต้ว ซึ่งนานแล้วที่พิษร้ายแรงไม่ได้กำเริบ ยามนี้ดูเหมือนว่าจะต้องรีบขับมันออก หาไม่แล้วเขาอาจธาตุไฟแตกนั่นคือเรื่องเลวร้ายอย่างที่สุด กองทัพนับสิบพันชีวิตอาจเกิดการโยกย้าย และผู้นำคนใหม่ย่อมทำเรื่องที่เป็นภัยต่อรัชทายาท เมื่อนั้นตระกูลหมี่คงคิดทำเรื่องชั่วช้าเป็นแน่
จ้าวข่านมองไปยังหญิงสาวที่เหลือ พวกนางยังดูเยาว์วัย และบอบบางยิ่ง นอกจากนั้นสีหน้าแสดงถึงความตื่นตระหนก
“แน่ใจว่าไม่มีใครที่พวกเจ้าบังคับมา”ถามแล้ว และคำตอบก็แจ้งชัดในท่าทางของสตรีเหล่านั้น
“ค่าจ้างที่ให้แก่พวกนางมากโขทีเดียว แต่มีหญิงสาวนางหนึ่ง แจ้งว่าข้อแลกเปลี่ยนนางคือ หนังสือยกเลิกการเป็นทาส”
ได้ยินอย่างนั้น จ้าวข่านก็เดือดดาล ผู้ใดที่กล้าล้อเล่นกับเขา
“พวกเจ้าปัญญาทึบหรืออย่างไร ถึงได้กล้าเอาทาสที่ใช้แรงงานมารับใช้แม่ทัพโต้ว สิ่งนี้ไม่ใช่แค่การอุ่นเตียง แต่เป็นการรักษาสมดุลในร่างกาย ความสะอาดย่อมสำคัญ นอกเหนือจากนั้นนางอาจมีโรคร้ายติดตัวมาด้วย ข้านึกไม่ถึง หน่วยเหยี่ยวไฟช่างเลอะเลือนนัก”
“ตะ แต่แพทย์ทหารตรวจร่างกายนางอย่างละเอียด และเลือดนางที่หยดลงในสุรา ไม่มีสิ่งผิดปกติ นอกเหนือจากนั้น ปานใต้วงแขนของนาง ก็เด่นชัดกว่าผู้อื่น บางทีอาจเป็นปานแดงรัญจวนที่พ่อบ้านจ้าวตามหาอยู่”
ถึงได้ยินคำอธิบายจากหน่วยเหยี่ยวไฟ แต่จ้าวข่านยังเครียดจัดจนเผลอกัดเล็บนิ้วโป้งของตน กระทั่งได้สติเขาจึงมองสตรีที่ยืนเรียงอยู่ตรงหน้าด้วยอย่างพินิจ
“เอาล่ะ... ข้าจะไม่อ้อมค้อม พวกเจ้ามีผู้ใด ป่วยไข้ สุขภาพมิสู้ดี หรือมีส่วนใดภายในร่างกายที่ผิดปกติจงถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เรื่องนี้ข้าไม่ได้ล้อเล่น เพราะเข้าไปด้านในแล้วหากมีความบกพร่องแม้แต่น้อย จุดจบคือความตาย และข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าสิ้นลมหายใจอย่างรวดเร็วเป็นแน่”
จ้าวข่านเอ่ยจบ แทนที่จะมีคนก้าวถอยหลัง แต่กลายเป็นว่า หญิงสาวที่เรือนร่างอรชร และดวงตาสีอ่อน นางสืบเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว ท่าทางประดุจนางจิ้งจอกที่นุ่งห่มร่างกายของสตรีล่มแคว้น งดงาม เย้ายวน และมีไอสังหารลอยอยู่บนเนื้อหนังของนาง
“หึๆ ๆ หากคาดเดามิผิด เป็นเจ้าสินะ นางทาสที่อยากสังเวยชีวิตในคืนนี้”
ดวงหน้าที่แสงจันทร์ทาบทับนั้น เงยขึ้นช้าๆ ความงามของนาง ดูลึกลับเย้ายวน ทั้งแฝงด้วยพลังบางอย่างที่จ้าวข่านต้องหัวเราะออกมาในที่สุด เขาประเมินสินค้านี้ต่ำเกินไป
“หากเจ้าทำสำเร็จ ไม่ใช่แค่หนังสือยกเลิกการเป็นทาสที่จะได้รับ แต่หมายรวมถึงเลือดเนื้อของแม่ทัพโต้ว ที่เจ้าต้องอุ้มท้องด้วย!”
บอกแล้วเขาก็พยักเพยิดให้นางทาสก้าวเข้าไปด้านในห้องลับ ส่วนสตรีสองนางที่เหลือจ้าวข่านโบกมือไล่ไปให้พ้นๆ หน้า
