บทย่อ
บุรุษผู้นั้นหากไม่คลั่งรักจนวิปลาส มีหรือจะยกลูกสะใภ้แสนแพศยาขึ้นมาเป็นฮูหยินใหญ่! ********************** “แน่ใจหรือว่าเจ้าเป็นทาสต่ำต้อย ร่างกายบอบบางเช่นนี้ ควรเป็นคณิกามากกว่า” เขาว่าเสียงดุเข้ม ในห้วงเวลานั้น ริมฝีปากบางชื้นจัดก็ขบเม้มรุนแรงบริเวณที่นางได้แผลจากจอกสุรา จิ่นเสียนยืนแทบไม่ไหว ร่างกายเจียนทรุดฮวบลงบนพื้น ชายหนุ่มจึงดันร่างบอบบางให้ไปข้างหน้า กระทั่งถึงโต๊ะกลางห้องโถง “หยิบไม้นั่นขึ้นมาแล้วใช้ปากคาบเอาไว้ ส่วนมือเจ้าจงเกาะขอบโต๊ะให้แน่น หากล้มลงพื้นเมื่อใด ศพเปลือยเปล่าของเจ้าจะถูกส่งไปที่ตระกูลจิว และนั่นคืออิสระภาพที่ข้าจะมอบให้นางทาสที่ไม่รู้จักเจียมตน!”
1 โฉมงามกลางป่า
โฉมงามกลางป่า
อดีตชาติ
จิ่นเสียนสะดุ้งเฮือกสุดแรง เสียงฉีกเสื้อผ้าดังอยู่ข้างหู ยามนั้น นิ้วใหญ่หยาบกร้านแสนสกปรกพยายามรั้งริมฝีปากล่างของนางลง การกระทำดังกล่าวทั้งหื่นกระหายและจาบจ้วง
ดวงตาที่จดจ้องนางเต็มไปด้วยราคะ ทว่าอย่างไรก็ตาม ร่างกายหญิงสาวมีแรงปรารถนาอัดแน่นอยู่ มันพร้อมถูกปลดปล่อยออกมาได้ทุกเมื่อ ความรู้สึกชวนสะอิดสะเอียดเป็นไปอย่างต่อเนื่อง กระทั่งนางไอโขลกๆ แล้วลืมตาโพลง จึงเห็นว่ามีชายสวมชุดเสื้อผ้าขนสัตว์ยืนล้อมตนอยู่หลายชีวิต
“ฮ่าๆ ๆ ของเล่นรองหัวหน้าหมิงงดงามยิ่งกว่าคณิกาชั้นสูงที่พวกเราจับได้เมื่อหลายเดือนก่อน เร็วเข้า รีบตัดเสื้อด้านในนางออกเสียที ข้าอยากเห็นยอดหน้าอกที่ตั้งชัน และข้างล่างนั้นก็ส่งกลิ่นก็หอมหวานราวกับน้ำผึ้งฝ่า
นางช่างเป็นสิ่งงดงามที่สวรรค์ประทานมาให้พวกเราได้เสพสม”เสียงดังกล่าวว่าอย่างหยาบคาย อึดใจต่อมา เสื้อของจิ่นเสียนก็เจียนจะถูกตัดขาด หากนางยกมือปกป้องตนเอง ทำให้คมมีดบาดตรงหลังมือ
ชั่วขณะเดียวกัน สายตาชายกลัดมันต่างมองจิ่นเสียนด้วยความรำคาญ ทว่ามันเกิดขึ้นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เนื่องจากมีต้นหญ้าพุ่งตรงมา แล้วปักเข้าลำคอชายเหล่านั้นทีละคน จนร่างพวกมันทรุดลงพื้น ก่อนจะแน่นิ่งไป
โอ้ มียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่ที่นี่ และติดตามมาช่วยจิ่นเสียน ฝ่ายชาวเผ่าเร่ร่อนที่รอดชีวิต เตรียมส่งเสียงขอความช่วยเหลือ หากมีมีดสั้นเล่มหนึ่ง พุ่งตรงมาแล้วปักเข้ากลางหน้าผากของเขา
อึดใจต่อมา จิ่นเสียนขยับตัวช้าๆ ศีรษะนางหนักอึ้ง ร่างกายผะผ่าวร้อน ส่วนที่อยู่ในร่มผ้าส่งกลิ่นหวานจัดลอยอยู่ในบรรยากาศ เรียกได้ว่าสร้างความซาบซ่านแก่นาง แล้วยังเรียกให้เหล่าบุรุษอีกกลุ่มพุ่งตรงมาหาหญิงสาว
ยามนี้สิ่งที่ทำได้คือต้องชำระล้างร่างกาย แล้วหาที่ลับตาคนเพื่อคลายพิษซึ่งถูกพวกบัดซบกรอกน้ำแกงราคะให้นางดื่ม ซึ่งทั้งหมดต้องกล่าวว่า เป็นนางซึ่งรนหาที่เอง มิเช่นนั้นชีวิตจะตกต่ำถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
จากนั้น จิ่นเสียนรวบรวมแรงเท่าที่เหลือ วิ่งหนีกระทั่งหลงเข้าไปในป่าไผ่ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้รู้ว่าชีวิตอาจสิ้นลมหายใจเมื่อใดก็ได้ เสื้อผ้านางที่สวมใส่แทบปกปิดผิวขาวอมชมพูไม่มิด มันล่อตาล่อใจพวกเผ่าแร่ร่อน ที่ค่อยๆ เผยตัวจากทางด้านหลังนาง
จิ่นเสียนวิ่งจนอ่อนล้า หากสุดท้ายต้องตกอยู่ในกลางวงล้อม โดยมีชายผู้หนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้า และเขาคือเซี่ยหมิงผู้เป็นว่าที่เจ้าบ่าวของจิ่นเสียนนั่นเอง แต่ยามนี้อีกฝ่ายกลับมีตำแหน่ง เป็นถึงรองหัวหน้าเผ่าซยงเหล่าสู
“รองหัวหน้า ท่านมีของดีเช่นนี้ แต่เก็บไว้เชยชมเพียงผู้เดียวได้อย่างไร”
เสียงดังกล่าวดังอย่างเย้ยหยัน และทำให้เซี่ยหมิง ผู้ที่ถูกเรียกว่ารองหัวหน้าแยกเขี้ยวด้วยความไม่พอใจ
ฝ่ายเซี่ยหมิงเก็บความฉุนเฉียน และผิดหวังเอาไว้แทบไม่ได้ เขาตำหนิหญิงสาวในใจ หากนางไม่คอยหาเรื่องทะเลาะกับจวิ้นซีผู้เป็นมารดาเขา คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ นับแต่เขาบอกว่าจะเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อสอบราชการ จิ่นเสียนก็เริ่มแสดงพฤติกรรมเกียจคร้าน ไม่ใคร่อยากทำงานบ้านอย่างเช่นเมื่อก่อน
ฝ่ายจวิ้นซีผู้เป็นมารดาของเซี่ยหมิงก็ป่วยออดแอดๆ ทั้งมีอาการประสาทหลอนเป็นระยะ จึงทำให้มีปากเสียงกันเรื่อยมา พอหนักเข้า จิ่นเสียนเลยคิดวางยาอีกฝ่ายให้นอนป่วยติดเตียง
ทว่าจวิ้นซีไม่ใช่หญิงวัยกลางคนทั่วไป นางคืออดีตอนุของแม่ทัพโต้ว ทั้งยังถูกฝึกฝนตนให้ทำงานด้านสายลับตั้งแต่เป็นสาวแรกรุ่น พอสติกลับคืนมา สิ่งที่ทำก็คือมัดมือมัดเท้าจิ่นเสียน แล้วส่งให้พ่อสื่อนำไปขายให้กับเถ้าแก่ผู้หนึ่งในเมืองสิ่ว
“นางไม่ควรอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าไม่มีสิทธิแตะต้องอาเสียน”
“ฮ่าๆ ๆ อาเสียน...” ลูกน้องของเซี่ยหมิงหัวเราะลั่น ด้วยน้ำเสียงที่ชายหนุ่มที่เอ่ยถึงจิ่นเสียนเจือความห่วงหาอยู่มาก
“แม้ท่านห้ามข้าได้ แต่พี่น้องที่เหลือเหล่า รองหัวหน้าก็รู้ เผ่าชยงเหล่าสู สตรีก็เหมือนเสื้อผ้า เราใช้ร่วมกันเสมอ หากนางให้กำเนิดทารก เป็นชายพวกเราย่อมช่วยกันเลี้ยง หากเป็นหญิง ก็ส่งขายซ่อง หรือไม่ก็จับใส่ไหแล้วฝังดินเสีย”คนที่หน้าตาอัปลักษณ์กล่าว และนั่นทำให้เซี่ยหมิงโกรธจัดกว่าเดิม เขาพยายามพาว่าที่เจ้าสาวของตนหลบหนีออกจากถ้ำได้แล้วเชียว พอส่งนางลงเขาไปจนลับตา แต่กลับพลาดท่าถูกบ่วงเชือกรัดข้อเท้าไว้
ดังนั้นจึงทำให้คนของเผ่าเร่ร่อนจับตัวได้อีกหน และเมื่อครู่ก็หวิดจะถูกข่มเหง ในยามนี้เขาคิดหาทางช่วย จึงกลายเป็นว่าสร้างความไม่พอใจแก่พี่น้องในเผ่ามากกว่าเดิม
“พี่น้องเราป้อนยานางไปหลายอึก สิบสองชั่วยามจากนี้ หากนางไม่ปลดปล่อยน้ำหวานออกจากร่างกาย ธาตุไฟย่อมเข้าแทรกจนเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด”
“ชั่วช้า พวกเจ้าทำกับอาเสียนได้เยี่ยงไร”
“อย่างน้อยที่สุด นางก็จะได้เป็นเมียพี่น้องเรา ย่อมดีกว่าถูกส่งตัวไปให้เถ้าแก่อ้วนฉุ จับขังไว้ในบ้าน และปล่อยให้เป็นแม่พันธุ์คลอดบุตรเยี่ยงสุกร”
เซี่ยหมิงมองไปยังหญิงสาวของตน ยามนี้นางตัวร้อน สีหน้าแดงระเรื่อ ดวงตาฉ่ำปรือ กล่าวได้ว่านางกำลังเรียกร้องให้บุรุษเข้าไปหาคงไม่ผิดไปจากนั้น
“อาเสียน เป็นข้าที่ทำร้ายเจ้า” เซี่ยหมิงกล่าวจบ จึงสืบเท้าเข้าไปหานาง และใช้เข็มเล่มยาวที่ซ่อนไว้ในอกเสื้อแทงเข้าบริเวณลำคอระหง สิ่งที่เขากระทำสร้างความฉงนให้ชาวเผ่าชยงเหล่าสู พร้อมมีเสียงถอนหายใจด้วยความเสียดายตามมา
“นางได้รับหนอนพิษราชินี และยังมีน้ำแกงราคะที่พวกเจ้าป้อนให้ดื่มอีก หากผู้ใดอยากกลายเป็นศพที่มีแผลผุพอง ปวดแสบปวดร้อน ทั้งถูกแมลงวันไข่ใส่แผล ก็เชิญสังวาสกับนางได้อย่างเต็มที่”
เมื่อเซี่ยหมิงจะกล่าวเช่นนั้น หลายคนจึงเกรงกลัว กระนั้นยังมีพวกอยากลองดีมิน้อย นั่นเป็นเพราะจิ่นเสียนงดงามราวกับเทพธิดา และกลิ่นกายนางหอมจัด เย้ายวนให้บุรุษกลัดมันอยากขึ้นคร่อมพร้อมสับสะโพกใส่
ฝ่ายเซี่ยหมิงเห็นท่าไม่ดี เขาจึงผลักจิ่นเสียนไปอีกทาง พร้อมหาวิธีปกป้องนาง ขณะเดียวกัน มีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น ด้วยมีคนพบศพของพี่น้องในเผ่าตายเกลื่อน ด้วยฝีมือของผู้มีวรยุทธ์
“รองหัวหน้า ข้าพบมีดสั้นเล่มนี้ที่ศพของพี่น้องเรา”
เซี่ยหมิงมีดสั้นดังกล่าวรับมาพิจารณา หัวใจก็บีบรัด เขาเคยเห็นมีดสั้นลักษณะคล้ายกันนี้ เมื่อครั้งอยู่จวนแม่ทัพโต้ว! ขณะที่ชายหนุ่มเกิดความเครียดจัด เสียงของคนในเผ่าก็รายงานต่อ
“นอกจากมีคนจัดการกับพี่น้องเราด้วยดอกหญ้า ยังมีทหารหลวงที่ตามไล่ล่าคนผู้นั้นหมายเอาชีวิตให้ได้ ซึ่งหากคาดการไม่ผิด ผู้บัญชาการทหารที่รับใช้ฮ่องเต้ชั่ว ต้องการโยนความผิดให้พวกเรา ทั้งเรื่องขโมยเสบียงกองทัพสกุลโต้ว รวมถึงการเผาเมืองสิ่ว หากไม่รีบหลบหนีตอนนี้ เกรงว่าเผ่าชยงเหล่าสูคงถูกถอนรากถอนโคนเป็นแน่”
เซี่ยหมิงสูดลมหายใจลึก มีอีกหลายร้อยชีวิตที่เขาต้องปกป้อง ส่วนจิ่นเสียน วาสนานางนับแต่นี้ คงขึ้นอยู่กับเจ้าของมีดสั้นเล่มดังกล่าวแ ละคนผู้นั้นก็คือ โต้วเหวยถาน ผู้เป็นบิดาของเซี่ยหมิง!

