บทที่ 5 ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา
บทที่ 5
ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา
“จู่ๆ เอาข้อมูลพวกนี้มาใส่หัวฉันทำไมกันเนี่ย!”
หญิงสาวบ่นอุบเมื่อเธอสามารถรับมือกับข้อมูลมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาในสมองได้แล้ว มิเพียงเท่านั้นเธอยังรู้สึกจมลงไปในเหตุการณ์นั้นราวกับประสบพบเจอด้วยตนเองอีกด้วย
จากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของเธอ
‘ต่อจากนี้เจ้าจงสวมร่างนางเอกนิยาย!’
“อะไรกัน นะ...นั่นเสียงใคร! แล้วทำไมฉะ...ฉันต้องสวมร่างของสตรีผู้นี้ด้วย”
หลิวเซียวหลินงุนงง ก่อนจะมองหน้าหลิวเซียวหลินผู้เป็นนางเอกนิยาย ที่เวลานี้กำลังยืนร่ำไห้ปริ่มว่ากำลังจะขาดใจเสียให้ได้
“หลินเอ๋อร์พวกเราทั้งสองนับว่ามีวาสนาเกี่ยวพันกัน ได้โปรดช่วยลูกของข้าด้วย ได้โปรดพาเขาหนีไปจากคนใจร้าย”
นางเอกหลิวเซียวหลินปราดเข้าไปกุมมือหลิวเซียวหลินเอาไว้แน่น ใบหน้างดงามซีดขาวของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ทว่าหญิงสาวผู้มีเรียวปากแดงชาดกลับสะบัดมือออกราวกับว่ามือที่ยื่นมานั้นเป็นของร้อน
“ธะ...เธอก็กลับเข้าร่างตัวเองสิ ลูกใครก็ดูแลเอาเอง ฉันไม่เกี่ยวด้วยเสียหน่อย!”
หลิวเซียวหลินเถียงทันควัน อะไรกันเธอยังไม่เคยแต่งงานมีสามี จูบแรกก็ไม่เคย! เสียพรหมจรรย์ครั้งแรกก็ไม่เคย! แต่จู่ๆ จะให้ไปสวมร่างหญิงตั้งครรภ์งั้นหรือ มันจะเกินไปแล้วนะ!
“มะ...ไม่มีเวลาแล้วหลินเอ๋อร์ ได้โปรดรับปากข้า ได้โปรดเถอะ...”
นางเอกหลิวเซียวหลินทรุดเข่าลงไปกับพื้น ร้องไห้โฮออกมาจนไหล่เล็กบอบบางสะอื้นฮัก ทำให้หัวใจของหลิวเซียวหลินถึงกับอ่อนยวบ ยิ่งเห็นว่าดวงวิญญาณของอีกฝ่ายกำลังเลือนหายไป หญิงสาวก็ยิ่งอึกอักลังเลแต่ก็ไม่อาจรับปากไปแบบส่งๆ เพราะนี่คือชีวิตของเธอทั้งชีวิต
“ได้โปรดเถอะหลินเอ๋อร์...ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องสวมร่างข้าเพราะนี่คือลิขิตสวรรค์ เป็นชะตาชีวิตที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ดังนั้นได้โปรดพาลูกของข้าหนีไป ได้โปรดเลี้ยงดูเขาแทนข้าด้วย”
หลิวเซียวหลินทำอะไรไม่ถูก เพราะดูเหมือนว่าเวลานี้ดวงวิญญาณของเธอเองก็กำลังค่อยๆ จางหายไปพร้อมๆ กับดวงวิญญาณของนางเอกสาวเช่นกัน
เดาได้ไม่ยากเลยว่าดวงวิญญาณของเธอคงกำลังถูกดึงให้เข้าไปสวมร่างของนางเอกในนิยายนั่นเอง ในเมื่อเป็นลิขิตสวรรค์ที่ไม่อาจขัดขืน เธอก็คงต้องยอมรับโดยดุษณี แต่จะให้เธอก้มหน้ายอมรับโชคชะตาที่แสนบัดซบนี่ละก็...
ไม่มีวัน!
“ก็ได้! ฉันจะเลี้ยงลูกให้เธอเอง แต่อย่าหวังว่าฉันจะทำเรื่องบ้าบออย่างการอุ้มท้องหนีสามีเป็นอันขาด ฉันจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในฐานะ ‘เฉินโหวฮูหยิน’ ฉันจะไม่หนีไปไหนทั้งนั้น ทำไมคนอย่างฉันต้องแบกรับความทุกข์เพียงลำพังด้วย ฉันจะทำให้คนรอบข้างต้องแบกรับความทุกข์นี้เอาไว้เอง!”
สิ้นสุดคำพูดที่ราวกับการประกาศกร้าว ดวงวิญญาณของหญิงสาวทั้งสองก็จางหายไปจากบริเวณนั้นทันที
ตี๊ด...
เสียงสัญญาณชีพของนักร้องสาวขาดลงพร้อมๆ กับหัวใจของนายแพทย์หูเทียนห้าวที่แทบจะแตกสลาย เขารีบปั๊มหัวใจของน้องสาวต่างสายเลือดอย่างเอาเป็นเอาตาย ทว่าร่างเย็นชืดไร้วิญญาณกลับไม่ตอบสนองต่อการช่วยชีวิต
พยาบาลในห้องผ่าตัดได้แต่ยืนมองด้วยความนิ่งอึ้ง ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้าม ปล่อยให้หมอหนุ่มได้ทำในสิ่งที่อยากทำอย่างเต็มที่
ทว่า...
ติด...ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
จู่ๆ เสียงสัญญาณชีพของนักร้องสาวหลิวเซียวหลินก็กลับมาดังขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางความตกใจของทุกคนในห้องผ่าตัด
หูเทียนห้าวทรุดกายลงกอดน้องสาวเอาไว้แน่น นายแพทย์หนุ่มอัจฉริยะมาดขรึมขวัญใจสาวๆ ทั้งโรงพยาบาลถึงกับปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย
เขาลูบใบหน้าที่ค่อยๆ มีเลือดฝาดของน้องสาวต่างสายเลือด ก่อนจะกระซิบบอกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“หลินเอ๋อร์...ขอบคุณนะที่กลับมา”
ปลายนิ้วของคนป่วยกระตุกหลายครั้ง ดวงตาที่หลับสนิทมีหยาดน้ำตาออกมาราวกับรับรู้ได้ว่ามีคนที่รักและห่วงใยเธอมากมายเพียงใด
“น้องสาวของพี่...”
หูเทียนห้าวมองน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความรัก เขายังจำวันแรกที่พบเธอได้ไม่ลืม วันนั้นมารดาพาเขามาทำความรู้จักกับว่าที่สามีใหม่ที่มารดาตัดสินใจจะแต่งงานด้วย ซึ่งคนรักของมารดามีลูกติดเป็นเด็กผู้หญิงที่มีอายุน้อยกว่าเขาหลายปี
หูเทียนห้าวเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดปีผู้กำลังขะมักเขม้นเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยการแพทย์ระดับประเทศ ส่วนเด็กหญิงมีอายุเพียงเก้าปี เป็นเด็กหญิงหน้าตางดงามราวกับตุ๊กตา ผิวขาวละเอียดดุจหิมะ เส้นผมดำขลับสลวย แก้มกลมๆ ป่องพอง เรียวปากสีชาดอวบอิ่ม พูดจาฉะฉาน ยิ้มเก่ง มีน้ำเสียงที่ไพเราะดั่งเสียงนกน้อยเย่อิง อีกทั้งยังเป็นเด็กที่เพิ่งชนะเลิศรายการประกวดร้องเพลงระดับเยาวชน ได้รับรางวัลขวัญใจมหาชนล้นหลาม
เด็กหญิงฉีกยิ้มให้เขา รอยยิ้มที่ราวกับจะสะกดหัวใจของคนโตกว่าให้หยุดนิ่ง อีกทั้งยังเรียกเขาว่า ‘พี่ชาย’ อย่างสนิทสนม
หูเทียนห้าวเป็นเด็กหนุ่มที่ค่อนข้างเก็บตัว เพราะโตมาในครอบครัวที่บิดาใช้ความรุนแรงกับมารดาจนเป็นปมฝังใจ เขาจึงค่อนข้างระแวงบิดาเลี้ยง อีกทั้งยังพานระแวงมายังลูกของบิดาเลี้ยงอีกด้วย
แต่ทว่าหลิวเซียวหลินค่อยๆ ละลายพฤติกรรมของเขา เด็กหญิงสดใสร่าเริง ออดอ้อนเก่ง มารดาของเขารักและเอ็นดูเธอมากราวกับบุตรสาวในไส้
แม้เธอเติบโตเป็นสาวงดงามดั่งดอกไม้แรกแย้ม ทว่าเขาก็ยังเห็นเธอเป็นเพียงน้องน้อยที่ต้องปกป้องดูแล ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะก้าวข้ามความสัมพันธ์นี้ไปเป็นอื่น และหลิวเซียวหลินเองก็ไม่เคยมองเขาด้วยสายตาเป็นอื่นนอกไปจากพี่ชายเช่นกัน
