บทที่ 1 มารยายกที่ 2 เริ่ม!
บทที่ 1
มารยายกที่ 2 เริ่ม!
‘แค่นี้ก็เขินอายจนจมูกแดงแล้วหรือ ที่แท้ท่านโหวรูปหล่อก็แค่ไก่อ่อนที่แสร้งทำตัวเย็นชาสินะ... หึ! เช่นนี้ก็ยิ่งจัดการได้ง่ายดาย คอยดูเถอะอีตาพระเอกเย็นชา ข้าจะฝึกเจ้าให้เชื่องเหมือนสุนัขตัวน้อยเลยคอยดู!’
ปลายจมูกแดงของสามีไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของภรรยาเจ้ามารยาไปได้
หลิวเซียวหลินแอบยิ้มเยาะในใจ เวลานี้แม้ดวงตาของนางพร่ามัวแต่ก็ยังเห็นชัดในระยะใกล้ๆ จึงทำให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของสามี
‘ให้ตายเถอะสามีของร่างนี้หล่อมาก! กล้ามแขนแน่นเป็นมัดๆ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาหมดจด จมูกโด่ง คิ้วเข้ม ผิวขาวละเอียด หล่อจนเหมือนมีแสงสว่างแผ่กระจายออกมารอบๆ กาย หล่อสะอาดเหมือนอาบน้ำวันละสิบรอบ นอกจากความหล่อแล้วยังเป็นคนมียศถาบรรดาศักดิ์ ร่ำรวยมีเงินทองให้ตีลังกาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย(ตรงนี้สำคัญมาก) ครบเครื่องแบบนี้ค่อยคุ้มค่ากับการสวมร่างนี้หน่อย หึ...หึ...’
“ขะ...ข้า”
ฮูหยินโหวทำท่าทางราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็เม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง ร่างกายสั่นเทามากกว่าเดิมเมื่อเหลือบสายตาไปมองจ้าวอาเม่ย
แน่นอนว่าท่าทางเช่นนั้นของภรรยาย่อมอยู่ในสายตาของโหวหนุ่ม แม้ภรรยาไม่เอื้อนเอ่ยเขาก็พอจะจับต้นชนปลายได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“มีอะไรก็พูดออกมาเถอะ ไม่ต้องกลัว...”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยราวปลอบโยนทำให้ภรรยาสาวยิ่งเบียดกายเข้าหาสามีมากขึ้นราวกับต้องการยึดเหนี่ยวเขาเอาไว้เป็นที่พักพิง
“ขะ...ข้าดวงตาพร่าเลือนจึงพลัดตกลงไปเองเจ้าค่ะท่านโหว มะ...ไม่มีใครทำร้ายข้าทั้งนั้น มะ...ไม่มี มะ...ไม่มีเลยจริงๆ นะเจ้าคะ”
ภรรยาครรภ์แก่รีบปฏิเสธเสียงสั่น เรือนกายสั่นเทาดั่งกำลังหวาดหวั่น แสร้งบีบมือลงบนต้นแขนของสามีก่อนจะห่อไหล่เข้าหากันคล้ายกำลังกลั้นเสียงสะอื้นในอก
หลิวเซียวหลินรู้ว่าไม่อาจชี้นิ้วบอกได้ว่าใครรังแกร่างนี้ แต่นางสามารถทิ้งความระแคะระคายใจไว้ในหัวใจของเฉินโหวได้อย่างแน่นอน
ใจจริงนางอยากจะใช้มารยาเรียกเฉินโหวอย่างออดอ้อนอ่อนหวานว่า ‘ท่านพี่’ แต่ร่างนี้กลับเรียกสามีอย่างห่างเหินว่า ‘ท่านโหว’ นางจึงไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ดั่งใจ แต่ก็หมายมั่นเอาไว้ว่าจะต้องเปลี่ยนคำเรียกขานสามีให้จงได้ เพื่อแสดงถึงความสนิทสนมกลมเกลียว นำมาซึ่งอำนาจการปกครองจวนโหวที่ควรจะมาอยู่ในมือของนาง หาใช่อยู่ในมือของฮูหยินจ้าวรุ่นฉิงผู้มีศักดิ์เป็นป้า
“ใช่แล้วเจ้าค่ะพี่ตงหยาง จู่ๆ พี่สะใภ้ตกลงไปในน้ำเอง พวกข้าตกใจมากๆ เลยเจ้าค่ะ”
จ้าวอาเม่ยรีบแก้ตัวเป็นพัลวันเมื่อเห็นสายตาแข็งกร้าวของญาติผู้พี่ นึกหงุดหงิดเพราะคิดว่าเฉินโหวจะกลับถึงจวนค่ำๆ จึงได้วางแผนกลั่นแกล้งหลิวเซียวหลินหมายให้อีกฝ่ายแท้งบุตร
ดูเอาเถอะนอกจากจะไม่สำเร็จแล้ว เฉินโหวยังเป็นคนช่วยมันขึ้นมาจากน้ำด้วยตนเองอีกต่างหาก
แต่ต่อให้ครั้งนี้ไม่สำเร็จ ครั้งหน้าก็ย่อมต้องสำเร็จแน่ เพราะท่านหมอบอกว่าดวงตาของมันกำลังจะบอดสนิทภายในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว เมื่อดวงตาของนังเซียวหลินมืดบอดก็ยิ่งเป็นจุดอ่อนให้ถูกกำจัดออกไปพ้นทางโดยอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุ
“ปะ...เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ คะ...คุณหนูจ้าวพะ...พูดถูกทุกอย่าง”
เฉินโหวสังเกตได้ว่าภรรยาสะดุ้งจนไหล่สั่นทุกครั้งที่จ้าวอาเม่ยเอื้อนเอ่ย ยิ่งอาเม่ยเดินเข้ามาใกล้ๆ เซียวหลินก็ยิ่งตัวสั่นเทาดั่งกำลังหวาดกลัวญาติผู้น้องของเขา
‘ลับหลังข้าเกิดอะไรขึ้นกันแน่! เหตุใดเซียวหลินจึงบอบช้ำราวกับแก้วที่แตกสลายเช่นนี้!’
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด เพราะคิดมาเสมอว่าสตรีที่ตบแต่งเข้ามาเป็นภรรยาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในจวนโหว แต่กลายเป็นว่านางอาศัยอยู่ในจวนโหวอย่างหวาดระแวงปราศจากความสุขงั้นหรือ?
“เม่ยเอ๋อร์ขอโทษนะเจ้าคะพี่ตงหยาง เป็นเม่ยเอ๋อร์เองที่ดูแลพี่สะใภ้ไม่ดี ได้โปรดลงโทษเม่ยเอ๋อร์เถอะเจ้าค่ะ”
จ้าวอาเม่ยรีบทรุดกายลงกระแทกเข่าลงบนพื้นด้วยท่าทางสำนึกผิด หลิวเซียวหลินในอ้อมกอดของเฉินโหวถึงกับห่อปาก ‘ว้าว’ ด้วยความตื่นตาตื่นใจไปกับมารยาของญาติผู้น้องของสามี
“พี่สะใภ้ได้โปรดอย่าลงโทษเหล่าสาวใช้เลยนะเจ้าคะ หากจะมีใครสักคนที่ผิดย่อมเป็นข้าเองที่บกพร่อง”
หลิวเซียวหลินสะดุ้งตกใจเมื่อญาติผู้น้องของสามีหันมาพูดด้วย มือบอบบางที่จับแขนสามีไว้บีบแน่นกว่าเดิม เรือนกายสั่นเทิ้มดั่งกำลังหนาวสั่นและหวาดกลัว เฉินโหวเห็นว่าภรรยาอาการไม่สู้ดีจึงกล่าวตัดบท
“เอาเถอะไว้ค่อยพูดคุยเรื่องนี้ทีหลัง...เซียวหลินเจ้าตัวเย็นมากแล้ว รีบกลับเข้าเรือนไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายเสียก่อน”
ชายหนุ่มประคองให้หลิวเซียวหลินลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้สาวใช้ส่วนตัวทั้งสองคนของภรรยาเข้ามาประคองเฉินโหวฮูหยิน ทว่าจังหวะนั้นเองหญิงสาวข้างกายกลับซวนเซจะล้มลงจนชายหนุ่มต้องกางแขนโอบนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอดอีกครา
ใบหน้าซีดขาว ดวงตาปรือต่ำ ก่อนที่นางจะตัวอ่อนยวบดั่งคนหมดสติ ทำให้เฉินโหวต้องรีบรวบร่างบางขึ้นอุ้มแล้วใช้วิชาตัวเบาพานางกลับไปที่เรือนแสงจันทร์อย่างรวดเร็ว สั่งให้พ่อบ้านเร่งไปตามหมอมาดูอาการเฉินโหวฮูหยินทันที
