บทที่ 2 รับงาน (5)
“ให้ฉันเนื่องในโอกาสอะไร?” หญิงสาวนิ่วหน้า แต่ก็สนใจช่อดอกไม้อยู่ไม่น้อย
“เนื่องในโอกาสที่เราตกลงคบกันเป็นแฟนไง” ชายหนุ่มตอบพลางยืดอก ดูเขาจะภาคภูมิใจซะเหลือเกิน
เฌอรินทร์ย่นจมูก “แค่คบกันหลอก ๆ ไม่ต้องก็ได้มั้ง เสียดายเงิน”
“ฉันอยากให้ เธอก็รับไปเถอะน่า”
หญิงสาวหลุบตามองกุหลาบกำมะหยี่ดอกโตสีแดงสดอีกครั้ง ก็ว่าจะไม่รับ แต่เธอไม่อยากเห็นดอกไม้สวย ๆ ไปอยู่ในถังขยะ เธอเลยรับไว้
“ขอบคุณค่ะ”
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นหอมแก้มฉันสักฟอด คงดีไม่น้อยนะ” ชายหนุ่มบอกพลางเอานิ้วจิ้มที่แก้มของตัวเอง แล้วเขาก็ร้องออกมาเมื่อเจอหญิงสาวเอาช่อกุหลาบฟาดใส่หน้า
“งั้นก็เอาคืนไป!”
“ฉันล้อเล่น แค่นี้ต้องโกรธด้วย รับไปสิ ตั้งใจเอามาให้จริง ๆ” กล้าตะวันอมยิ้มเมื่อเฌอรินทร์ยอมรับช่อดอกไม้
สายตากรุ้มกริ่มไม่น่าไว้ใจนี่เองที่ทำให้เฌอรินทร์คิดว่าเธอทำพลาด พลาดที่เธอใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงขาสั้นออกมาต้อนรับเขา หรืออาจจะพลาดที่รับดอกไม้จากเขาด้วย
“ยิ้มอะไร เสร็จธุระแล้ว ก็เชิญคุณกลับไปได้” เฌอรินทร์ไล่ชายหนุ่มหน้าตาเฉย
“เป็นงั้นไป” กล้าตะวันหรี่ตามองหญิงสาว เพราะเขาไม่เคยเจอการต้อนรับแบบนี้มาก่อน “ธุระฉันไม่ได้มีแค่เอาดอกไม้มาให้เธอ แต่ฉันตั้งใจมารับเธอไปดินเนอร์”
“นี่ไม่ใช่เวลางาน อีกอย่างถ้าจะดินเนอร์ กรุณานัดล่วงหน้าด้วยค่ะเจ้านาย” หญิงสาวบอกเสียงขุ่น ชักเริ่มไม่ปลื้มกับดอกไม้ช่อโตที่อีกฝ่ายตั้งใจหอบมาให้ซะแล้ว
“ฉันฝากให้เจ้าก้องบอกเธอไปแล้วไง”
เฌอรินทร์ไหวไหล่ “มีใครนัดหญิงแบบคุณบ้างเนี่ย แทนที่จะนัดเอง กลับใช้เพื่อน และอีกอย่างฉันยังไม่ได้ตอบรับเลย”
“เอาเถอะน่า จะใครนัดก็เหมือนกัน ไปแต่งตัวสวย ๆ เถอะ ฉันจะได้พาเธอไปบ้าน”
เฌอรินทร์ทำหน้ายุ่งเมื่อรู้วัตถุประสงค์ของอีกฝ่าย แต่เธอก็ส่ายหน้า “ฉันไม่ไป”
“อย่าดื้อสิ รับงานไว้แล้ว ก็รีบ ๆ ทำซะให้เสร็จ จะได้จบ ๆ”
“ฉันก็อยากให้มันจบเร็ว ๆ นะ แต่ฉันไม่อยากมีปัญหากับแม่ของคุณ ไม่เห็นเหรอว่าท่านไม่ชอบขี้หน้าฉัน คุณก็ยังหาเรื่อง ไปยั่วให้ท่านโมโหอีก”
“เธอไม่ได้มาเป็นเมียฉันจริง ๆ จะไปสนใจทำไม หน้าที่เธอคือทำให้ฉันไม่ต้องถูกจับหมั้นเท่านั้น ไปเร็ว แต่งตัวซะ ฉันให้เวลายี่สิบนาที” กล้าตะวันสั่งพลางดึงแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นเพื่อดูนาฬิกา
“เวลาแค่นั้น เขียนคิ้วก็หมดแล้วคุณ”
ชายหนุ่มเท้าสะเอวพลางส่ายหน้า “เธอหน้าใสอยู่แล้ว ไม่ต้องโบกเครื่องสำอางหนา ๆ หรอก”
หญิงสาวย่นจมูก “จะคิดว่าเป็นคำชมเพื่อหวังผลก็แล้วกัน”
“เร็วสิ ไปแต่งตัวซะ กินข้าวเสร็จจะได้รีบ ๆ กลับจะได้ไม่ดึก” กล้าตะวันเร่งอีก
“ขอค่าล่วงเวลาเพิ่มด้วยล่ะ”
“ได้”
“น่ารักที่สุดคุณเจ้านาย” เฌอรินทร์อมยิ้มแล้วกลับเข้าบ้านเพื่อแต่งตัวทันที
กล้าตะวันที่มองตามหญิงสาวไปได้แต่อมยิ้ม เขาชอบรอยยิ้มเมื่อครู่ มันทำให้หัวใจของเขาเขย่าเต้นได้ดี ชายหนุ่มส่ายหน้าทันทีเมื่อคำเตือนของสุกฤตดังขึ้นในหัว
‘ฉันอยากเตือนนายสักเรื่อง ระวังหัวใจตัวเองให้มาก ๆ อย่าเผลอไปตกหลุมรักทับทิมเข้าล่ะ’
‘นายคิดว่าฉันเป็นพวกอ่อนไหวง่าย รักใครง่ายแบบนั้นเลยเหรอ?’
‘เปล่า แต่ฉันสนใจทับทิมว่ะ’
กล้าตะวันไหวไหล่ แล้วกลับไปที่รถเพื่อหยิบเอาเอกสารสัญญาฉบับสมบูรณ์ แล้วเขาก็ถือวิสาสะเดินเข้าไปนั่งรอเฌอรินทร์ในบ้าน...
บ้านหลังเล็กกะทัดรัดสีชานม ตกแต่งสไตล์วินเทจ ดูอบอุ่นดึงดูดความสนใจจากกล้าตะวันได้เป็นอย่างดี เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านเป็นโทนสีพาสเทล
จะมีก็แต่ผ้าม่านลูกไม้เท่านั้น ที่เป็นสีบานเย็นสดใส แล้วกล้าตะวันก็หยุดสายตาที่ชั้นวางของที่มีกรอบรูปตั้งอยู่ ส่วนมากเป็นภาพของเฌอรินทร์...
พอรูปถ่ายสะดุดตาเข้า เจ้าของร่างสูงเดินเข้าไปหาแล้วหยิบภาพที่เฌอรินทร์กอดคอกับชายหนุ่มลูกครึ่ง เอาแก้มแนบกันอย่างสนิทสนมขึ้นมาดู
ซึ่งภาพส่วนใหญ่ที่อยู่ในกรอบขนาดเล็ก กลางใหญ่ ก็มีแต่รูปเพื่อนผู้ชาย จะมีภาพสุกฤตหลงมาเพียงไม่กี่ภาพเท่านั้น
ดูจากรูปถ่ายแล้ว เขาเดาว่าเฌอรินทร์ต้องสนิทสนมกับสุกฤตมานาน เพราะมีรูปถ่ายของคนทั้งคู่ในชุดนักเรียนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม
ดูๆ แล้วเฌอรินทร์น่าจะเฮี้ยวไม่น้อย ถึงได้มีเพื่อนชายเป็นโขยง... และเขาก็ไม่แปลกใจเลยทำไมเฌอรินทร์ถึงมือหนักแบบนั้น
พอหมดความสนใจกล้าตะวันก็เดินไปนั่งที่โซฟาสีนมเย็นแล้วหยิบนิตยสารท่องเที่ยวมาเปิดดูไปพลาง ๆ ระหว่างรอหญิงสาว ผ่านไปพักใหญ่คนที่เขาตั้งใจมารับไปกินข้าวก็เดินลงมา
กล้าตะวันมองหญิงสาวชนิดไม่ละสายตา ประหนึ่งถูกสะกดทันทีที่เห็นหน้าเธอ...
ผู้หญิงที่เปรี้ยวเข็ดฟันที่เขาเคยเห็น ในตอนนี้สวมชุดเดรสสีชมพูหวาน เป็นกระโปรงทรงเอ ผ้าลูกไม้ยาวเสมอเข่า เธอคาดเข็ม
