บทที่ 2 รับงาน (6)
ขัดเส้นเล็ก เกล้าผมมวยไว้ท้ายทอยแล้วปล่อยลูกผมที่ข้างหู และแต่งหน้าอ่อน ๆ ช่วยให้วงหน้าสวยนั้นดูมีเลือดฝาด และ... น่าจูบ
กล้าตะวันหยุดสายตาไว้ที่ริมฝีปากอวบอิ่มเป็นประกายของหญิงสาว
ลิปสติกสีชมพูหวานวาววับเหมือนหยดน้ำดึงดูดสายตาเขาได้ดี เห็นแล้วน่าบดขยี้จุมพิตชะมัด!
“นี่ ใครอนุญาตให้คุณเข้ามาในบ้านฉันเนี่ย?”
เจ้าของบ้านทำหน้ายุ่ง แล้วนั่งลงเปิดลิ้นชักที่ใต้บันใด หยิบเอารองเท้าส้นสูงสีขาวมาสวม
นี่เองที่กล้าตะวันได้เห็นแผ่นหลังนวลเนียนของหญิงสาว แล้วมันก็ทำให้เขาชะงักไปอีก ก็ชุดที่เฌอรินทร์ใส่ มันเรียบร้อยแค่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังเปิดโล่ง ผ่ามาถึงเอว โชว์แผ่นหลังนวลเนียน
เซ็กซี่ชะมัด!!
“ฉันถามไม่ได้ยินเหรอ?” เฌอรินทร์ปรายตามายังชายหนุ่มที่เอาแต่จ้องมองเธอชนิดตาไม่กะพริบอีกครั้ง
กล้าตะวันไหวไหล่ “ฉันอนุญาตตัวเอง จะให้แฟนนั่งตากยุงรอหน้าบ้าน ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ?”
“ก็คุณไม่ใช่แฟนฉันนี่ อีกอย่าง... คุณดูไม่น่าไว้ใจ นั่งรอหน้าบ้านนั่นแหละดีแล้ว” หญิงสาวโต้กลับมาด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ขณะรัดสายรองเท้ากับข้อเท้า พอเสร็จเจ้าตัวก็เดินมาใกล้ ๆ
“อย่าอินไปหน่อย อย่าลืมว่าเราเป็นแค่ลูกจ้างกับนายจ้าง และเราก็เพิ่งรู้จักกัน”
“ก็จริงของเธอ แต่อยากให้เธอรู้ไว้นะ ว่าฉันจริงจังกับทุกสิ่งที่ทำ”
เฌอรินทร์ไหวไหล่ ทำเป็นไม่สนใจสายตาหวานเชื่อมเป็นประกายที่จ้องมองมา
“นี่สัญญา อ่านแล้วเซ็นด้วยล่ะ” กล้าตะวันยื่นเอกสารสัญญาให้หญิงสาว
“คุณทำเวลาไม่ใช่เหรอ สัญญาเอาไว้ก่อนได้มั้ย?”
ชายหนุ่มพยักหน้า “งั้นก็ไปกันได้”
เฌอรินทร์หันไปหยิบกุญแจที่แขวนไว้ แล้วเดินนำไปที่ประตู พอเจ้าของร่างสูงออกมาข้างนอกบ้านแล้วเธอก็จัดการคล้องกุญแจ
“แล้วคุณรู้จักบ้านฉันได้ไง?” หญิงสาวถามขณะเก็บลูกกุญแจใส่กระเป๋า
“สืบเอาสิ บ้านแฟนตัวเอง ไม่รู้จักได้ไง”
“มีเซ้นหยั่งรู้เหรอ?” เฌอรินทร์นิ่วหน้าที่ชายหนุ่มตอบไม่ตรงคำถาม
“เปล่าถาม GPS เอา”
“GPS ชื่อสุกฤตหรือเปล่า?” หญิงสาวถามยิ้ม ๆ
“เบื่อคนรู้ทันจัง” ชายหนุ่มแกล้งทำหน้าเซ็ง
เฌอรินทร์ค้อนคมใส่ด้วยความหมั่นไส้นิดหนึ่งแล้วเดินไปที่รถ กล้าตะวันเลยรีบเดินตามไปแล้วเปิดประตูให้หญิงสาวเข้าไปนั่ง ปิดประตูรถแล้วเขาก็อ้อมมาฝั่งคนขับ พอสตาร์ทรถ ชายหนุ่มก็หยิบเอากล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินที่เตรียมไว้ออกมา
“ส่งมือมาสิ”
“ส่งทำไม?” หญิงสาวนิ่วหน้าทั้งที่เห็นกล่องใส่แหวน
“ฉันจะสวมแหวนให้”
เฌอรินทร์นิ่งไม่ตอบ แต่มองแหวนทองคำขาวประดับเพชรเม็ดงามแล้วไหวไหล่
“ขี้เหนียวจัง เพชรเม็ดนิดเดียวเอง”
“แล้วจะเอามั้ย?” กล้าตะวันถามเสียงขุ่น เพราะเขาคิดว่าเฌอรินทร์จะยินดีกับสิ่งที่เขาตั้งใจเอามาให้ ที่ไหนได้ มีหน้ามาติว่าเพชรเม็ดเล็กไปอีก
“เอา มานี่ฉันใส่เอง” ว่าแล้วหญิงสาวก็หยิบกล่องกำมะหยี่จากมือชายหนุ่ม แต่กลายเป็นว่าเธอถูกกล้าตะวันคว้ามือไว้
“เอ๊ะ บอกว่าฉันใส่เองไง”
“ฉันใส่ประเดิมให้ เธอค่อยไปถอดเองละกัน”
ว่าแล้วชายหนุ่มก็หยิบแหวนมาสวมที่นิ้วนางข้างซ้าย แล้วรูดลงมาจนสุดโคนนิ้ว ซึ่งแหวนที่เขาเลือกมานั้นพอดีกับนิ้วของหญิงสาวราวกับพาเจ้าตัวไปลอง
เฌอรินทร์ชักมือกลับทันที แต่ไม่วายมองสิ่งที่สวมอยู่บนนิ้ว
“ชอบมั้ย?”
“ก็ดี ว่าแต่... ของจริงหรือเปล่า?”
“อยากรู้ก็ลองไปเข้าโรงรับจำนำดูสิ” กล้าตะวันแกล้งประชด
“เป็นคำแนะนำที่ดีมากนะ” หญิงสาวบอกยิ้ม ๆ แล้วคว้าเข็มขัดนิรภัยมาคาด
“เธอนี่ จริง ๆ เล้ย” กล้าตะวันพึมพำพลางส่ายหน้า แล้วพารถออกสู่ท้องถนนทันที
##### บทที่ 3
เซ็นสัญญา
พอกลับถึงบ้านเฌอรินทร์ก็โยนกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะกระจก แล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาพร้อมเสียงถอนหายใจออกมายาว ๆ เหนื่อย!... เหนื่อยที่สุด!! เป็นงานที่เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจเลยทีเดียว
หญิงสาวเอนหลังพิงพนักโซฟาในท่าสบายแล้วปิดเปลือกตาลง เพื่อเสพความเงียบสงบ และผ่อนคลายตัวเอง
ตั้งแต่ทำงานบริษัททัวร์รับงานเป็นเพื่อนเที่ยวมาหลายปี เธอไม่เคยเจองานไหนที่ ‘ปวดประสาท’ เท่านี้มาก่อน
ก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วแหละว่างานที่รับจากกล้าตะวันเป็นงานยากที่ท้าทาย และต้องมีปัญหากวนใจตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน
