บทที่ 2 รับงาน (4)
ไม่รู้ว่าเธอคิดถูกหรือเปล่าที่ตกปากรับคำยอมทำงานที่สุกฤตหามาให้ เพราะเธอไม่เคยเจองานแนวนี้มาก่อน ถึงอาชีพที่เธอทำจะค่อนข้างล่อแหลม และสุ่มเสี่ยงต่อการเข้าใจผิด
แต่จากประสบการณ์การทำงาน เธอไม่เคยมีปัญหากับลูกค้ารายไหนเลย ทุกคนที่จ้างเธอเป็นเพื่อนเที่ยว ไม่เคยสร้างความอึดอัดใจเท่ากับกล้าตะวัน
อาจเป็นเพราะเธอไม่เคยรับจ้างเป็นแฟนใครมาก่อนด้วย พอมารับงานก็เลยตั้งหลักรับไม่ทัน
แต่ผับผ่าเถอะ!! ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนกล้าทำกับเธอแบบนั้นเลย
หญิงสาวเม้มปากอย่างเผลอตัว เธอมีความคิดที่จะถอนตัวเหมือนกัน เพราะไม่ชอบใจในสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่ชอบใจในการกระทำเกินขอบเขตชนิดถึงเนื้อถึงตัวของกล้าตะวันด้วย
แต่ความตั้งใจที่จะถอนตัวก็เปลี่ยนไปทันทีเมื่อเธอได้เห็นหน้า ‘ว่าที่คู่หมั้น’ ของกล้าตะวัน...
โลกมันแคบเกิน และความบังเอิญก็มีอยู่จริง!!
เธอคงจะรีบถอนตัวทันที ถ้าไม่เจอกับผู้หญิงคนนั้นเข้า
กชกร... ไม่สิ เธอคือ รุ้งพราว ผู้หญิงใจร้ายที่ทำให้พี่ชายที่เข้มแข็งของเธอหัวใจสลาย...
แม้จะไม่ได้คลุกคลีกับผู้หญิงคนนั้นเลย เพราะสนฉัตร พี่ชายของเธอไม่เคยแนะนำเธอให้รู้จักกับกชกรอย่างเป็นทางการ แต่เธอก็พอจะรู้ว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่ชายของเธอบ้าง
แน่ล่ะสิ่งที่เกิดขึ้น มันทำให้ผู้ชายที่เข้มแข็งคนหนึ่ง กลายเป็นคนอ่อนแอไปเลย
พอนึกถึงสนฉัตร เฌอรินทร์ก็มองนาฬิกาบนผนังห้องก่อนเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาพี่ชาย
“ว่าไง?” สนฉัตรถามด้วยน้ำเสียงอู้อี้คล้ายคนเพิ่งตื่นนอน
“ตื่นยังพี่ฉัตร?”
“ตื่นตอนที่เราโทรมานั่นแหละ มีอะไรหรือเปล่า?”
“คิดถึง ก็เลยโทรหา” เฌอรินทร์ตอบแบบอ้อน ๆ
“อืม ว่าไง?”
“ถามอย่างอื่นไม่เป็นหรือไง”
“ก็ไม่รู้จะคุยอะไร” คนพูดน้อยตอบแบบกำปั้นทุบดิน “มีอะไรก็คุยสิ”
“ว่าจะถามเมื่อไหร่พี่ฉัตรจะกลับไทย”
ปลายทางเงียบไป แล้วเฌอรินทร์ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจ
“พี่ยังไม่พร้อม...”
“แล้วเมื่อไหร่ถึงจะพร้อม?” หญิงสาวเซ้าซี้ถาม เพราะนี่ก็เกือบปีแล้วที่สนฉัตรหนีไปใช้ชีวิตในต่างประเทศเพื่อเลียแผลหัวใจให้ตัวเอง
“ไม่รู้ ไม่มีเรื่องอื่นคุยแล้วหรือไง?”
“ก็ทับทิมอยากให้พี่กลับไทยนี่”
สนฉัตรเงียบไปอีก
“นี่ โทรทางไกลไม่ได้มาฟังเสียงลมหายใจของพี่นะ”
“ก็อย่ามาสะกิดแผลสิ” คนเป็นพี่ทำเสียงไม่พอใจ
“ทับทิมไม่ได้อยากสะกิดแผลพี่นะ แค่จะโทรมาถามว่ารู้แล้วหรือยังว่าคนที่ต้มตุ๋นอุ่นนึ่งพี่กำลังจะหมั้น”
ปลายทางไม่ตอบเช่นเคย ซ้ำยังวางหูไปดื้อ ๆ
“อ้าว...” เฌอรินทร์กัดริมฝีปาก ลดมือที่จับโทรศัพท์แนบหูลงช้า ๆ ดูจากปฏิกิริยาพี่ชายแล้ว เขาคงไม่พร้อมจริง ๆ
เฮ้อ... เธอไม่น่าไปสะกิดแผลสดเลย
เธอแค่อยากส่งข่าวให้สนฉัตรรู้เท่านั้น อย่างน้อย ๆ เธอก็หวังว่าข่าวที่แฟนเก่ากำลังจะหมั้นน่าจะทำให้สนฉัตรกระตือรือร้น คิดทำอะไรขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่เอาแต่หลบหน้าหลบตา ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง
พอพี่ชายไม่คุยด้วยเฌอรินทร์เลยส่งข้อความไปทางไลน์แทน ระหว่างนั้นสุกฤตก็ข้อความมาหาเธอด้วย
‘แฟนกำลังไปหา’
เฌอรินทร์นิ่วหน้ากับข้อความของสุกฤต แล้วพิมพ์โต้กลับไป
‘ฉันยังไม่มีแฟน’
‘อ้าว เอาเจ้าไทม์ไปทิ้งไว้ที่ไหนแล้วล่ะ’
‘ชักโครกมั้ง’
สุกฤตส่งสติกเกอร์หัวเราะกลับมา ‘แต่งตัวสวย ๆ ล่ะ เจ้าไทม์กำลังรับเธอไปดินเนอร์’
หญิงสาวย่นจมูกใส่หน้าจอไอแพด พร้อมสติกเกอร์แลบลิ้น
‘บอกเจ้านายฉันไปว่า หมดเวลางานแล้ว’
‘งานพาร์ทไทม์เซอร์วิซ 24 ชั่วโมงไม่ใช่เหรอ’
‘ไม่ได้ตกลงกันไว้แบบนั้น’
สุกฤตส่งสติกเกอร์หัวเราะมาให้ ‘ยังไงก็เตรียมรับมือเจ้าไทม์ก็แล้วกัน’
“ใครอยากต้อนรับแขกป่านนี้เล่า” หญิงสาวพึมพำ แล้วรีบลุกขึ้นไปจัดการกับใบหน้าตัวเอง
ถึงเธอจะไม่พร้อมรับแขกผู้มาเยือน แต่เธอก็ไม่ปล่อยปะละเลยเรื่องความสวยงาม พอล้างหน้าแล้ว เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นพอดี
เฌอรินทร์หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าแล้วแง้มผ้าม่านออกดู ก็เห็นว่าเป็นกล้าตะวันมายืนอยู่หน้าบ้านพร้อมดอกกุหลาบช่อใหญ่
หญิงสาวย่นจมูก ไม่รีบไม่ร้อนกับการไปเปิดประตู คนใจร้อนที่หอบกุหลาบมาให้เลยกดกริ่งซ้ำอีกหลายครั้ง จนเธอต้องยอมเปิดประตูไปเจอหน้าเขา
“จะกดให้กริ่งพังเลยหรือไงคุณ?”
“ถ้าพังฉันชดใช้ให้ได้น่า”
“ไม่พัง จะดีกว่านะ” หญิงสาวแย้ง
“ก็คนมันใจร้อน กว่าเธอจะมาเปิดฉันกลัวว่ากุหลาบจะเหี่ยวซะก่อน” ว่าแล้วกล้าตะวันก็ส่งช่อกุหลาบให้หญิงสาว แต่เฌอรินทร์ก็ไม่รับมา นอกจากมองหน้าคนให้
“รับไปสิ ฉันตั้งใจซื้อมาให้”
