บทที่ 1 งานพาร์ทไทม์ (5)
มันดูไม่ผูกมัดทั้งผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างมากเกินไป เพราะในสัญญาระบุไว้ชัดเจนว่า เมื่อบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว หน้าที่ของเธอก็จะหมดวาระลง
นอกจากนี้สัญญาที่เขาร่างขึ้นมาให้เธอเซ็นนั้น มันครอบคลุมเรื่องความเป็นส่วนตัวด้วย เขายังระบุชัดเจนว่า ระหว่างที่เธอรับงานเขาอยู่ ห้ามเธอรับงานที่ไหนเด็ดขาด ซึ่งข้อนี้เธอไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นัก
“ไม่โอเคข้อไหนบอกได้นะ”
“ทำไมฉันถึงรับงานอื่น ระหว่างที่รับงานคุณไม่ได้?”
หญิงสาวละสายตาจากเอกสาร มองหน้าชายหนุ่มซึ่งอยู่ในชุดสูทผู้บริหาร ดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“ฉันไม่ชอบให้ผู้หญิงของฉันมีประวัติฉาว ทั้งที่คบฉันอยู่”
เฌอรินทร์เม้มปาก ไม่ค่อยชอบคำพูดของเขาเท่าไหร่นัก
“มีเหตุผลอื่นอีกมั้ย เอาที่ให้เกียรติผู้หญิงที่จะร่วมงานกับคุณมากกว่านี้หน่อย”
กล้าตะวันนิ่งไป เมื่อถูกตอกกลับมาตรง ๆ
“งานของเธอคืองานพาร์ทไทม์ ไม่เป็นเวลา บางทีฉันอาจต้องเรียกตัวเธอตอนกลางคืนด้วย”
เฌอรินทร์เม้มปากทำหน้าครุ่นคิด กล้าตะวันเลยอธิบายเพิ่ม
“ฉันหมายถึงว่า บางวันฉันต้องพาเธอไปดินเนอร์ที่บ้านเพื่อพบกับครอบครัวของฉัน ทำให้ที่บ้านเชื่อมากขึ้นว่าเธอเป็นแฟนฉันจริง ๆ ตกลงมั้ย”
“โอเค”
“อ่านแล้วอยากใส่อะไรเพิ่มเติมไปในสัญญามั้ย?” ชายหนุ่มถามพลางเอามือล้วงกระเป๋าในอิริยาบถสบาย ๆ
“ฉันอยากให้คุณระบุไปในสัญญาด้วยว่า ของกำนันที่คุณให้ฉันระหว่างทำงาน คุณจะไม่เอาคืนหลังจากเสร็จภารกิจแล้ว”
กล้าตะวันเลิกคิ้ว มองหญิงสาวอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้งกขนาดนั้น”
“คุณยังไม่รู้เลยว่าฉันจะขอให้คุณซื้ออะไรให้ฉันบ้าง”
“ตัดเรื่องบ้านกับรถทิ้งไปเลย มันมากเกินไป และฉันก็ไม่มีวันซื้อให้”
หญิงสาวหัวเราะที่ถูกเขาดักคอ
“ฉันไม่ได้อยากได้ของพวกนั้น แต่ฉันหมายถึงของกำนันเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น พวกเครื่องประดับต่างหาก เสื้อผ้าสำหรับใส่ไปดินเนอร์กับคุณต่างหาก”
“แค่นั้นไม่มีปัญหา ขอแค่เธอทำงานสำเร็จ ฉันยินดีทุ่ม”
เฌอรินทร์ยิ้มชอบใจ เธอชอบอยู่แล้วพวกเจ้านายใจปล้ำ
“มีอีกเรื่องที่ฉันอยากให้คุณระบุลงไปในสัญญา”
“ว่ามาสิ”
“คุณจะไม่ล่วงเกินฉัน ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม หากคุณทำ ฉันสามารถยกเลิกสัญญาได้ทันที และคุณต้องจ่ายค่าจ้างทั้งหมดตามที่ตกลงไว้ในสัญญาให้ฉันด้วย”
กล้าตะวันหรี่ตาลง แต่ยังมองหญิงสาวไม่ละสายตา เขาคิดผิดหรือเปล่าที่ตัดสินใจจ้างผู้หญิงตรงหน้าเป็นแฟน
แต่เอาเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้วจะให้ถอยก็ปอดแหกเกินไป กับอีแค่รับมือกับผู้หญิงคนเดียว มันไม่เกินความสามารถของเขาหรอก
“ถ้าเป็นกรณีที่เธออ่อยฉันล่ะ?”
คนถูกสบประมาทหน้าชา เธอเม้มปาก มองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ เขาเห็นเธอเป็นผู้หญิงประเภทไหนกัน ถึงได้คิดว่าเธอจะไปอ่อยเขา
“ฉันไม่เคยลวนลามผู้ว่าจ้าง ที่สำคัญ ฉันเซฟตัวเองดี” เฌอรินทร์บอกเสียงขึ้นจมูก เชิดหน้าขึ้นน้อย ๆ
“งั้นเรื่องนี้ก็ไม่มีปัญหา แต่เราเล่นเป็นแฟนกัน ต่อหน้าคนอื่นคงต้องจับไม้จับมือบ้าง”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องฉวยโอกาส และไม่เปลืองตัวมากเกินไป ฉันตกลง แต่ถ้ามากไปกว่านั้น ฉันไม่โอเค”
กล้าตะวันยิ้มมุมปาก เขาชักชอบใจเฌอรินทร์แล้วสิ นอกจากจะถือดี มั่นใจในตัวเอง เธอยังไว้ตัว และวางตัวได้ดีอีก
“ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแล้ว ฉันสั่งให้เลขาแก้สัญญาเลยนะ ขอบัตรประชาชนเธอด้วยสิ” กล้าตะวันเดินมาหาหญิงสาว
“ให้เลขาพิมพ์ไม่กลัวความลับรั่วหรือไง?”
“คนของฉันเก็บความลับเก่งอยู่” กล้าตะวันบอกอย่างมั่นใจ
เฌอรินทร์ไหวไหล่หยิบเอาสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการมาส่งให้ พอสแกนบัตรเสร็จ เขาก็คืนบัตรให้เธอ
“คุณอยากให้ฉันรู้จักคุณมุมไหนบ้าง?” หญิงสาวถามขึ้นอย่างเป็นการเป็นงานเมื่อตกลงกันได้แล้ว
“ผู้ชายเพอร์เฟค ที่เธอภาคภูมิใจ และเธอก็รักฉันหมดหัวใจ” ชายหนุ่มยิ้มฟันขาว อย่างจงใจโปรยเสน่ห์
“ฉันจะกัดฟันชมคุณต่อหน้าทุกคนบ่อย ๆ ก็แล้วกัน”
“เธอนี่เหลือเกินจริง ๆ” ชายหนุ่มส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม
เขาเจอผู้หญิงมาก็มาก แต่ก็ยังไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่ฉลาดต่อปากต่อคำกับเขาได้เท่าเฌอรินทร์
แน่ล่ะเขาเคยมองว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อ และเขาก็ไม่ชอบโต้เถียงกับผู้หญิง แต่กับเฌอรินทร์ เธอทำให้เขาสนุกที่จะคุยด้วย และสนุกที่จะควบคุมเธอ
“บอกแล้วไงอย่าเพิ่งตัดสินฉัน วันนี้แค่นี้ใช่มั้ย ฉันจะได้กลับ”
“เดี๋ยวสิ เธอพร้อมเริ่มงานเมื่อไหร่?”
ชายหนุ่มถามขึ้นอีกเมื่อเห็นหญิงสาวลุกขึ้นพร้อมสะพายกระเป๋า
“ฉันพร้อมทุกเวลา”
“ดี งั้นเริ่มงานพรุ่งนี้เลย”
“เก้าโมงตรง ฉันแวะมาหาคุณที่นี่ก็แล้วกัน”
“แล้วเจอกัน” กล้าตะวันบอกยิ้ม ๆ ทว่าเฌอรินทร์ยังไม่ทันจะออกจากห้องด้วยซ้ำ สุกฤตก็พรวดพราดเข้ามาในห้องหน้าตาตื่น
“เยี่ยวไม่สุดเหรอวะ? หรือไฟไหม้ส้วม” เจ้าของห้องแหย่เพื่อนเล่น
“เปล่า แต่แม่แกมาว่ะ มาพร้อมกับคุณชมพู่ด้วย!!”
“งานเข้าแล้วไง” กล้าตะวันถอนหายใจ พลางปรายตาไปมองเฌอรินทร์ซึ่งเป็นตัวช่วยของเขา...
