บทที่ 1 งานพาร์ทไทม์ (4)
“คุณอยากรู้แค่ไหนล่ะ? กำหนดขอบเขตได้มั้ย”
“ก็เรื่องทั่ว ๆ ไป”
เฌอรินทร์หายใจเข้าเต็มปอดแล้วผ่อนออกมาเบา ๆ พลางเชิดหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ
“ชื่อจริง นางสาวเฌอรินทร์ จันทร์สุข อาชีพเพื่อนเที่ยว อายุเท่าพวกคุณ จบปริญญาตรีสาขา...”
“พอก่อน” กล้าตะวันรีบยกมือห้าม “ไม่ต้องท่องเรซูเม่ให้ฉันฟัง”
หญิงสาวเริ่มอารมณ์ขุ่นที่อีกฝ่ายดูรวน ๆ ใส่เธอ
“ก็มันเป็นเรื่องที่คนเป็นแฟนกันต้องรู้ไม่ใช่เหรอ?”
“มันก็ใช่ แต่ไม่ใช่แบบนี้ ฉันไม่ชอบพวกวิชาการ”
พอกล้าตะวันบอกแบบนั้นและยังจ้องมองเธออย่างท้าทาย เฌอรินทร์เลยย้ายสายตาไปที่สุกฤตที่ยืดกอดอกฟังเธอคุยเงียบ ๆ
“ฉันว่า ฉันถอนตัวดีกว่า ยังไม่ทันเริ่มงานเพื่อนของนายก็คุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว”
“เธอไม่ใช่มือโปรมากกว่ามั้ง”
เฌอรินทร์หันไปค้อนคมใส่ ว่าที่เจ้านายทันที “ยังไม่รู้จักฉันเลย อย่าเพิ่งตัดสินกันง่าย ๆ สิคุณกล้าตะวัน”
กล้าตะวันไหวไหล่ “ฉันมองคนไม่ผิดหรอก ก็ถ้าเป็นมือโปรฯ จริง คงไม่ถอนตัวง่าย ๆ หรอก จริงมั้ย?”
ชายหนุ่มอมยิ้มคล้ายล้อเลียน มองหญิงสาวอย่างประเมิน แล้วย้ายสายตาไปยังสุกฤตเหมือนขอความเห็น
“จริงมั้ย ไอ้ก้อง?”
สุกฤตเบ้ปาก “ไม่ออกความคิดเห็น แต่ฉันว่าทั้งสองใจเย็น ๆ แล้วค่อยคุยกันดีกว่านะ”
กล้าตะวันมองหญิงสาวที่สวย เซ็กซี่ไม่มีที่ติตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างพิจารณาอีกครั้ง
ยอมรับว่าเฌอรินทร์สวยสะดุดตาเขาตั้งแต่แวบแรกที่เห็นกัน ทุกอย่างโอเคหมด แต่ที่เขาไม่ชอบใจ คือความมั่นใจของเธอนี่ล่ะ เห็นแล้วขัดหูขัดตาชะมัด
“เธอพร้อมรับงานมั้ย? ถ้าใจไม่ถึงจะถอนตัวตอนนี้ก็ไม่ว่านะ”
หญิงสาวจ้องหน้าคนตัวโตที่กำลังสบประหม่าท้าทายเธออย่างประเมิน
ตอนแรกเธอวาดภาพกล้าตะวันไว้ว่า เขาต้องเป็นพวกเพลย์บอย เทคแคร์ผู้หญิงเก่ง แต่เมื่อได้เจอหน้ากันแล้ว ซ้ำยังมีการปะทะคารมด้วย เธอต้องประเมินเขาใหม่
ตัดทิ้งเรื่องที่เธอเคยกังวลไปได้เลย ดูจากบุคลิกแล้ว กล้าตะวันเป็นพวกที่รักการเป็นผู้นำมากกว่าการรับคำสั่งจากผู้อื่น และที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ยอมก้มหัวให้ผู้หญิงง่าย ๆ
“ฉันต้องถามคุณมากกว่า ว่าคุณใจถึงกล้าให้ฉันเป็นแฟนกำมะลอของคุณหรือเปล่า”
กล้าตะวันเงียบไปอึดใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะกล้าย้อนถามเขาหน้าตาเฉยแบบนี้ ดูว่าผู้หญิงที่สุกฤตคัดเลือกมาให้เขาจะไม่ได้มีดีที่ความสวยอย่างเดียวซะแล้วสิ แต่เธอยังมีกึ๋นและปากเก่งอีกด้วย
“ถ้าให้ควงเล่น ๆ ได้อยู่”
เฌอรินทร์หายใจขัด เธอไม่ชอบใจความอวดดีของอีกฝ่ายเลยพับผ่าสิ แต่เธอก็ไหวไหล่
“โอเค เสร็จงานเมื่อไหร่ฉันจะได้สลัดคุณทิ้งทันที”
หญิงสาวตอบรับด้วยหน้าระบายยิ้ม แต่รอยยิ้มนี้ก็ส่งไปไม่ถึงดวงตาคู่สวย แล้วเธอก็เห็นคู่สนทนาหรี่ตาลง ซ้ำยังบดฟันกรามเข้าหากันจนเป็นสันนูนที่ข้างแก้ม
สุกฤตที่ฟังเพื่อนสองคนปะทะคารมอมยิ้มแทบตลอด เขาคิดถูกจริง ๆ ที่เลือกเฌอรินทร์มาเป็นคู่ฟัด เอ๊ย เป็นคู่ควงกำมะลอของกล้าตะวัน
ดูเหมือนเขาจะเอาขมิ้นกับปูนมาเจอกันซะแล้วสิ เพราะตัวกล้าตะวันเองก็ใช่ย่อย ส่วนเฌอรินทร์เองก็มีดีพอตัว งานนี้รับรองสนุกแน่
“หัวเราะอะไรไอ้ก้อง?” กล้าตะวันถามเสียงเขียว ปนความหมั่นไส้
สุกฤตไหวไหล่ “ไม่มีอะไร แค่นายกับทับทิมตกลงกันได้ฉันก็ดีใจด้วย”
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” กล้าตะวันหรี่ตามองเพื่อนสนิท
“เอาไว้ก่อนละกัน ตอนนี้นายคุยรายละเอียดกับทับทิมไปก่อน เดี๋ยวฉันมา” สุกฤตผละไปทันที แต่เฌอรินทร์ก็จิกแขนเสื้อลากตัวไว้ก่อน
“จะไปไหน?” หญิงสาวถามเสียงขุ่น เพราะเธอไม่อยากอยู่ตามลำพังกับผู้ว่าจ้างจอมกวนที่คุยกันแทบไม่รู้เรื่อง
“ไปห้องน้ำ จะไปด้วยมั้ย?” สุกฤตถามยิ้ม ๆ ปนทะเล้น
เฌอรินทร์ปล่อยมือทันที “ไม่ไป ฝากด้วยละกัน”
สุกฤตหัวเราะกับอารมณ์ขันของหญิงสาว “คุยกันไปก่อนละกัน เดี๋ยวกลับมา”
พอคนกลางอย่างสุกฤตออกไปจากห้องแล้ว ความอึดอัดก็แทรกตัวเข้ามา ซึ่งเฌอรินทร์ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้แม้แต่น้อย
“นั่งก่อนสิ ฉันมีเอกสารสัญญาที่ต้องให้เธอเซ็น”
ว่าแล้วเจ้าของร่างสูงใหญ่ สง่างามก็เดินไปที่โต๊ะ หยิบเอาเอกสารสัญญาทั้งสองฉบับมาส่งให้ถึงมือหญิงสาว
“งานแค่นี้ต้องทำสัญญาเลยเหรอ?” เฌอรินทร์นิ่วหน้าแต่ก็รับเอกสารมาถือไว้
“ต้องทำ เพื่อดูเป็นงานมากขึ้น อ่านรายละเอียดดูสิ”
เฌอรินทร์รับมาเปิดดูคร่าว ๆ ก่อนไล่อ่านข้อตกลงที่ผู้ว่าจ้างเขียนขึ้นมาอย่างช้า ๆ พร้อมทำความเข้าใจ รายละเอียดมีมากพอดู แต่ก็เป็นเรื่องของงานที่เธอต้องทำ
