บทที่ 1 งานพาร์ทไทม์ (3)
“รวยแบบนี้ สงสัยต้องโก่งค่าตัวเยอะ ๆ แล้วละมั้ง”
“เอาเลยสิ” ชายหนุ่มยุส่งพลางหัวเราะ แล้วหันมามองหญิงสาวที่ขึ้นบันไดเลื่อนตามมาติด ๆ
“เคยมาเดินเล่นที่นี่บ้างมั้ย?”
“เคย พาแม่มาช็อปน่ะ” หญิงสาวตอบแล้วกวาดสายตาไปรอบบริเวณ
“แล้วว่าที่เจ้านายฉันอยู่ไหนล่ะ?”
“อยู่ชั้นบนสุด ด้านบนเป็นพื้นที่ออฟฟิศของพวกผู้บริหาร”
“เลือกทำเลได้ดี”
“ด้านบนเห็นวิว 360 องศาด้วยนะ อ้อ สวนน้ำก็มี อยู่ชั้นดาดฟ้า สระว่ายน้ำก็มี บอกไว้เผื่อสนใจอยากเล่นน้ำ”
เฌอรินทร์ไหวไหล่ ก้าวตามชายหนุ่มไปเข้าลิฟต์ สุกฤตกดหมายเลขแล้วขยับตัวมาใกล้หญิงสาวกว่าเดิมเพื่อหลีกทางให้ลูกค้าของทางห้างฯ
“แล้วเพื่อนของก้องเจ้าชู้มั้ย?” เฌอรินทร์ถามเสียงเบาลงพอได้ยินสองคน
“ไม่ตอบได้มั้ย”
หญิงสาวหรี่ตาลง “ตอบแบบนี้ กั๊กกันนี่หว่า”
“ก็ไม่รู้จะตอบยังไง พูดไปก็เหมือนเผาเพื่อน ก็อย่างที่บอก เจ้าไทม์ยังไม่มีแฟน และมันก็ยังไม่เคยรักใครเลย เอาเป็นว่าเธอไปรู้จักด้วยตัวเองก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ แล้วหันไปสนใจตัวเลขดิจิตอลของแผงวงจรควบคุมลิฟต์
“เป็นงั้นไป ที่ไม่บอกเพราะกลัวฉันเปลี่ยนใจไม่รับงานหรือเปล่า?”
“ไม่หรอก อยากให้เธอไปเจอตัวจริงเลยดีกว่า ดูเอา แล้วหาคำตอบให้ตัวเองละกัน” สุกฤตบอกยิ้ม ๆ แล้วกดรหัสผ่านเพื่อเปิดประตู
พอประตูเปิดออกเขาก็ก้าวนำออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นเป้าหมาย
“วาว หะ-รู-หะ-รากว่าที่คิดไว้ซะอีก” หญิงสาวเอ่ยปากชมเมื่อเห็นสไตล์การตกแต่งออฟฟิศ
“เจ้าไทม์เป็นคนเลือกแบบ มันรักความทันสมัย เน้นความโล่ง โปร่ง สบายตา”
“รสนิยมใช้ได้เลย ว่าแต่เพื่อนนายนั่งตำแหน่งอะไร?”
“ประธารบริหาร”
เฌอรินทร์เลิกคิ้ว “CEO เลยเหรอ อายุเท่านี้ ถือว่าไปได้เร็วนะ”
“นี่แหละเจ้าไทม์ ฉลาดเป็นกรด แต่ก็มาตายน้ำตื้นเรื่องผู้หญิง” สุกฤตหยุดเดินเมื่อถึงหน้าห้อง แล้วหันมามองเพื่อนสาวที่ชวนคุย ถามนั่นนู่นนี่ไปตลอดทาง
“มีอะไร?”
“อยากเตือนเธอไว้อีกเรื่อง ก่อนที่จะเจอเจ้าไทม์”
“ว่ามาสิ”
“ระวังหัวใจตัวเองให้มาก ๆ อย่าเผลอไปตกหลุมรักเจ้าไทม์เข้าล่ะ ถ้าใส่กุญแจหัวใจได้ก็จัดให้หนักเลย” ชายหนุ่มบอกด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง
คิ้วเรียวของหญิงสาวยกขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ และเสียงหัวเราะ
“ถ้าคิดว่าฉันจะหวั่นไหวกับผู้ว่าจ้างล่ะก็ คิดผิดแล้วล่ะ”
“ก็แค่อยากเตือนด้วยความหวังดี เจ้าไทม์มันเสน่ห์แรง แล้วมันก็ทำผู้หญิงอกหักมาเยอะแล้วด้วย”
“ไหนบอกว่าโสดไม่มีแฟนไง?”
“คบแล้วก็เลิก ถึงอยากเตือนเธอไว้ไง” สุกฤตบอกอย่างจริงจัง
“คงไม่ใช่ฉัน ไม่ต้องห่วง” เฌอรินทร์ยิ้มอย่างมั่นใจ
“เก็บคำพูดนี้ไปเตือนเพื่อนซี้ของนายดีกว่ามั้ง... นำทางไปสิ”
“จะคอยดูละกัน” สุกฤตอมยิ้มกับความมั่นใจของหญิงสาว แล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของกล้าตะวัน...
เฌอรินทร์พุ่งสายตาไปที่ผู้ว่าจ้างซึ่งนั่งหันข้างให้ประตู แต่เขาหันหน้ามองออกไปนอกกระจกสีชาที่มีตึกรามบ้านช่องเหมือนกำลังใช้ความคิด
น่าแปลกแค่เห็นใบหน้าจากด้านข้างเธอก็หายใจสะดุด หัวใจเต้นแรง พอเขาได้ยินเสียงกระแอมไอของสุกฤต เจ้าของห้องก็หมุนเก้าอี้กลับมา
“มาเร็วทันใจดีนี่”
“เร็วขนาดนี้ยังไม่อยากจะทันใจนายเลย” สุกฤตบอกยิ้ม ๆ พลางหันมาหาเฌอรินทร์
“แนะนำตัวก่อนนะ นี่ทับทิม คนที่จะมารับหน้าที่เป็นแฟนกำมะลอของนาย”
หญิงสาวรู้สึกประหม่าขึ้นมาดื้อ ๆ เมื่อถูกผู้ว่าจ้างมองอย่างเปิดเผย มองอย่างพิจารณา มองอย่างให้ความสนใจ มองให้รู้ว่ามอง...
ถึงเขาจะมองเธอแค่อึดใจ แต่สายตาคมกริบของเขาก็เหมือนสะกดเธอไว้ จนเธอเริ่มไม่มั่นใจ
“หน้าคุ้น ๆ นะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน” กล้าตะวันเปรยขึ้นย้ายสายตามาที่คนพามา
“ทับทิมเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของเรา” สุกฤตเสริม
กล้าตะวันหันมามองหญิงสาวอย่างพิจารณาอีกครั้ง ยอมรับว่าสุกฤตตาถึงที่เลือกผู้หญิงคนนี้มาเป็นคู่ควงของเขา แต่ที่เขาต้องการมากกว่ารูปร่างหน้าตา คือเรื่องของสมอง
“แนะนำตัวหน่อยสิ”
“ชื่อทับทิมค่ะ”
“แค่นี้เหรอที่อยากให้ฉันรู้จัก”
หญิงสาวเม้มปาก รู้สึกเหมือนถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลสอบสัมภาษณ์ก่อนเข้าทำงานเลย
