บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 งานพาร์ทไทม์ (2)

“เดี๋ยวนะ ไอ้ข้อแรกน่ะพอได้ แต่ไอ้ความสมเหตุสมผล ยังไง?”

“ก็ถ้าบอกว่าเธอเป็นแฟนกับเจ้าไทม์ ยังไงเจ้านั่นต้องเอาเธอไปอ้างกับคุณนายแม่อยู่แล้ว ว่าเธอเป็นแฟนเก่าสมัยเรียนคอนแวนต์ที่กลับมาคบกันใหม่ เพราะถ่านไฟเก่ายังไม่ดับ”

“เข้าใจคิด เข้าใจวางแผนดีนี่ นี่ถ้างานจบ ชีวิตฉันจบไม่สวยเลยนะ”

“สวยสิ ยังไงก็สวย แผนมีแค่ทำยังไงก็ได้ให้เจ้าไทม์หลุดพ้นจากการถูกจับหมั้น เสร็จงานนี้แล้ว ฉันจะบอกกับคุณนายแม่เองว่าเธอกับไทม์เลิกกันแล้วเพราะเธอทนพฤติกรรมความเจ้าชู้ของเจ้าไทม์ไม่ไหว”

“เออ เข้าใจหาทางแก้ปัญหาดี แต่บอกอย่างนั้นไป เดี๋ยวคุณนายแม่อะไรนั่นก็จับลูกชายหมั้นอีกหรอก”

สุกฤตไหวไหล่ “ก็ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็ปล่อยให้เจ้าไทม์เป็นคนแก้ปัญหาเองแล้วล่ะ”

เฌอรินทร์กัดริมฝีปากพลางมองรูปของกล้าตะวันที่ยิ้มหน้าระรื่นในกระดาษเอกสารอีกครั้ง

เธอไม่เคยสนใจว่าผู้ว่าจ้างเป็นคนประเภทไหน เพราะเธอยึดอาชีพเพื่อนเที่ยวมานาน แล้วก็พร้อมลุย และพร้อมรับมือกับปัญหาที่อาจตามมาทุกสถานการณ์

แต่ที่เธอลังเลไม่แน่ใจกับการรับงานในครั้งนี้เป็นเพราะ เธอไม่มั่นใจว่า เธอจะทำงานสำเร็จไหม

อีกอย่างถึงจะมองว่าถูกจ้างไปเป็น ‘ไม้กันหมา’

แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เคลียร์กันง่าย ๆ เพราะหลังจากเสร็จงานแล้ว ยังไงก็ต้องมีผลกระทบตามมา อย่างน้อยก็เรื่องประวัติส่วนตัว ว่าเธอเคยเป็นผู้หญิงของเขาคนนี้นี่แหละ

“ถามอะไรหน่อยสิ นายไทม์ไม่มีแฟนตัวจริงเลยหรือไง?”

“ถ้ามีจะมาจ้างเธอเหรอ เจ้าไทม์ยังโสด มันยังไม่เคยรักใครด้วยซ้ำ”

“ถึงว่า...” เฌอรินทร์หยุดปากแค่นั้น

“ถึงว่าอะไร?”

“ไม่มีอะไร”

“ตัดสินใจว่าไง ตกลงมั้ย ฉันจะได้พาเธอไปหาเจ้าไทม์”“ลองดูก็ได้ แต่ถ้าไม่โอเค ฉันถอนตัวนะ”

พอหญิงสาวรับปาก สุกฤตก็ยิ้มกว้างออกมา “เยส! ขอบใจเธอมากนะทับทิม”

“อย่าเพิ่งดีใจ งานนี้ฉันเรียกค่าจ้างแพงนะ”

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา”

“กระเป๋าหนักกล้าจ่ายก็ดี บอกเพื่อนนายด้วย ฉันขอแหวนเพชรเพิ่ม” เฌอรินทร์บอกอย่างทีเล่นทีจริง ก็ถ้าเล่นเป็นแฟนกันแล้ว มันต้องมีสิ่งของแทนใจกันหน่อย ไม่ใช่มาอ้างกันลอย ๆ ก็ไม่ใช่อะไรหรอก อย่างน้อยก็เพื่อความสมจริง

“ได้ เดี๋ยวฉันบอกเจ้าไทม์ให้” สุกฤตรีบรับปาก

“ดี บอกเจ้านายคนใหม่ของฉันด้วยว่า เอาวงที่สวยที่สุดในร้าน ถ้าเป็นไปได้ ให้เขาพาฉันไปเลือกด้วย ฉันเรียกเก็บเป็นค่าจ้างล่วงหน้า อ้อ ยังไม่หมด บอกเขาไปด้วยว่า ฉันรับจ้างเป็นแค่แฟนหลอก ๆ ห้ามฉวยโอกาสกับฉันเด็ดขาด ไม่งั้น ฉันไม่ไว้หน้าแน่”

หญิงสาวบอกเสียงเย็น ดวงตาเป็นประกายในท้ายประโยค

“โอเคทับทิม ฉันจะบอกเรื่องนี้กับเจ้าไทม์เอง แต่ตอนนี้เราต้องไปแล้ว”

“ไปไหน?” หญิงสาวนิ่วหน้า

“ไปหาเจ้าไทม์ไง”

“เฮ้ย ตอนนี้เลยเหรอ?”

“ใช่ มันเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก ด่วนถึงด่วนที่สุด” ว่าแล้วสุกฤตก็ฉุดให้หญิงสาวลุกขึ้นจากโซฟา

“เดี๋ยวสิ ฉันยังไม่ได้เตรียมตัวเลย”

“เธอพร้อมเสมอ ฉันรู้”

บอกยิ้ม ๆ สุกฤตก็หยิบกุญแจรถมาหมุนเล่น ก่อนจะดันหลังให้หญิงสาวเดินไปขึ้นรถ แล้วมุ่งหน้าไปยังออฟฟิศของกล้าตะวันทันที

เฌอรินทร์ถอดแว่นกันแดดออกแล้วเงยหน้ามองอาคารหรูทันสมัยสูงเสียดฟ้า มีป้ายโฆษณาขนาดใหญ่มหึมาติดไว้รอบ ๆ อาคาร

ทั้งป้ายอาหาร ภาพยนตร์ เสื้อผ้า และรวมไปถึงป้ายร้านอาหาร แต่ที่โดดเด่นคือ ตรงทางเข้ามีป้ายโลโก้ชื่อห้างสรรพสินค้าที่ผู้คนรู้จักติดอยู่

สถานที่ตั้งเป็นใจกลางชุมชนเมือง และเป็นแหล่งช็อปปิ้งครบวงจร จึงมีผู้คนสัญจรไปมาค่อนข้างหนาตา

“ที่นี่เหรอ?” หญิงสาวสวมแว่นตากลับที่เดิมแล้วหันมามองคนที่พาเธอมาชนิดไม่ให้ตั้งตัว

“ที่นี่เลย”

“นี่มันห้างฯ จะชวนมาช็อปหรือไง” เฌอรินทร์แย้ง

“เปล่า เจ้าไทม์ทำงานที่นี่”

หญิงสาวตั้งใจฟังอย่างให้ความสนใจ อย่างน้อยเธอก็ควรรู้จักผู้ว่าจ้างไว้บ้าง

“เล่ามาสิ”

“พื้นที่ด้านล่างของตึกถูกดัดแปลงให้เป็นพื้นที่ของห้างสรรพสินค้าครบวงจร แต่ตั้งแต่ชั้นเจ็ดขึ้นไปจะเป็นผลิตภัณฑ์จำพวกผ้าไหม งานหัตกรรม” สุกฤตให้ข้อมูลเพิ่มเติม

คนฟังพยักหน้า “รวยใช่ย่อยเลยนะเนี่ย”

“รวยติดอันดับหนึ่งในร้อยของประเทศ ตระกูลนี้ทำธุรกิจหลายอย่าง หลัก ๆ คือผ้าไหม ผลิตและจัดจำหน่ายเอง รวมถึงส่งออกไปต่างประเทศ ถือว่าเป็นรายใหญ่ของภาคพื้นแปซิฟิกเลยนะ”

สุกฤตเล่ารายละเอียดที่เกี่ยวกับกล้าตะวันคร่าว ๆ พร้อมเดินนำเข้ามาในตัวอาคารซึ่งเปิดแอร์เย็นเฉียบไว้ต้อนรับลูกค้า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel