บทที่ 1 งานพาร์ทไทม์ (1)
เฌอรินทร์กอดอกมองเอกสารโปรไฟล์ของผู้ว่าจ้างในมืออย่างสนใจ พออ่านรายละเอียดและรวมไปถึงภารกิจที่อีกฝ่ายต้องการให้เธอทำจบ หญิงสาวก็อดอมยิ้มแล้วส่ายหน้าไม่ได้
“ยิ้มแบบนี้ ตกลงรับงานแล้วใช่มั้ย?”
สุกฤตมองหน้าเพื่อนสาวที่ทำงานอาชีพ ‘เพื่อนเที่ยว’ อย่างต้องการคำตอบ
“ก็น่าสนใจดี แต่ฉันไม่เคยรับงานแบบนี้มาก่อน กลัวว่าจะมีปัญหากับลูกค้าน่ะ”
หญิงสาวโยนเอกสารลงบนโต๊ะกระจก พลางกอดอกนั่งไขว่ห้างในอิริยาบถแสนสบาย
“ปัญหาอะไร?”
เฌอรินทร์สบตาคนตั้งคำถาม “ก็กลัวว่าทำงานให้เขาไม่สำเร็จไง”
“มีอะไรที่ทับทิมทำไม่ได้บ้าง ยังไม่ลองจะรู้ได้ไง”
ผู้ถูกทาบทามให้รับงานย่นจมูก
“มีปัญหาแน่นอน ฟันธง เห็นโปรไฟล์เพอร์เฟคมาก เดาได้เลยว่าเพื่อนก้องรายนี้ต้องมีสาว ๆ มาเกี่ยวข้องเป็นขโยงแน่”
“เดาได้แม่นยำราวตาเห็นเลยนะเนี่ย”
“เป็นธรรมดาของหนุ่มเพอร์เฟค พูดตรง ๆ นะว่าฉันไม่อยากรับงาน”
หญิงสาวหลุบตามองเอกสารที่มีใบหน้าหล่อเหลาของผู้ว่าจ้างอีกครั้ง ผู้ชายคมเข้ม ดวงตาคมทรงเสน่ห์ และดวงตาของเขาดูลึกเพราะจมูกโด่งเป็นสัน
ริมฝีปากสีชมพู หยักได้รูปรับใบหน้า เคราขึ้นเขียวไต่มาถึงโหนกแก้ม รับกับทรงผมรองทรง ผู้หญิงคนไหนเห็นต้องกรี๊ดสลบ หัวใจละลายทั้งนั้น เล่นหล่อขั้นเทพแบบนี้
“ทำไมถึงไม่อยากรับงานล่ะ?”
สุกฤตเลิกคิ้ว สายตาจ้องหน้าเพื่อนสาวที่ทำท่าสนใจงาน แต่ก็ปฏิเสธ
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ไม่อยากเสี่ยงถูกเปลือกทุเรียนตบหน้าเอาน่ะ”
“โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร” คนฟังอย่างสุกฤตหัวเราะ “คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เธอก็พูดเป็นนิยายไปได้”
หญิงสาวจิกตามองคนพูด
“แล้วไอ้ที่คิดจะทำอยู่นี่ มันไม่เหมือนนิยายเลยใช่มั้ย แหม จ้างหญิงไปเป็นแฟนเพื่อหลีกเลี่ยงงานหมั้น เน่ายิ่งกว่านิยายอีก” เฌอรินทร์ย่นจมูก
สุกฤตอมยิ้ม “นิยายก็มาจากเรื่องจริงนั่นแหละ น่าทับทิม ถือว่าช่วยไอ้ไทม์มันเถอะ”
“ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวสักหน่อย ทำไมต้องช่วยนายนั่นด้วย เออ ถ้าเป็นนายก็ว่าไปอย่าง” เฌอรินทร์แกล้งว่า มองหน้าเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแบบยิ้ม ๆ
“เป็นงั้นไป ถึงฉันมีปัญหาแบบเจ้าไทม์ ฉันก็ไม่คิดจ้างเธอหรอก”
“เป็นงั้นไป ทีแบบนี้ล่ะมาเรียกหาฉัน” หญิงสาวบอกยิ้ม ๆ พลางส่ายหน้า
“ก็คนที่บ้านรู้หมดแล้วว่าเธอเป็นอะไรกับฉัน”
เฌอรินทร์หัวเราะ
“น่านะทับทิม รับงานนี้เถอะ คิดซะว่างานนี้ช่วยฉันก็ได้”
คนถูกขอร้องทำท่าครุ่นคิด พลางกระดิกนิ้ว แต่สายตาคมเฉี่ยวและทรงเสน่ห์จ้องมองเพื่อนสนิทนิ่ง ๆ ซ้ำยังหรี่ตาลง
“อย่ามองแบบนี้สิ”
“มองไม่ได้หรือไง?”
“ได้น่ะมันได้ แต่สายตาเธอมันดูเชิญชวน บอกไม่ถูก ขนลุกว่ะ” สุกฤตบอกตรง ๆ ซ้ำทำท่าขนลุกขนพอง ทำเอาหญิงสาวอมยิ้มจนเห็นรอยบุ๋มข้างแก้ม
“ฉันไม่ได้อ่อยนาย แค่กำลังตัดสินใจว่าจะเอายังไง”
“อย่าคิดมากเลย รับงานไว้เนอะ ถือว่าเพื่อนช่วยเพื่อน ไอ้ไทม์มันก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับเรานะ”
เฌอรินทร์เบ้ปาก พร้อมไหวไหล่ “เอาจริงนะ ฉันจำหน้าหมอนี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“ไปเปิดหนังสือรุ่นดูหน้ามันเลย น่านะ ถือว่าฉันขอร้องก็ได้”
หญิงสาวนิ่งไป แต่ดวงตาคมเฉี่ยวซึ่งกรีดอายไลยเนอร์กลับจ้องมองคนขอร้อง
“ทำไมนายถึงเลือกฉันล่ะ ในเมื่อมีคนอื่นที่พร้อมทำงานมากกว่าฉัน”
“เพราะงานนี้ไม่มีใครเหมาะเท่าเธออีกแล้ว” สุกฤตตอบเอามือล้วงกระเป๋ามองหญิงสาวไม่หลบสายตา
“เหมาะยังไง? คนอื่นพร้อมทำงานกว่าฉันเยอะแยะ”
“ก็งานนี้เธอต้องเจอแม่ไอ้ไทม์มันด้วยน่ะสิ ไปจ้างคนอื่นคงไม่เหมาะ”
“เป็นงั้นไป” หญิงสาวกลอกลูกตา รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นไม้กันหมาชอบกล
“ขอเหตุผลดี ๆ ให้ฉันสักข้อได้มั้ย? เผื่อเปลี่ยนใจ”
สุกฤตลูบคาง มองเพื่อนสาวอย่างจริงจัง
“ที่เลือกเธอเพราะมีหลายเหตุผล หนึ่งคือเรื่องความเหมาะสม เธอเหมาะกับเจ้าไทม์มาก ทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา และความฉลาด”
“ฉันจะถือว่าเป็นคำชมละกัน” หญิงสาวดึงปรอยผมมาม้วนเล่น แต่ยังมองหน้าสุกฤต
“เหตุผลที่สองคือเรื่องความสมเหตุสมผล”
