บทนำ นางร้ายพาร์ทไทม์
กล้าตะวันที่เอามือกุมขมับและเกยคางไว้บนแฟ้มเอกสาร พร้อมทำหน้าเซ็งสุดชีวิตจ้องนิ่งไปยังเพื่อนสนิทอย่างสุกฤตขณะปรึกษาปัญหาชีวิต ทั้งนี้เป็นเพราะมารดาสุดที่รัก ได้ยื่นคำขาดให้เขาเข้าพิธีหมั้นกับ ‘กชกร’ ผู้หญิงรสโจ๊กที่ถูกเลือกให้มาเป็นศรีสะใภ้ของตระกูล ‘พิทักษ์ดำรงกุล’ โดยเร็วที่สุด
เขาจะไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย หากผู้หญิงคนนั้นจะสวยได้มาตรฐานที่เขาตั้งไว้ แต่นี่ นอกจากไม่ใช่สเป็กแล้วเขายังถูกมัดมือชกอีก!
“ช่วยคิดหน่อยสิวะ เดินวนไปวนมาอยู่ได้ ฉันเห็นแล้วเวียนหัว” เจ้าของปัญหาทำหน้ายุ่ง
“ก็กำลังช่วยคิดอยู่นี่ไง อย่าเร่งนักสิวะ” คนที่กำลังเดินไปเดินมาอย่างใช้ความคิดหยุดเดินแล้วย้อนถาม “ว่าแต่เรื่องแค่นี้ทำให้ CEO อย่างนายถึงกับหมดสภาพเลยเหรอวะ?”
“นายไม่มาเป็นฉัน ไม่รู้หรอกว่ามันเครียดแค่ไหน” คนกลุ้มใจบอกเสียงแซ่ว พลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วยกเท้าขึ้นมาพาดไว้บนโต๊ะทำงาน
“ปวดหัวว่ะ ฉันยังอยากมีอิสระ ไม่อยากผูกมัดกับผู้หญิงคนไหนไปตลอดชีวิต”
“อยากมีอิสระ ไม่อยากผูกมัดกับผู้หญิงคนไหน หึ พูดมาได้ แล้วรายล่าสุดที่นายควงออกงานล่ะ?” สุกฤตเดินมาใกล้พลางเท้ามือกับโต๊ะทำงาน มองหน้าคนกลุ้มใจที่ทำหน้ายุ่งราวกับหมีกินผึ้ง
กล้าตะวันไหวไหล่ ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่รู้สิ”
“ไอ้เพลย์บอยเอ๊ย สมน้ำหน้าแล้วล่ะที่ถูกแม่จับหมั้น”
“อ้าว พูดแบบนี้นายเข้าข้างใครเนี่ย?” กล้าตะวันเอาขาลงจากโต๊ะ จ้องหน้าเพื่อนสนิทซึ่งที่ปรึกษาตาเขม็ง
“ทีมนายสิ แต่เห็นอดหมั่นไส้ไม่ได้ว่ะ”
“หมั่นไส้อะไร เป็นเรื่องธรรมดาของคนหล่อครับท่าน”
สุกฤตส่ายหน้า “เออไอ้หลงตัวเอง งั้นก็แก้ปัญหาไปคนเดียวละกัน”
“อย่าใจร้ายกับฉันสิวะ ช่วยฉันคิดหน่อย นี่ซีเรียสนะ ฉันยังไม่อยากแต่งงาน เข้าใจมั้ย” กล้าตะวันขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่งไขว่ห้าง กอดอก ดวงตาคู่คมลึกยังจ้องหน้าเพื่อนรัก
“อะไรวะ ก็ไหนเมื่อตะกี้นายบอกฉันแค่ถูกจับหมั้นไง?”
“ก็นั่นแหละ แม่บอกถ้าหมั้นแล้วจะให้แต่งเลย ฉันถึงปวดหัวอยู่นี่ไง”
“กรรม” สุกฤตอมยิ้มกับสีหน้าเบื่อโลกของเพื่อนรัก
แต่ไหนแต่ไรมากล้าตะวันจะเก่งเรื่องการเผชิญหน้ากับปัญหา และเพื่อนเขาคนนี้ก็มักจะแก้ไขปัญหาทุกเรื่องด้วยตัวเองได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัว จะมีก็แต่ครั้งนี้แหละที่คนเก่งอย่างกล้าตะวัน ซึ่งได้ก้าวขึ้นเป็น CEO ของบริษัทตั้งแต่อายุยังน้อยต้องมาจนแต้ม กับวิธีมัดมือชกของคุณนายแม่
“ถ้าตัดเรื่องอิสระออกไป มีเหตุผลอื่นไหมที่นายไม่อยากแต่งงาน”
“ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอวะ?”
“ต้องมีสิ เอาไว้เป็นข้ออ้างชี้แจงแม่นายไง”
“ฉันแค่ไม่อยากมีแม่เพิ่ม” กล้าตะวันตอบไปตามตรง
“เป็นงั้นไป” สุกฤตหัวเราะ
“ทำเป็นหัวเราะ ช่วยคิดหน่อยสิวะ นี่ฉันซีเรียสนะ”
“จะยากอะไร นายก็จ้างใครสักคนมาเป็นแฟนสิ ง่ายจะตาย” สุกฤตแกล้งประชด
พอได้ยินแบบนั้นกล้าตะวันเลยเลิกคิ้ว แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มมุมปาก ดวงตาพราวประกาย
“เออ เข้าท่าดีว่ะ ไม่ผูกมัดด้วย งานเดียวจบ”
“เอาจริงเหรอวะ ฉันแกล้งประชดไปอย่างนั้น”
“เอาจริงสิ ดีเหมือนกัน” กล้าตะวันยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างเห็นด้วย
“โอเค ฉันจะได้จัดให้”
“อือ จัดมาเลย เอาสวย ๆ นมโต ๆ โปรไฟล์แซบ ๆ” กล้าตะวันรีบสาธยายคุณสมบัตร งานนี้ชักจะสนุกแล้วสิ!
“ได้ เดี๋ยวก้องจัดให้”
“รู้ใช่ไหมว่าสเป็กฉันเป็นยังไง”
“ไม่รู้เลยมั้ง” สุกฤตแกล้งตอบตรงข้าม “เห็นที่ควง ๆ ทิ้ง ๆ เลิก ๆ ก็มีอยู่แบบเดียว เปรี้ยวเข็ดฟันทั้งนั้น ว่าแต่นายจะเอาตามสเป็กจริงเหรอ ดูว่าไม่น่าจะผ่านมาตรฐานที่แม่นายตั้งไว้เลยนะ”
กล้าตะวันส่ายหน้า เลียริมฝีปากเล่น “ไม่ได้เอามาทำเมียจริงนี่หว่า ก็แค่หามาเป็นกันชนเท่านั้น งานเดียวจบ งานนี้ฉันจ่ายไม่อั้น”
“ก็ไหน ๆ จะจ้างแล้ว ไม่เอาตรงสเป็กแม่ไปเลยวะ คุณนายแม่จะได้ไม่ยุ่งกับนายอีก”
“งั้นนายก็เลือกให้ฉันละกัน เอาที่ดูดีและมีกึ๋นจะดีมาก งานนี้มีเป้าหมายอย่างเดียว คือทำยังไงก็ได้ ให้ฉันไม่ต้องหมั้นกับยัยคุณหนูรสโจ๊กนั่น”
สุกฤตหัวเราะ ไม่วายย้อนถาม “เดี๋ยวนะ ไอ้คุณหนูรสโจ๊กน่ะมันเป็นไงวะ ได้ยินนายเรียกหลายครั้งแล้ว”
“จืด ชืด ไม่น่ากินไง ดีเท่าไหร่แล้วไม่เรียกโจ๊กบูด”
“เป็นงั้นไป ระวังจะพลาดโจ๊กรสแซบนะเว้ย”
“จ้างให้ก็ไม่เอา” กล้าตะวันทำท่าเหนื่อยหน่ายพลอยให้สุกฤตส่ายหน้าไปด้วย
“ได้เดี๋ยวจัดให้ ว่าแต่จะจ้างแบบฟูลไทม์ หรือพาร์ทไทม์ล่ะ?” สุกฤตไม่วายถามเพื่อนอีก
คนถูกถามกัดริมฝีปาก อย่างครุ่นคิด “อือ... เอาพาร์ทไทม์ดีกว่า ฉันไม่อยากมีแฟนเต็มเวลา”
“โอเค จัดไปเพื่อน” สุกฤตตอบรับพร้อมยื่นมือไปตีมือกล้าตะวัน
“ขอบใจ ไอ้เพื่อนรัก”
