บทที่3 โลกใบใหม่ที่ไม่คุ้นชิน
แสงแดดสาดส่องผ่านหน้าต่างมากระทบลงบนใบหน้างดงามของสตรีนางหนึ่ง ที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียงไม้หรูหรา ประดับไปด้วยผ้าม่านสีขาวพลิ้วไหว นางเป็นคนที่งดงามราวกับเทพธิดา ใบหน้ารูปไข่ไร้ฝ้ากระ ผมสีดำขลับยาวสลวย คิ้วโกงโค้งดุจคันศร จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเป็นกระจับสีชมพูระเรื่อ รวมถึงผิวพรรณที่ขาวนวลผ่องดุจมุกเม็ดงาม ดั่งสวรรค์ตั้งใจสรรค์สร้างขึ้นมา
จ้าวเยี่ยนฟางลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ นางพยายามปรับสายตารับกับแสงให้มองเห็นภาพเบื้องหน้าให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อตั้งสติได้จึงพยายามกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทั้งเตียง เพดาน รวมถึง เฟอร์นิเจอร์ ทุกอย่างล้วนดูแปลกตา และไม่ว่าจะตื่นมาเห็นเช่นนี้อีกกี่ครั้ง นางก็ยังรู้สึกไม่คุ้นชิน
หลังจากวันแรกที่มาอยู่ในร่างนี้ นางก็พยายามคิดหาหนทางเพื่อเอาชีวิตรอดอยู่เสมอ แผนการที่ทำให้พระเอกหลงรักเพื่อที่ตนจะได้ไม่ถูกฆ่านั้น คือแผนการที่นางปัดตกไปเป็นอันดับแรก
เพราะตัวนางนั้นรู้ดีว่าหวงตงหยางรังเกียจนางเพียงใด คงไม่มีทางที่เขาจะหันมาสนใจนางอย่างแน่นอน วิธีเดียวที่จะทำให้นางมีชีวิตรอดในตอนนี้ คือการอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว และพยายามเป็นภรรยาในนามที่ดี เผื่อหวงตงหยางจะรู้สึกสงสารและไม่สังหารนางเหมือนในต้นฉบับที่นางเคยอ่านมา
และเพื่อหลีกเลี่ยงความตายที่แสนจะโหดร้าย ข้าจะต้องเปลี่ยนตอนจบให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม!!
"ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะฮูหยิน" ถิงถิงรีบสาวเท้าเดินเข้ามาหาผู้เป็นนาย ก่อนจะยกอ่างล้างหน้ามาวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงอย่างเบามือ
"อืม.. ถิงถิง หากข้าจำไม่ผิดวันนี้เราต้องออกไปข้างนอกกันใช่หรือไม่" จ้าวเยี่ยนฟางเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ใช่แล้วเจ้าค่ะฮูหยิน"
วันนี้เป็นวันแรกที่นางจะได้ออกไปข้างนอก เพราะเมื่อหลายวันก่อน หวงตงหยางได้ฝากให้องครักษ์ส่วนตัวของเขา เข้ามาแจ้งข่าวในเรือนจงหยุนอันเป็นที่พำนักของหวงฮูหยิน ว่าอีกสามวันจะถึงวันพระราชสมภพขององค์ฮองเฮา ผู้มีศักดิ์เป็นป้าของจ้าวเยี่ยนฟาง ฉะนั้นนางจะไม่ไปเข้าร่วมงานนี้ไม่ได้
บอกตามตรงว่านางรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่ที่รู้ว่าตนต้องไปร่วมงานเลี้ยงพร้อมกับหวงตงหยาง สามีผู้ชั่วช้าคนนั้น..
เหอะ! ก่อนหน้านี้ยังกักขังข้า เฆี่ยนตีข้าอย่างหมูอย่างหมา หากไม่มีงานเลี้ยงอีกไม่กี่วันข้างหน้า มีหรือที่บุรุษเช่นเขาจะยอมให้ข้าออกไปข้างนอก
เพราะงานเลี้ยงครั้งนี้ จ้าวเยี่ยนฟางจึงมีโอกาสได้ออกไปเลือกซื้อชุดและเครื่องประดับใหม่ที่หอฮุ่ยเหอ ซึ่งเป็นร้านขายชุดและเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง และการออกไปซื้อชุดในคราวนี้ เป็นเพียงข้ออ้างที่จะออกไปข้างนอก เพราะว่านางเบื่อและเอือมระอากับจวนนี้เต็มทน
ถนนเทียนหนิง
หลังจากที่จ้าวเยี่ยนฟางเลือกซื้อชุดและเครื่องประดับเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาที่นางจะได้เดินเที่ยวเล่น ชื่นชมบรรยากาศอันแปลกใหม่ ที่ไม่สามารถหาได้ทั้งในชีวิตก่อนและชีวิตนี้
จ้าวเยี่ยนฟางเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ หลายต่อหลายร้าน และทุกครั้งที่นางแวะไปร้านใด นางก็จะซื้อของติดไม้ติดมือออกมาด้วยเสมอ อย่างไรเงินที่นางใช้ นางก็มิได้เป็นคนหามาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นนางก็จะใช้อย่างไม่เกรงใจใครทั้งนั้น
เมื่อเดินเที่ยวเล่นและซื้อของจนหนำใจแล้ว จ้าวเยี่ยนฟางจึงแวะไปนั่งพักที่โรงน้ำชาชื่อดังประจำย่านนั้น เมื่อเดินมาถึงโรงน้ำชาก็มีเสี่ยวเอ้อร์ออกมาต้อนรับอย่างดี จ้าวเยี่ยนฟางในวันนี้งดงามกว่าทุกครั้งที่พวกเขาเคยเห็น
"ข้าจะมาดื่มชา ช่วยนำข้าไปที่โต๊ะหน่อยได้หรือไม่" ใบหน้างามเชิดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยวาจาออกไป บอกตรงๆ ว่านางเองก็ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เพราะปกตินางแทบจะไม่เคยคุยกับใครมาก่อนนอกจากถิงถิง
"ได้แน่นอนขอรับคุณหนูตามข้าน้อยมาทางนี้เลยขอรับ"
เมื่อเดินตามผู้ดูแลร้านน้ำชาแห่งนี้ขึ้นมาถึงชั้นสอง เสี่ยวเอ้อร์ก็ขอตัวลงไปรับแขกที่หน้าร้านต่อ จ้าวเยี่ยนฟางสั่งขนมและน้ำชามาสำหรับสองคน นางอนุญาตให้ถิงถิงนั่งด้วย แม้ตอนแรกถิงถิงจะขัดขืน แต่เมื่อถูกผู้เป็นนายมองด้วยความคาดหวัง ถิงถิงจึงยอมนั่งร่วมโต๊ะด้วยแต่โดยดี
จ้าวเยี่ยนฟางยกชาขึ้นมาจิบเล็กน้อย ชาร้านนี้หอมนักมันคงเป็นชาชั้นดีและคงมีราคามากสินะ นิ้วเรียวสวยลูบถ้วยชาเบา ๆ สีหน้าของนางจู่ ๆ ก็พลันเศร้าหมอง
ครั้งล่าสุดที่เราได้มาเที่ยวเล่นอย่างสบายใจแบบนี้คือตอนไหนกันนะ
ในชาติก่อนเธอได้แต่ใช้ชีวิตตามที่พ่อแม่ต้องการ ชีวิตในแต่ละวันก็หมกมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือและการเรียนพิเศษ ส่วนชีวิตนี้..ก็ได้มาสวมร่างของนางมารร้ายที่ถูกสามีเกลียดชัง อีกทั้งยังถูกปฏิบัติราวกับไม่ใช่นายหญิงของจวน เหตุใดชีวิตนางถึงซวยซ้ำซวยซ้อนเช่นนี้..
"ฮูหยินท่านเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ" ถิงถิงเอ่ยถามด้วยความห่วงใย หลังจากเหตุการณ์วันนั้น คุณหนูก็กลายเป็นคนพูดน้อย และไม่ค่อยแสดงสีหน้าหรือความรู้สึกดั่งเช่นเคย ฮูหยินของนางนั้น แม้เมื่อก่อนจะเป็นสตรีที่โมโหร้าย แต่ท่านก็เป็นสตรีที่ยิ้มแย้มเก่งเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับท่านแม่ทัพหวง หากพูดถึงเรื่องท่านแม่ทัพทีไร ฮูหยินก็จะยิ้มแย้มอย่างมีความสุขทุกครา
แต่ดูตอนนี้สิ เพียงฮูหยินได้ยินชื่อของท่านแม่ทัพ คิ้วของท่านก็แทบจะผูกกันเป็นปมแล้ว..
"เปล่าหรอก..ข้าเพียงคิดว่าครั้งล่าสุดที่ข้ามีความสุข คือเมื่อไหร่กันนะ" อันที่จริงเมื่อจากบ้านมาเช่นนี้ นางก็อดที่จะคิดถึงโลกเก่าที่ตนเคยอยู่ไม่ได้ ป่านนี้พ่อกับแม่จะเป็นอย่างไรบ้าง ไหนจะพี่ชายของนางอีก พวกเขาจะเสียใจไหมที่นางจากมา พวกเขาจะร้องไห้เสียน้ำตาให้นางบ้างหรือเปล่า..
"โถ่..ฮูหยินของถิงถิง"
"หากอยู่ด้วยกันสองคน เจ้าเรียกข้าว่าคุณหนูเช่นเดิมเถิด" จ้าวเยี่ยนฟางพูดขึ้น ในขณะที่ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ บอกตามตรงว่านางมิค่อยรู้สึกดีสักเท่าไหร่ที่ถูกเรียกว่าฮูหยิน เพราะตอนนี้นางไม่ได้อยากขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของบุรุษเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย
แค่ได้ยินคำว่าฮูหยิน นางก็รู้สึกขนลุกขนพองแล้วล่ะ
"ได้เจ้าค่ะ คุณหนู" ถิงถิงตอบตกลงอย่างว่าง่าย เพราะไม่ว่าคุณหนูจะสั่งให้นางทำอะไร นางก็ยอมทำทั้งสิ้น จ้าวเยี่ยนฟางยิ้มให้สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์เล็กน้อย ก่อนจะละสายตาไปทางอื่น
นางกวาดสายตามองทิวทัศน์อันสวยงามนี้เพื่อให้ลืมเรื่องราวที่เจ็บปวดในชีวิต จนกระทั่งสายตานางทอดมองไปยังบุรุษและสตรีคู่หนึ่งที่กำลังพูดคุยกันอยากออกรส นางขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะส่งเสียงเย้ยหยันอยู่ในลำคอ
เหอะ!
ถิงถิงเห็นคุณหนูของตนมองไปยังโต๊ะตรงข้าม นางจึงหันมองตามสายตาของเจ้านายไป และเมื่อนางหันไปก็ถึงกับตกใจกับภาพที่เห็น เพราะทั้งสองคนนั้นคือ ท่านแม่ทัพหวงตงหยาง และสตรีที่นั่งหัวเราะอยู่กับท่านแม่ทัพนั้น ก็คือคุณหนูเหรินผู้นั้น!!
"เอ่อ..คุณหนู ท่าน..จะทำเยี่ยงไรหรือเจ้าคะ" ถิงถิงเอ่ยถามเสียงเบา นางกลัวเหลือเกินว่าคุณหนูจะเดินเข้าไปอาละวาดและตบตีสตรีผู้นั้น หากท่านแม่ทัพโกรธเข้า คุณหนูของนางอาจจะเจ็บตัวอีกก็ได้
คุณหนูเจ้าคะ..ท่านคงไม่ลุกไปอาละวาดโต๊ะนั้นหรอกใช่หรือไม่..
"จะทำอย่างไรล่ะ เขาอยากทำอะไรก็ช่างเขาเถิด กลางวันแสก ๆ เช่นนี้ ท่านแม่ทัพผู้สูงส่งกลับนั่งหัวร่อต่อกระซิกกับสตรีอื่น อย่างมิเกรงกลัวสายตาผู้ใดเช่นนั้น ข้าจะไปทำอันใดได้"
นางตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ แต่น่าแปลกใจที่นางรู้สึกไม่ชอบนางเอกของเรื่องนี้ อาจเป็นเพราะว่านางมีความทรงจำทั้งหมดของจ้าวเยี่ยนฟางอยู่ก็เป็นได้
บุรุษเช่นนั้น ผู้ใดอยากได้ก็เอาไปเถิด ข้าผู้หนึ่งล่ะที่จะไม่เอา!!
ถิงถิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย คุณหนู..ท่านเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ หากเป็นปกติแล้ว มีหรือที่จะยอมให้สตรีใดเข้าใกล้ท่านแม่ทัพ แต่บัดนี้คุณหนูกลับมองด้วยสายตาเย็นชาและมีท่าทีเมินเฉย
จ้าวเยี่ยนฟางใช้เวลาที่ได้ออกมาข้างนอกอย่างคุ้มค่า นางนั่งจิบชา พร้อมกับกินขนมกุ้ยฮวาอย่างเอร็ดอร่อย โดยที่ไม่ได้หันกลับไปสนใจโต๊ะตรงข้ามอีก
"เอ่อ..แม่นาง หากท่านไม่ว่าอะไร ข้าขอร่วมโต๊ะกับท่านได้หรือไม่" เสียงนุ่มทุ้มพูดขึ้นจากด้านข้างของนาง เมื่อจ้าวเยี่ยนฟางหันใบหน้าไปมองก็พบกับบุรุษรูปงามคนหนึ่ง กำลังยืนส่งยิ้มบางมาให้ ท่าทางประหม่ารอฟังคำตอบจากนาง
"เชิญเจ้าค่ะ" จ้าวเยี่ยนฟางตอบกลับเสียงหวาน บุรุษผู้นี้รูปงามในแบบของผู้ชายขี้อาย พอมอง ๆ ดูแล้วนี่มันช่าง..น่ารักเสียจริง
ถิงถิงเห็นเช่นนั้นจึงลุกขึ้นมายืนอยู่ด้านหลังผู้เป็นนาย หากคุณหนูมีแขก นางก็มิควรนั่งเสมอนาย
บุรุษที่มาใหม่มองหน้าถิงถิง ก่อนจะกลับมามองหน้าสตรีเลอโฉมตรงหน้า
"เอ่อ.."
"นางเป็นสาวใช้คนสนิทของข้าน่ะ ข้ารักใคร่นางดั่งน้องสาว ท่านไม่ต้องแปลกใจไปหากเห็นว่านางร่วมดื่มชาโต๊ะเดียวกับข้า" จ้าวเยี่ยนฟางอธิบายเหตุผลให้เขาฟัง โดยที่ไม่รอให้เขาได้เอ่ยถามสิ่งใด
"อ่อ เป็นเช่นนี้นี่เอง.. แม่นางท่านช่างจิตใจกว้างขวางนัก" เขาเอ่ยชื่นชมนางจากใจจริง จ้าวเยี่ยนฟางได้ยินเช่นนั้น นางจึงส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อย แต่ก็มิได้ตอบอะไรกลับไป
"ขออภัย ข้าลืมแนะนำตัวไป..ข้ามีนามว่า ห่าวซวน เป็นเพียงพ่อค้าที่มาค้าขายที่จงหยวน เมื่อครู่ข้าเห็นท่านที่หอฮุ่ยเหอ ข้ารู้สึกว่าท่านงดงามมากจริง ๆ แต่ก็มิกล้าเข้าไปทักทาย ครั้งนี้นับเป็นวาสนาได้มาเจอท่านที่นี่ ข้าจึงรวบรวมความกล้าเข้ามาพูดคุยกับท่าน"
ตอนที่ได้เห็นนางครั้งแรก เขาเองรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ นางเป็นสตรีที่งดงามที่สุด เท่าที่เขาเคยเจอมาทั้งชีวิต อีกอย่างนางก็มิได้เกล้าผมเฉกเช่นสตรีที่ออกเรือนแล้ว นั่นหมายความว่า..นางยังมิได้แต่งงานใช่หรือไม่
"อ้อ.." จ้าวเยี่ยนฟางพยักหน้าเบา ๆ ที่แท้บุรุษผู้นี้ก็ชื่นชอบหน้าตาของจ้าวเยี่ยนฟางนี่เอง ด้วยเพราะเขามิใช่คนจงหยวน เลยมิรู้ชื่อเสียงเรียงนามของสตรีที่ชื่อว่าจ้าวเยี่ยนฟาง
แต่ก็เอาเถิด ได้นั่งดื่มชากับบุรุษรูปงามเช่นนี้ ก็นับว่าคุ้มค่าแล้วที่ได้ออกมาข้างนอก
"แล้วแม่นางล่ะ..ท่านมีนามว่าอะไรหรือ" ชายหนุ่มถามกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แววตาเป็นประกายด้วยความใคร่รู้
"ข้าชื่อว่าเยี่ยนฟ.."
"กลับจวนกับข้า"
ในขณะที่นางกำลังจะแนะนำตัว ก็มีเสียงทุ้มต่ำพูดขัดขึ้นอยู่ทางด้านข้างของนาง ดวงตาดุดันเหมือนฆ่าคนได้ตวัดมองนางอย่างไม่พอใจ จ้าวเยี่ยนฟางไม่ทันได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่า หวงตงหยางเดินมาหานางตั้งแต่ตอนไหน เหตุใดเขาถึงมายืนอยู่ตรงนี้..
