บท
ตั้งค่า

บทที่2 ปาฎิหาริย์อันเหลือเชื่อ

ในขณะที่ถิงถิงกำลังไปยกคันฉ่องมาให้นาง เซี่ยซินหยานก็พยายามใช้ความคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยู่บนเตียง เธอจำได้ว่า ล่าสุดเธอทะเลาะกับพ่อจึงวิ่งออกจากบ้านมา จากนั้น..ก็มีฝนตกหนัก และถ้าหากความจำของเธอยังดีอยู่ ดูเหมือนว่า..เธอจะโดนฟ้าผ่าเข้าอย่างจังในขณะที่กำลังเดินตากฝนอยู่บนถนนทางออกจากหมู่บ้าน

แล้วจู่ ๆ เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แถมตอนนั้นก็กำลังจมน้ำจนเกือบตาย..ไหนจะโดนจับไปเฆี่ยนเพราะถูกเข้าใจผิดว่ามีเจตนาฆ่าผู้อื่น นี่มันเรื่องอะไรกันแน่

"คันฉ่องมาแล้วเจ้าค่ะ" ถิงถิงยกกระจกบานใหญ่มาตั้งไว้ข้างเตียงอย่างเหนื่อยหอบ แววตาของนางเต็มไปด้วยความห่วงใย คุณหนูคงจะกังวลว่าแผลจะทิ้งรอยเอาไว้สินะ..

เซี่ยซินหยานพยายามออกแรงดันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่ง แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะพยุงร่างกายขึ้นมาได้ ถิงถิงเห็นเช่นนั้นจึงพยายามเข้าไปประคองผู้เป็นนายของตน ให้ลุกขึ้นมานั่งอย่างช้า ๆ

"ขอบใจนะ"เซี่ยซินหยานเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันไปมองเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจก ภาพที่ปรากฏทำให้นางต้องตกใจถึงกับเบิกตาโพลง

ภายในกระจกบานนั้นสะท้อนภาพผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเปลือยท่อนบน ด้วยเพราะบาดแผลที่กลางหลังทำให้นางมิสามารถสวมอาภรณ์ได้ตามปกติ และแม้ตอนนี้ใบหน้าของนางจะดูซีดเซียวไร้เรี่ยวแรง ทว่านางก็ยังคงงดงาม

เซี่ยซินหยานได้แต่นั่งมองเงาที่สะท้อนอยู่ในนั้นตาปริบ ๆ กระจกบานนี้ไม่ได้ฉายภาพของเธอ.. บัดนี้เธอไม่สามารถขยับร่างกายได้เลย เธอรู้สึกสับสนไปหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้น ที่จริงแล้วเธอตายไปแล้วหรือยัง แล้วผู้หญิงในกระจกนี่เป็นใคร

หรือว่า จ้าวเยี่ยนฟาง..จะเป็นเจ้าของร่างนี้ และความทรงจำต่าง ๆ ที่เธอได้รับ ล้วนเป็นของสตรีที่ชื่อว่าจ้าวเยี่ยนฟางอย่างนั้นหรือ..

ในความทรงจำที่เธอได้รับมานั้น สตรีที่เธอเห็นอยู่ในกระจกตอนนี้ มีชื่อเดิมว่าจ้าวเยี่ยนฟาง ก่อนจะเปลี่ยนเป็น ฮูหยินหวงเยี่ยนฟาง ภรรยาเพียงในนามของแม่ทัพหวงตงหยาง ทั้งคู่แต่งงานกันมาเป็นเวลาสามปี โดยที่ยังไม่เคยร่วมหอกันเลยแม้แต่เพียงครั้งเดียว เพราะว่าหวงตงหยางรังเกียจภรรยาในนามของตนเป็นอย่างมาก

จ้าวเยี่ยนฟางเป็นบุตรีของเสนาบดีจ้าวซีฮัน และเป็นหลานสาวสุดที่รักขององค์ฮองเฮาคนปัจจุบันอีกด้วย และด้วยเหตุนี้ นางจึงขอร้องฮองเฮาผู้เป็นป้า ให้ทูลขอสมรสพระราชทานจากองค์ฮ่องเต้ ให้นางได้แต่งงานกับแม่ทัพหวงตงหยาง

หวงตงหยางไม่สามารถขัดพระราชโองการของฮ่องเต้ได้ จึงจำใจรับจ้าวเยี่ยนฟางมาเป็นฮูหยินของตน และแม้ว่าจะแต่งงานกันมาถึงสามปี เขาก็ไม่คิดทำหน้าที่สามีเลยสักครั้ง

และเมื่อหนึ่งปีก่อน หวงตงหยางก็ได้สนิทสนมกับสตรีคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเพียงลูกขุนนางชั้นผู้น้อย สตรีผู้นั้นมีชื่อว่าเหรินหลานเฟิง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้จ้าวเยี่ยนฟางรู้สึกหึงหวงสามีของตนเป็นอย่างมาก นางไม่ยอมให้สตรีใดเข้าใกล้สามีของตน และเกือบทุกครั้งที่จ้าวเยี่ยนฟางเห็นว่า เหรินหลานเฟิงอยู่ใกล้หวงตงหยาง นางก็จะไม่ยอมอยู่เฉย และมักเข้าไปทำร้ายร่างกายเหรินหลานเฟิงเสมอ

มิใช่แค่เหรินหลานเฟิงเท่านั้น หากมีสตรีหน้าไหนกล้าส่งสายตายั่วยวนให้หวงตงหยาง นางก็จะไม่ยอมไว้หน้า และตรงปรี่เข้าไปทำร้ายร่างกาย หรือด่าทอในทันที หากสาวใช้คนใดที่หน้าตาดี นางก็มักจะไล่ออกจากจวนอย่างไม่ปรานี เพราะกลัวว่าสาวใช้คนนั้นจะมายั่วยวนสามีของตน และด้วยเหตุนี้จึงทำให้หวงตงหยางเอือมระอาภรรยาในนามเป็นอย่างมาก

นางเป็นสตรีที่เข้ามาทำให้ชีวิตของเขาวุ่นวายและต้องอับอายผู้อื่น

เซี่ยซินหยานที่เห็นความทรงจำชัดเจนเช่นนั้น จึงเข้าใจได้ทันที ว่าเพราะเหตุใด ในครั้งแรกที่ได้เจอกัน บุรุษที่ชื่อว่าหวงตงหยางถึงได้มีท่าทีรังเกียจเธอเช่นนั้น ที่แท้เรื่องมันก็เป็นมาอย่างนี้นี่เอง.. และถ้าหากว่านั่นมันเป็นเพียงแค่เรื่องของคนอื่นคงจะดี ทว่าจ้าวเยี่ยนฟางที่ว่านั้นก็คือเจ้าของร่างที่เธอมาอาศัยอยู่ในขณะนี้

แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการสวมร่างของคนอื่นก็คือ เธอได้เข้ามาสวมร่างของนางร้ายในนิยายที่ต้องตายในตอนจบ ด้วยน้ำมือของคนที่นางรักสุดหัวใจอย่าง หวงตงหยาง! เธอเข้ามาอยู่ในร่างของนางร้ายจริง ๆ จ้าวเยี่ยนฟาง..หวงตงหยาง..เหรินหลานเฟิง ล้วนเป็นชื่อและนามสกุลของตัวละครในนิยายที่เธอเคยอ่านในชีวิตก่อน

"ฮะ ฮะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ" เซี่ยซินหยานหัวเราะออกมาอย่างเสียสติ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

ตายแน่ ข้าตายแน่ ๆ ชีวิตนี้จบสิ้นแล้ว ทำไมข้าต้องเข้ามาอยู่ในร่างของนางร้ายที่โง่เขลาที่ต้องตายในตอนจบด้วย

ในนิยายกล่าวไว้ว่า สุดท้ายแล้วจ้าวเยี่ยนฟาง ภรรยาผู้โง่เขลาและร้ายกาจ ก็ต้องตายด้วยน้ำมือสามีของตน เหตุผลเพราะว่านางวางแผนสังหารสตรีในดวงใจของผู้เป็นสามี แต่กลับถูกเขาจับได้ แผนการของนางจึงพังไม่เป็นท่า

และด้วยความโกรธของพระเอก ทำให้เขาลงมือสังหารจ้าวเยี่ยนฟางผู้เป็นฮูหยินเอกของเขาอย่างไร้ความปรานี ส่วนศพของนางก็ถูกทิ้งลงแม่น้ำอย่างไม่ไยดี สุดท้ายตอนจบในนิยาย หวงตงหยางและเหรินหลานเฟิงก็ครองคู่กันอย่างสมใจ

และนิยายเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่พระเอกและนางเอกโดนวิจารณ์อย่างหนัก เพราะพระเอกก็ชั่วช้า ส่วนนางเอกก็แย่งสามีคนอื่น จ้าวเยี่ยนฟางที่รับบทตัวร้ายก็เป็นเพียงสตรีโง่เขลา หาได้ร้ายกาจไม่..

นี่เราต้องมาสวมร่างสตรีโง่เขลา ในนิยายเรื่องที่เราเคยสาปหรอเนี่ย..

"ฮูหยินท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ" ถิงถิงที่เห็นว่าเจ้านายของตนหัวเราะออกมาราวกับคนเสียสติถึงเอ่ยถามออกไปด้วยความห่วงใย ชั่วชีวิตนี้ฮูหยินมิเคยต้องลำบากเลยสักครั้ง แต่กลับมาถูกสามีสั่งโบยเช่นนี้ จิตใจของท่านจะเป็นเยี่ยงไร ท่านคงจะเสียใจไม่น้อยเลยใช่หรือไม่

"ถิงถิง ขอบคุณที่วันนั้นเจ้าพยายามปกป้องข้า" เซี่ยซินหยานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ถิงถิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ฮูหยินรักมั่นท่านแม่ทัพเพียงใดมีเพียงนางที่รู้

"ถิงถิงจะคอยช่วยเหลือและปกป้องท่านจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ฮูหยิน..บ่าวขอโทษนะเจ้าคะ ที่บ่าวไร้ประโยชน์ ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรท่านได้เลย" สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์ก้มหน้าผากจรดพื้น เซี่ยซินหยานเห็นเช่นนั้นก็ทำตัวไม่ถูก

"เงยหน้าขึ้นมาเถิด ความภักดีของเจ้า..ข้าจะจำใส่ใจเอาไว้"

เซี่ยซินหยานใช้เวลาเป็นเดือน กว่าแผลที่หลังจะหายดี หลังจากวันที่นางถูกโบยนางก็มีไข้ขึ้นสูง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็มีเพียงถิงถิงที่คอยดูแลนาง ส่วนหวงตงหยางผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีนั้นไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็นแม้แต่ครั้งเดียว แต่นั่นก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะนางก็ไม่อยากเห็นหน้าเขาเช่นกัน

บุรุษชั่วช้าและหูเบาผู้นั้น ข้าไม่อยากจะได้ยินแม้กระทั่งชื่อ!

เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่เซี่ยซินหยานใช้ชีวิตเป็นฮูหยินในนามของแม่ทัพหวง นางใช้ชีวิตอยู่เพียงในบริเวณเรือนและห้องของตนเอง ซึ่งตอนนี้มิต่างจากตำหนักเย็น

เซี่ยซินหยานทำใจยอมรับได้แล้วว่า ต่อจากนี้ไปนางคงต้องใช้ชีวิตเป็นจ้าวเยี่ยนฟาง และนางก็จะไม่ยอมให้ตอนจบมันเป็นไปตามต้นฉบับนิยาย เพราะหากเป็นเช่นนั้น นั่นก็หมายความว่านางต้องตายอีกครั้งน่ะสิ!

หนึ่งเดือนก่อน

เพล้ง!! เสียงแจกันกระทบกับพื้นห้องจนแตกกระจายตามแรงปัดของคนที่กำลังกระฟัดกระเฟียด

"ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ย ไม่ว่าจะยังไง แกต้องเรียนหมอให้จบ" คนเป็นพ่อตวาดลั่นชี้หน้าลูกสาวด้วยความโกรธด้วยความผิดหวัง

"ครอบครัวเราเป็นข้าราชการ มีหน้ามีตากันหมด แกช่วยดูพี่ชายแกเป็นตัวอย่างได้มั้ย แกจะทำให้ฉันอับอายขายหน้าไปถึงไหน" เสียงของชายวัยห้าสิบเศษยังคงต่อว่าลูกสาวอย่างไม่ลดละ

"ทำไมพ่อต้องเอาพี่มาเปรียบเทียบกับหนูตลอดเลย หนูเคยบอกพ่อไปแล้วว่าหนูไม่ชอบ หนูไม่อยากเป็นหมอ ทำไมพ่อกับแม่ไม่เคยฟังหนูเลย" เซี่ยซินหยานตอบกลับผู้เป็นพ่อทั้งน้ำตา เธอไม่เคยมีความคิดที่อยากจะเป็นหมอเลยสักนิด เมื่อครั้งที่เรียนจบมัธยมปลาย เธอมีความคิดที่จะไปเรียนเกี่ยวกับการวาดรูป เธอชื่นชอบในการวาดรูปเป็นอย่างมาก

แต่ทว่าที่บ้านของเธอกลับคัดค้านอย่างหนัก ซึ่งตอนนั้นเธอทะเลาะกับพ่อแม่เสียจนใหญ่โต แต่สุดท้ายเซี่ยซินหยานก็ยอมอ่านหนังสือ เรียนพิเศษอย่างหนักเพื่อที่จะสอบเข้าขณะแพทย์ในมหาวิทยาลัยชื่อดังตามที่พ่อแม่ของเธอต้องการ

เซี่ยซินหยานใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเรียนพิเศษและอ่านหนังสือ จนร่างกายเริ่มทรุดโทรม ในวันที่เธอรู้ผลการสอบว่าตัวเองสอบติด เธอก็อดที่จะภูมิใจในตัวเองไม่ได้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่เธอนั้นชอบ แต่ว่าเธอก็พยายามจนสามารถสอบติดคณะแพทยศาสตร์ได้สมความตั้งใจ

เซี่ยซินหยานหวังอยู่ในใจลึก ๆ ว่าพ่อและแม่คงจะดีใจกับเธอ ท่านทั้งสองคงจะเอ่ยชมเธอบ้าง แต่สิ่งที่เธอได้ยินจากปากผู้เป็นพ่อและแม่ คือคำว่า "แกทำได้ดีแค่นี้เองหรือ รู้มั้ยว่าฉันเสียเงินส่งแกเรียนพิเศษไปมากแค่ไหน แต่กลับสอบติดในอันดับท้าย ๆ ช่างน่าผิดหวังเสียจริง"

เซี่ยซินหยานเก็บความเสียใจไว้ในใจเสมอมา หากนางพยายามมากกว่านี้อีก คงมีสักวันที่พ่อแม่รู้สึกภูมิใจในตัวเธอเป็นแน่ เธอได้แต่พร่ำบอกและให้กำลังใจตัวเองแบบนั้น..

แต่เมื่อคืนวันผ่านไป ความเหนื่อยล้าก็ยิ่งถาโถม เซี่ยซินหยานอดทนเรียนในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ชอบมาเป็นเวลาสองปีกว่า เกรดที่ออกมาก็อยู่ในเกณฑ์ที่ถือว่าดี แต่มันก็ยังคงดีไม่พอในสายตาของพ่อกับแม่

คำชมเล็ก ๆ ว่า เก่งมาก พ่อแม่ภูมิใจในตัวลูกนะ มันเป็นคำที่หาฟังได้ยากที่สุดในชีวิตของเธอ

เซี่ยซินหยานใช้ชีวิตอยู่ใต้เงาของผู้เป็นพี่ชาย ที่ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็สามารถทำออกมาได้ดีเสมอ ต่างกับเธอ ที่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ พ่อและแม่ก็ไม่เคยภูมิใจในตัวเธอเลยสักครั้ง

"หนูเหนื่อย หนูท้อ หนูเครียด หนูทนเรียนต่อไปไม่ไหวแล้วค่ะ ไม่ว่าหนูจะพยายามเท่าไหร่ มันก็คงดีไปกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะค่ะ" เซี่ยซินหยานพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางใช้หลังมือปาดน้ำตาอย่างลวก ๆ

"เหนื่อยหรือ แกเหนื่อยอะไรห๊ะ! ฉันเหนื่อยกว่าแกตั้งเยอะ ใครกันที่เป็นคนส่งเสียให้แกเรียนมาจนป่านนี้ แกยังกล้าพูดคำว่าเหนื่อยกับฉันอีกหรือ แค่ไปเรียนแล้วกลับบ้านเนี่ยนะ มันเหนื่อยอะไรนักหนา!!!" ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของเซี่ยซินหยานตวาดลั่น ไม่รู้ว่าทำไมลูกสาวคนนี้ถึงได้ทำให้เขาผิดหวังอยู่เรื่อยเลย หากเธอเป็นเหมือนพี่ชายสักเสี้ยวหนึ่งก็คงดี!!

"หนูก็เหนื่อยกับทุกอย่างนั่นแหละ เอะอะพ่อกับแม่ก็จะให้หนูเป็นอย่างพี่ให้ได้ ทำไมล่ะคะ หนูก็เป็นลูกของพ่อกับแม่เหมือนกันนะ หนูถามจริง ๆ เถอะ ตั้งแต่หนูเกิดมา นอกจากคำชมครั้งแรกในตอนที่หนูพูดได้ พ่อกับแม่เคยคิดจะชมอะไรหนูบ้างมั้ย"

"นี่แกอิจฉาพี่ชายของตัวเองหรือ ก็แกไม่ได้ทำเรื่องอะไรให้ฉันรู้สึกชื่นชม ทำไมฉันต้องชมแกด้วย" ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อตอบกลับทันควัน คำพูดนั้นราวกับถูกน้ำเย็นสาดใส่หน้า เซี่ยซินหยานรู้สึกชาไปทั้งตัว

มันจริงอยู่ที่เธอรู้สึกอิจฉาพี่ชายของตัวเอง แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นคนเรียนเก่งหรือได้มีอาชีพเป็นหมอ แต่เธอรู้สึกอิจฉาพี่ชายเสมอ ที่ไม่ว่าพี่ชายจะทำอะไรพ่อกับแม่ก็ยังคงชื่นชมและให้กำลังใจ เขาเป็นที่รักของพ่อแม่เสมอต่างจากเธอที่รู้สึกว่าตนเองเป็นคนไร้ค่า พอกันทีจากนี้เธอจะไม่ยอมอีกต่อไป

"พ่อรู้มั้ยคะว่าหนูเหนื่อยกับอะไรที่สุด ก็การมีชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ไงที่มันเหนื่อยที่สุด!!" ใจดวงน้อยแสนเจ็บปวดรวดร้าว เธอเข้าใจดีว่าพ่อกับแม่รักพี่ชายมาก แต่เธอก็ไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะไม่เหลือเศษเสี้ยวความรักให้เธอเลยสักนิด

"เซี่ยซินหยาน!!!!"

"ซินหยานทำไมพูดแบบนั้นล่ะลูก ไม่น่ารักเลย ขอโทษคุณพ่อเดี๋ยวนี้เลยนะ" หญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้นด้วยสุ้มเสียงตำหนิ เธอคนนั้นคือแม่แท้ ๆ ของเซี่ยซินหยานเอง

"พ่อกับแม่รู้อะไรมั้ย หนูเองก็ผิดหวังเหมือนกัน! ทำไมพ่อกับแม่ถึงไม่เหมือนพ่อแม่คนอื่นบ้าง ทำไมถึงพูดดี ๆ ไม่เป็น พ่อกับแม่รักหนูบ้างไหม? ทำไมไม่สนใจความรู้สึกของหนูเลย หนูก็ผิดหวังในตัวพ่อกับแม่เหมือนกัน"

เพี๊ยะ!!! สิ้นคำตัดพ้อ ใบหน้างามก็สะบัดไปตามแรงฝ่ามือของบิดา มือเรียวยกขึ้นมากุมแก้มด้านที่โดนตบไว้ด้วยความเจ็บปวด ความน้อยใจ เสียใจ ฉายชัดในแววตา แผลภายนอกมันไม่เท่าไหร่ แต่แผลในใจนี้มันคงใหญ่เกินกว่าจะรักษาและเยียวยา

"ถ้าแกผิดหวังนัก ก็ไปอยู่ที่อื่น ไปเลย อยากไปวาดรูป ไปขอทาน ไปทำอะไรที่ไหนก็ไป!!!" เขายังคงชี้หน้าด่าเธอด้วยความโกรธเกรี้ยว แม้ว่าลูกสาวจะร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยนแลดูน่าสงสารแล้วก็ตาม

"คุณคะ ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ ซินหยานรีบขอโทษพ่อสิลูก" ผู้เป็นแม่รีบห้ามปรามก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายไปมากกว่านี้

"ได้!! นับจากนี้เป็นต้นไป หนูจะไม่กลับมาเหยียบบ้านหลังนี้อีก!" เมื่อพูดจบเซี่ยซินหยานก็เปิดประตูบ้านและวิ่งออกไปอยากรวดเร็ว

เซี่ยซินหยานไม่สามารถทนฟังคำพูดที่แสนจะเลวร้ายจากผู้เป็นพ่อได้อีกต่อไป ขนาดแม่ก็ยังไม่เคยเข้าข้างเธอ ที่ผ่านมามีแต่เออออเห็นด้วยกับพ่อ ไม่ว่าคำพูดของพ่อจะรุนแรงแค่ไหน ควรหรือไม่ควรพูดอย่างไร แม่ก็ไม่เคยห้ามปรามพ่อ มีแต่ความเงียบ กับสายตาที่มองมาด้วยความผิดหวัง

ครืนนน ครืนนน

เสียงฟ้าร้องดังสนั่นตามด้วยฝนห่าใหญ่ที่ตกลงมา ราวกับว่ากลั่นแกล้งเซี่ยซินหยาน เธอโอบกอดร่างกายของตัวเองและค่อย ๆ เดินไปตามทางอย่างไร้จุดหมาย ข้างนอกตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ค่อนข้างดึกแล้ว แสงสว่างเดียวที่เธอมองเห็นคือแสงจากไฟสาธารณะตามข้างทาง

ฝนเม็ดใหญ่ตกลงมากระทบใบหน้างามจนรู้สึกเจ็บแสบ ร่างกายก็เริ่มสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บ เซี่ยซินหยานวิ่งออกจากบ้านมาด้วยตัวเปล่า นอกจากเสื้อผ้าที่สวมใส่เธอก็มิมีสิ่งใดติดตัวมาเลยสักชิ้นเดียว แม้แต่เงินสักบาทก็ไม่มี ร่างบางเดินสั่นเทาท่ามกลางสายฝนอย่างไร้จุดหมาย เธอร้องไห้ออกมาจนรู้สึกอ่อนล้า

"โอ๊ย!! ไอ้ฝนบ้านี่มึงจะตกอีกนานมั้ยวะ!!! โลกใบนี้คนที่เกิดมาซวย มันมีแค่กูคนเดียวหรือไง" สารพัดคำด่าทอและคำตัดพ้อถูกพ่นออกมาจากปากคนที่ปกติพูดน้อยจนแทบจะนับคำได้

ครืนน ครืนนน

"เอ้อ มึงก็ผ่ามาเลยสิวะ กูก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกเฮงซวยนี้แล้วเหมือนกัน!!"

เสียงฟ้ายังคงร้องดังอยู่อย่างนั้นอย่างต่อเนื่อง เซี่ยซินหยานชูนิ้วกลางขึ้นบนท้องฟ้าก่อนจะสบถด่าอย่างไม่เกรงกลัวฟ้าดิน ชีวิตของนางไม่มีสิ่งใดให้ต้องกลัวอีกแล้ว อย่างน้อยโดนฟ้าผ่าก็คงไม่ทรมานเท่าไหร่ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ฆ่าตัวตาย หากฟ้าผ่าลงมาจริง ๆ ก็คงจะไม่ถือว่าเธอทำบาปหรอก

เปรี้ยงงงง!!

เมื่อเซี่ยซินหยานพูดจบ อสนีบาตก็ผ่าฟาดลงมายังร่างเล็ก ๆ ของเซี่ยซินหยาน ก่อให้เกิดเสียงดังกัมปนาทไปทั่วบริเวณ

"นี่ฉันคงจะตายแล้วสินะ.. ตายไปอย่างคนไร้ค่า.. แต่ดีแล้วล่ะ ดีจริงๆ .."

ภาพสุดท้ายที่เซี่ยซินหยานเห็นคือแสงสว่างวาบทำให้ทุกอย่างขาวโพลนไปหมดจนไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ ก่อนที่ภาพนั้นจะค่อย ๆ เลือนรางลง จนมืดสนิท..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel