บท
ตั้งค่า

หนึ่ง สตรีผู้นั้นบังอาจยิ่งนัก!

ภายในห้องพักหรูหราของหอนางโลมชุนเยว่ห้องหนึ่ง เสียงลมหายใจหนักหน่วงของบุรุษเจ้าของห้องกำลังเริ่มกลับมาสม่ำเสมอขึ้นถูกเปล่งออกมาจากร่างสูงในอ่างไม้อุ่นขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้นทันทีที่สติกลับคืนมา

ความทรงจำเมื่อคืนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ทั้งความทรงจำร้อนแรงที่เขาเพิ่งร่วมรักกับสตรีแปลกหน้า รสสัมผัสของสตรีผู้นั้นเป็นสิ่งที่บุรุษผู้ไม่เคยคิดที่จะทำเรื่องอย่างการใกล้ชิดกับสตรีเช่นนี้จำไม่มีวันลืม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...

ความทรงจำสุดท้ายก่อนนางจากไป

“นางกล้าดีอย่างไร…ทำร้ายร่างกายข้าถึงเพียงนี้” เสียงทุ้มต่ำเปล่งออกมาพร้อมประกายตาวาวโรจน์ ริมฝีปากหยักลึกเม้มแน่นขณะนึกถึงสตรีที่เขาคิดว่าเป็นนางโลมคนหนึ่ง ใบหน้างดงามของนางลอยเด่นอยู่ในความทรงจำ คิ้วเรียว ตากลมโตเจือแววตื่นกลัวแต่ดื้อรั้นราวกับแผดเผาความอดทนของเขา

เขาคือฉินอ๋องเฟิงหยาง บุรุษที่ผู้คนยำเกรง ทั้งในด้านความสามารถและบารมีซึ่งเป็นถึงน้องชายคนโปรดของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน

ยังไม่เคยมีใครบังอาจทำร้ายเขาเช่นนี้มาก่อน

มือหนาค่อย ๆ ยกพยุงร่างตัวเองลุกขึ้นยืน ร่างกายยังคงเหลือไอร้อนรุ่มที่เกิดจากยากำหนัดแต่ตอนนี้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้แล้ว อ๋องหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบห้องเพื่อหาร่องรอยของเหล่าคนที่ประสงค์ร้ายวางยากำหนัดแก่เขารวมทั้งนางโลมคนนั้นที่หนีไปแล้ว แต่สิ่งที่ค้นพบกลับมีเพียงความว่างเปล่า

“นางหนีไปแล้ว…”

เขากระแทกเสียงออกมาในน้ำเสียงนั้นแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ สตรีผู้นั้นนอกจากจะกล้าขัดขืนเขาแล้ว ยังใช้ทักษะการต่อสู้ที่จนทำให้เขาสลบไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

นางโลมมีทักษะการต่อสู้ด้วยหรือ?

เสียงเคาะเบา ๆ จากหน้าต่างทำให้เขาเงยหน้าขึ้นทันที มีเงาร่างหนึ่งกระโดดเข้ามาอย่างเงียบกริบ

“ท่านอ๋อง!” เสียงนั้นเปี่ยมด้วยความร้อนรน เป็นของหลิวหาน ลูกน้องคนสนิทที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี

“พวกเราตามหาท่านแทบพลิกเมืองหลวง ท่านหายไปทั้งคืน ข้านึกว่าจะเกิดเรื่องใหญ่เสียแล้วพะย่ะค่ะ!”

หลิวหานรีบคุกเข่าลง สีหน้าแสดงความโล่งใจเมื่อเห็นผู้เป็นนายปลอดภัย ส่วนอ๋องหนุ่มยกมือห้ามไม่ให้ลูกน้องพูดต่อ สีหน้าของเขาฉายแววเคร่งเครียด ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเสียงเรียบ

“เมื่อคืน ข้าถูกล่อลวงด้วยจดหมายลับที่อ้างว่ามีข้อมูลสำคัญ ร่องรอยนำข้ามายังห้องแห่งหนึ่งในหอนางโลมนี้ แต่กลับถูกวางยาด้วยควันธูปกำหนัด…ยาแรงเสียยิ่งกว่ายาที่ใช้สำหรับสัตว์อย่างพวกม้า”

คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันตัวเอง

“เพราะเหตุใดพวกมันถึงกล้าทำกับท่านเช่นนี้!”

“ดีที่ข้าพอมีแรงหลบหนีออกมาจากห้องนั้น แต่ฤทธิ์ยามันรุนแรงเกินไป…” อ๋องหนุ่มหยุดไปครู่หนึ่ง ราวกับไม่อยากพูดถึงสิ่งที่ตามมา “ข้าเจอสตรีนางหนึ่ง คิดว่านางเป็นนางโลมจึงดึงตัวนางมาเพื่อปลดปล่อยฤทธิ์ยา แต่สิ่งที่ได้รับสุดท้ายก่อนสิ้นสติคือหมัดที่ความแรงไม่ธรรมดา…นางทำร้ายข้าจนสลบ”

สีหน้าของหลิวหานแปรเปลี่ยนจากความตกใจเป็นความเดือดดาล

“สตรีนางนั้นช่างบังอาจยิ่งนัก! ท่านอ๋อง ข้าจะส่งคนไปตามหานางและนำตัวนางมาลงโทษเดี๋ยวนี้พะย่ะค่ะ”

อ๋องเฟิงหยางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นห้าม สีหน้าและแววตาของเขาเย็นชาแต่แฝงไว้ด้วยบางสิ่งที่แม้แต่หลิวหานก็มองไม่ออก

“ไม่ต้อง” เขากล่าวเสียงเรียบ “ปล่อยนางไป ข้าหาได้ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้”

หลิวหานดูงุนงง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เพียงแต่พยักหน้าอย่างนอบน้อม “รับทราบพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อหลิวหานจากไป อ๋องเฟิงหยางนั่งนิ่งอยู่ในความเงียบ แม้เขาจะบอกให้ลูกน้องเลิกตามหาสตรีนางนั้น แต่ภายในใจกลับไม่อาจสงบ เขายังคงเห็นใบหน้านั้นลอยวนในความคิด

ทว่าไม่นานกลับมีสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มกล้ากลับคำเป็นหนแรกในชีวิตภายในห้องพักที่บัดนี้เงียบสงัดลง อ๋องเฟิงหยางนั่งบนขอบเตียง ดวงตาคมกริบเหลือบมองไปยังหยดเลือดที่มันเปื้อนบนผ้าปูเตียง ร่องรอยที่เขามองข้ามในตอนแรก บัดนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เขาขมวดคิ้วลึก

เลือดจากราตรีแรกของสตรี

“นางไม่ใช่นางโลมของที่นี่หรอกหรือ…” เขาพึมพำเสียงต่ำในลำคอ ความคิดค่อย ๆ เรียงร้อยขึ้นมาด้วยความแปลกใจ

นางโลมที่จะยังคงความบริสุทธิ์อยู่กันเล่า สตรีผู้นั้นไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน อีกทั้งหากพูดถึงทักษะการต่อสู้ของนาง รวมถึงความกล้าที่หาได้ยากจากหญิงสาวทั่วไป ทำให้อ๋องหนุ่มต้องใคร่ครวญทุกสิ่งอีกครั้ง

ขณะที่ความคิดของเขากำลังดำเนินไป กลิ่นหอมประหลาดสายหนึ่งก็ลอยแตะจมูกเมื่อสายลมเฮือกใหญ่พักเข้ามาในห้อง มัน...เป็นกลิ่นที่เขารู้จักดีจนต้องชะงักไปครู่หนึ่ง

“กลิ่นนี้...ดอกอู่โถว” ชื่อดอกไม้หลุดออกจากริมฝีปากของเขาแผ่วเบา ดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์แต่กลับถูกใช้ทำพิษร้ายแรงกับคนที่เขารักที่สุด...คนที่เคยเป็นแสงสว่างในชีวิตของเขาต้องมาตายเพราะพิษของดอกอู่โถวนี้

เฟิงหยางสูดลมหายใจเข้าลึก กลิ่นที่ฝังใจนี้ไม่ควรปรากฏในห้องพักของหอนางโลมแห่งนี้ และเขามั่นใจว่าไม่มีใครนำดอกไม้ชนิดนี้มาวางตกแต่งอยู่ในที่แห่งนี้แน่นอน

เขาหันไปทางลูกน้องคนสนิทที่ยืนรอคำสั่งอยู่ “หลิวหาน เจ้ารู้สึกถึงกลิ่นอะไรแปลก ๆ หรือไม่”

หลิวหานนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดหายใจลึกและตอบอย่างลังเล “มีกลิ่นจาง ๆ คล้ายดอกไม้ แต่ไม่แน่ใจว่าดอกอะไรพ่ะย่ะค่ะ”

คำตอบนั้นยิ่งทำให้เฟิงหยางมั่นใจในสัญชาตญาณของตัวเอง เขาลุกขึ้นยืน กวาดสายตามองรอบห้องอย่างละเอียด สายตาของเขาหยุดลงที่เตียงอีกครั้ง เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เขาพบว่ากลิ่นนั้นลอยมาจากผ้าปูเตียง

“กลิ่นนี้มาจากเลือดใช่หรือไม่...”

หลิวหานเบิกตากว้าง “เลือด? เป็นไปได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

อ๋องเฟิงหยางไม่ตอบ เขายื่นมือไปสัมผัสผ้าปูเตียงที่เปรอะเลือดนั้นอยู่เล็กน้อย ก่อนยกขึ้นมาสูดกลิ่นอย่างลืมนึกรังเกียจเพื่อพิสูจน์ความจริงบางอย่าง ความจริงปรากฏขึ้นมาทำให้เขามีสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม

“ไม่ผิดแน่ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ” เขาเอ่ยเสียงต่ำก่อนหันไปสั่งหลิวหาน “ส่งคนไปตามหาสตรีผู้นั้น ข้าต้องรู้ว่านางเป็นใคร และทำไมกลิ่นของดอกอู่โถวถึงได้กลิ่นในเลือดของนาง”

“แต่ท่านอ๋อง เมื่อครู่ท่านเพิ่งบอกว่าไม่ต้องตามหา…” หลิวหานท้วงด้วยความงุนงง

เฟิงหยางหันกลับมามองลูกน้อง สีหน้าของเขาครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม อีกครึ่งหนึ่งเป็นความมุ่งมั่นที่ยากจะปฏิเสธ

“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าคาดว่านางอาจเป็นกุญแจสำคัญของบางสิ่งที่ข้าตามหามาตลอดหลายปี”

หลิวหานพยักหน้ารับคำสั่งทันที “กระหม่อมจะรีบส่งคนออกตามหาสตรีผู้นั้นโดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อหลิวหานจากไปได้สักพักทว่าอ๋องเฟิงหยางยังคงยืนนิ่งอยู่ในห้อง ความทรงจำในอดีตที่เขาพยายามลืมเลือนกลับพุ่งเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว

หนึ่งสิ่งที่เขาตามสืบมาตลอดหลายปีกำลังเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

เขากำหมัดแน่นจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น ดวงตาที่เคยเยือกเย็นกลับลุกโชนด้วยเปลวไฟแห่งความหมายมาด

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้าจะต้องตามตัวเจ้าให้จงได้...”

เสียงลมภายนอกพัดผ่านราวกับเป็นพยานในคำสัญญานั้น ค่ำคืนนี้ที่ควรจะจบลงกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางที่ดูท่าจะยุ่งเหยิงไม่น้อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel