สาม ผู้บุกรุกชุดดำ
คืนนี้ท้องฟ้าไร้ดวงดาว แสงจันทร์ถูกบดบังด้วยเมฆที่ทั้งหนาทึบบ้างบางส่วน ความเงียบสงัดปกคลุมทั่วจวนตระกูลซู ที่เรือนของซูซิวเหยา หญิงสาวเจ้าของเรือนเวลานี้กำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องพักของตน หลังจากสาวใช้ส่วนตัวนามว่าชุนฮวา ออกจากห้องไปเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยบริเวณอื่นของเรือนก่อนเข้านอนเป็นอันจบการทำงานของวันลงอย่างสมบูรณ์แบบ
ซูซิวเหยา รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อยหลังจากวันอันแสนวุ่นวาย นางนอนพลิกตัวอยู่บนเตียงอยู่สักพักก็เข้าสู่ห้วงนิทรา แต่ในขณะที่กำลังจะหลับไม่รับรู้สิ่งใดไป โสตประสาทการรับเสียงกลับได้ยินเสียงขยับแว่วแผ่วเบามาจากบริเวณหน้าต่าง
เสียงนั้นไม่ดังนัก หากแต่เป็นเสียงที่นางในฐานะอดีตสายลับสามารถแยกแยะได้ทันทีว่า อาจเป็นเสียงที่เกิดขึ้นเนื่องจากการที่ห้องนี้กำลังมีผู้บุกรุก...
หัวใจของซูซิวเหยากระตุกวูบทว่าใบหน้าพยายามนิ่งสนิท นางเลือกที่จะนอนต่อแสร้งเหมือนหลับสนิทเพื่อจับสังเกตความเคลื่อนไหวของเสียงนั้น นางบังคับจังหวะลมหายใจให้สม่ำเสมอเสมือนหลับ ในขณะที่จิตใจเตรียมพร้อมต่อการเผชิญหน้าที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
พรึ่บ
ไม่นานนักเงาดำสองร่างปรากฏตัวขึ้นในห้องนอนสตรี พวกเขาสวมชุดดำสนิทและปิดหน้าด้วยผ้าคลุม มีเพียงดวงตาคมปลาบที่มองดูรอบห้องอย่างระแวดระวัง
“นางอยู่ตรงนี้” เสียงหนึ่งในนั้นกล่าวกระซิบ
เมื่อเห็นสถานการณ์ซูซิวเหยารู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะรออีกต่อไป นางพลิกตัวขึ้นทันทีและลงมือโจมตีอย่างรวดเร็วก่อนที่พวกนั้นจะตั้งตัว การเคลื่อนไหวของนางว่องไวดุจสายลม ทักษะการต่อสู้ที่ฝึกฝนมาในฐานะสายลับในชาติเดิมทำให้การต่อสู้ในระยะประชิดของนางดุดันและเฉียบขาด
การต่อสู้ดุเดือดขึ้นในห้องอันคับแคบ เงาดำทั้งสองที่เป็นผู้บุกรุกไม่คิดว่าสตรีผู้ดูอ่อนแอเช่นนางจะมีฝีมือยอดเยี่ยมเช่นนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดาด้วยความชำนาญในวิชาวรยุทธ์จึงไม่รอช้าตอบโต้กลับทันที
หลังจากการปะทะกันอยู่นานซูซิวเหยาก็เริ่มเสียเปรียบ เนื่องจากทักษะการต่อสู้จากยุคเดิมของนางไม่อาจสู้กับวิชาวรยุทธ์ล้ำลึกที่ทั้งสองใช้ได้ พวกเขาส่งพลังฝ่ามือมาที่นางจนต้องถอยหลังไปกระแทกผนัง
ก่อนที่นางจะตั้งตัวได้เงาดำคนหนึ่งพุ่งเข้ามากดจุดที่ต้นคอของนางด้วยความรวดเร็ว
“อึก!”
ซูซิวเหยารู้สึกว่าร่างกายของตนเองชะงักทันที นางพยายามขยับตัวแต่ไม่อาจทำได้ ความร้อนวูบหนึ่งแล่นไปทั่วร่าง และในชั่วพริบตา
นะ นี่ นางถูกทำให้ไร้ความสามารถในการขยับตัว
“ฝีมือดีเกินคาด...” หนึ่งในเงาดำเอ่ยด้วยน้ำเสียงชื่นชม “แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงสตรีธรรมดา”
อีกคนหัวเราะในลำคอ “พาออกไปที่นี่กันเถอะ”
พวกเขาหันมองซูซิวเหยาที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ก่อนจะใช้ผ้าผืนผืนเล็กอุดปากนางไม่ให้ส่งเสียงเรียกใครได้ จากนั้นพวกเขาก็อุ้มร่างของนางขึ้น และพากันออกจากเรือนอย่างรวดเร็ว ร่างของซูซิวเหยาถูกมัดมือแน่นและพาดไว้บนบ่าของหนึ่งในบุรุษชุดดำ
ภายนอกเรือนจวนตระกูลซูยังคงเงียบสงัด เงาดำทั้งสองพาร่างของซูซิวเหยาออกไปอย่างไร้ร่องรอยภายใต้เงามืดยามค่ำคืน การลักพาตัวครั้งนี้ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น ไม่เว้นแม้แต่สาวใช้ชุนฮวาที่อยู่ใกล้ชิดกับซูซิวเหยาที่สุด
สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านไปทั่วบริเวณขณะที่ซูซิวเหยาถูกมัดมือไพล่หลังและมัดเท้าแน่นด้วยเชือกหยาบ บุรุษชุดดำสองคนที่จับตัวนางมาเดินนำทางท่ามกลางความมืด นางกัดฟันกรอดขณะพยายามขยับตัวเพื่อหลุดจากพันธนาการ แต่เชือกที่ใช้มัดนั้นแน่นหนาและฝีมือในการมัดก็ไม่ธรรมดา
หากเป็นชาติที่แล้ว…เชือกแบบนี้คงทำอะไรนางไม่ได้แน่!
ตอนอยู่มิติที่แล้วในฐานะสายลับมืออาชีพ นางเคยฝึกฝนทั้งการเอาตัวรอดและการหลบหนีในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด อุปกรณ์คู่กายของนางคือ มีดสั้นพลังงานแม่เหล็ก ที่สามารถตัดผ่านวัสดุเกือบทุกชนิดได้อย่างง่ายดายและสามารถสั่งการควบคุมทิศทางของใบมีดได้ หากตอนนี้นางมีมันอยู่ในมือ ทุกอย่างคงไม่จบลงแบบนี้
ทันทีที่ความคิดเหล่านั้นแวบขึ้นมา นางก็สัมผัสได้ถึงความเย็นแปลก ๆ บนฝ่ามือของตนเอง นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยไม่ให้บุรุษชุดดำทั้งสองสังเกตเห็น จากนั้นค่อย ๆ คลายฝ่ามือออกอย่างระมัดระวัง
อะไรกัน?
ดวงตาของนางเบิกกว้างเล็กน้อย เมื่อพบว่ามีดพลังงานแม่เหล็กที่นางเพิ่งคิดถึงไปปรากฏขึ้นในมือของนางอย่างไร้เสียง
ซูซิวเหยาแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง นางพยายามตั้งสติและซ่อนมีดไว้ในมืออย่างแนบเนียนที่สุดเพื่อไม่ให้บุรุษทั้งสองจับสังเกตได้
เป็นไปได้อย่างไร
ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปมองแหวนเงินที่นิ้วนางข้างขวา
แหวนวงนี้เป็นสิ่งที่ติดตัวมาพร้อมกับร่างของซูซิวเหยาคนเก่า นางเคยพยายามถอดออกหลายครั้งแต่ไม่เคยทำได้ จึงคิดว่าเป็นเพียงเครื่องประดับที่ไร้ความสำคัญ แต่บัดนี้นางเริ่มตระหนักว่าแหวนวงนี้อาจไม่ใช่สิ่งธรรมดา
หรือว่าแหวนนี้จะเป็นมิติเก็บของ?
นางคิดพลางนึกถึงอุปกรณ์ที่นางเคยใช้ในชาติที่แล้ว
ความคิดนี้ทำให้นางหวนคิดถึงช่วงเวลาที่นางยังทำงานเป็นสายลับ นางมีเครื่องมือที่ทรงพลังมากมาย แต่ละชิ้นล้วนได้รับการออกแบบมาเฉพาะสำหรับภารกิจเสี่ยงตาย หากแหวนวงนี้สามารถดึงอุปกรณ์เหล่านั้นออกมาได้จริง นางอาจมีโอกาสรอดในโลกที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้ได้ง่ายขึ้น
ขณะนั้นบุรุษทั้งสองพานางมาถึงรถม้าเก่าคันหนึ่งที่จอดรออยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ รถม้าเป็นแบบธรรมดาที่ใช้สำหรับบรรทุกสินค้า แต่บัดนี้ถูกดัดแปลงเป็นพื้นที่สำหรับกักตัวคน นางถูกโยนขึ้นไปบนรถม้าอย่างไร้ความปรานี
เสียงหัวเราะเบา ๆ ของหนึ่งในนั้นดังขึ้น
“ดูสิ นางดิ้นไม่หลุดเลยแม้แต่น้อย”
“อย่าประมาทไป นางไม่ได้อ่อนแออย่างที่เห็น” อีกคนเตือนเพื่อนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เจ้านายสั่งให้พานางไปให้ถึงที่หมายโดยอย่าให้มีปัญหาตามมาภายหลัง”
ลับสายตาการจับตามองของบุรุษสองคนนั้นซูซิวเหยากัดฟันแน่น ดวงตาของนางมองไปรอบ ๆ รถม้าอย่างระแวดระวังเพื่อรอเวลาที่ร่างกายนางจะหายจากการกดจุดกลับมาขยับได้เป็นปกติ
ขยับได้แล้ว!
ร่างกายซูซิวเหยากลับมาเป็นปกติแล้ว
นางถือโอกาสในช่วงที่พวกมันกำลังสนทนา ใช้ปลายมีดเล็กนั้นตัดเชือกอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ
เชือกหยาบที่มัดข้อมือของนางขาดออกอย่างง่ายดาย นางซ่อนมีดไว้ในอ้อมแขนและแสร้งทำเป็นว่าถูกมัดอยู่เช่นเดิม
เมื่อรถม้าเริ่มเคลื่อนตัว นางใช้จังหวะที่พวกมันไม่ทันระวังตัว โจมตีหนึ่งในบุรุษชุดดำทันที นางฟาดข้อมือที่ถืออาวุธจนเขาทำมีดตก จากนั้นใช้ปลายมีดพลังงานแม่เหล็กแทงใส่จุดอ่อนของอีกคนทำให้ล้มลง
การต่อสู้ภายในพื้นที่แคบของรถม้าดำเนินไปอย่างดุเดือดแม้ไม่มีวรยุทธ์แบบพวกมัน แต่อุปกรณ์ที่มีและความคล่องตัวของนางอาจทำให้นางสามารถพลิกสถานการณ์ได้
“นางมีอาวุธประหลาด ระวังตัว!” หนึ่งในพวกมันตะโกนพลางถอยหลังเล็กน้อยหลังจากถูกนางฟาดด้วยด้ามมีดพลังงานแม่เหล็ก
อีกคนพุ่งเข้ามา ฝ่ามือของเขาเปล่งพลังปราณที่มองไม่เห็นแต่หญิงสาวสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน ซูซิวเหยาเบี่ยงตัวหลบก่อนที่ฝ่ามือจะกระแทกพื้นรถม้าจนเกิดเสียงดังลั่น
ซูซิวเหยากลั้นหายใจ มือขวากำมีดพลังงานแม่เหล็กแน่น ก่อนจะกดปุ่มเล็ก ๆ ที่ด้ามมีด ใบมีดสีเงินวาวหนึ่งเล่มถูกปล่อยออกมาด้วยความเร็วสูง พุ่งตรงไปยังเป้าหมายข้างหน้าทันที
บุรุษชุดดำคนหนึ่งใช้วรยุทธ์หลบหลีก ใบมีดเฉียดแก้มเขาไปด้วยความเร็วที่ทำให้เกิดรอยแผลขนาดเล็กและเสียงหวีดเบา ๆ เสียดสีอากาศ ทันทีที่ใบมีดพุ่งเลยไป ซูซิวเหยาก็กดปุ่มอีกครั้ง ใบมีดกลับมาที่มือของนางด้วยแรงดึงแม่เหล็กที่มองไม่เห็น
“อะไรน่ะ?” อีกคนตะโกนด้วยความประหลาดใจ แต่ไม่ทันที่พวกเขาจะตั้งตัว ซูซิวเหยาก็เปลี่ยนกลยุทธ์ นางขว้างใบมีดออกไปอีกครั้ง คราวนี้เป็นทิศทางที่ตั้งใจให้เป็นการหลอกล่อ
พวกมันทั้งสองพยายามหลบแต่ทันทีที่ใบมีดกลับมา นางเปลี่ยนทิศทางเรียกคืนให้พุ่งกลับมาในมุมที่พวกมันไม่ทันระวัง
บุรุษชุดดำคนหนึ่งกระโดดขึ้นไปบนเพดานของรถม้าด้วยความคล่องตัวที่น่าอัศจรรย์ ก่อนจะเตะลงมาที่หัวของซูซิวเหยา นางรีบใช้ใบมีดป้องกันตัว แต่พลังปราณจากการโจมตีส่งนางกระแทกพื้นอย่างแรง ทว่าหญิงสาวไม่ยอมแพ้ปล่อยมีดออกอีกหนคราวนี้ลูกเล่นของมีดเปลี่ยนไปอีกแบบทำให้ บุรุษชุดดำทั้งสองต้องถอยกลับทันทีเพื่อหลบหลีกอาวุธที่ไม่เคยพบมาก่อน แต่ระหว่างที่พวกมันตั้งหลัก ซูซิวเหยาใช้จังหวะนั้นพุ่งเข้าใส่ ใช้มีดแม่เหล็กแทงไปที่จุดอ่อนของอีกฝ่าย
หนึ่งในพวกมันเซถอยไป ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดขณะที่แสงพลังงานจากมีดส่องประกายบนบาดแผล
“อีกคน เหลือแค่คนเดียว…”
ซิวเหยาหอบหายใจ ร่างกายของนางเปรอะเปื้อนเหงื่อและเลือดจากการต่อสู้อันดุเดือด นางมองร่างชายชุดดำคนแรกนอนนิ่งอยู่บนพื้นอย่างเย็นชา
บุรุษชุดดำคนหนึ่งหมดสติไปแล้ว ส่วนอีกคนที่เหลือ นางจับตัวไว้แน่น มือขวากดมีดพลังงานแม่เหล็กจ่อที่ลำคอของเขา
“บอกมา ใครส่งพวกเจ้ามา!” ซูซิวเหยากระซิบเสียงเย็น ดวงตาของนางแฝงแววอันตราย
ชายชุดดำที่บาดเจ็บหนักหัวเราะแผ่วเบา “เจ้าไม่มีทางรู้หรอก...”
เสียงของเขาแผ่วลงเรื่อย ๆ ก่อนที่ใบหน้าจะซีดเผือด ริมฝีปากของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม ซูซิวเหยาเบิกตากว้างทันที
“เจ้า...!”
นางเข้าใจสถานการณ์ในทันทีชายคนนี้กัดพิษในปากตัวเองเพื่อปิดปากไม่ให้ความลับหลุดออกมา
ร่างของเขาค่อย ๆ สงบนิ่ง ลมหายใจแผ่วเบาขาดหายไปในที่สุด ทิ้งให้ซูซิวเหยายืนกำมีดแน่นด้วยความหงุดหงิด
“พวกมันรอบคอบนัก...” นางพูดกับตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจและซ่อนอาวุธไว้เช่นเดิม
นางรีบกลับไปที่จวนตระกูลซูอย่างระมัดระวังที่สุด ทิ้งร่องรอยของการต่อสู้นองเลือดไว้เบื้องหลัง ขณะที่หัวใจของนางเต็มไปด้วยความสงสัยและความโกรธ
“ใครกันแน่ที่ต้องการตัวข้า”
ระหว่างทางกลับจวนภาพการโจมตีและความรุนแรงที่เกิดขึ้นยังคงฉายชัดอยู่ในหัว
เมื่อถึงจวน นางแอบกลับเข้าห้องพักของตนโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
