บทที่ 14 ปฏิเสธ
“นังวิไลเนี่ยนะจะไปเป็นเพื่อนแก” คุณหญิงย่นคิ้วเข้าหากัน
“ค่ะ พี่วิไล คราวนี้คุณแม่ให้ขวัญไปได้แล้วใช่มั้ยคะเพราะพี่วิไลเป็นคนที่ไว้ใจได้ค่ะ”
“แต่แม่ไม่ไว้ใจ” คุณหญิงตอบเสียงเฉียบ
“คุณแม่” หญิงสาวร้องอย่างตกใจกับคำของมารดา
“ทำไมล่ะคะคุณแม่ พี่วิไลเป็นคนในบ้านเราพี่เขาเป็นคนดีนะคะ”
“แม่รู้แต่แม่ไม่ไว้ใจ”
“คุณแม่คะ” รอยยิ้มสดใสเมื่อครู่จางหายไป พรพรรณเดินเข้ามา หล่อนได้ยินคุณหญิงดวงกมลพูดประโยคสุดท้ายพอดี
“ดวง เห็นใจยัยขวัญบ้างเถอะ”
“พี่พรรณคะ” ดวงกมลไม่ยอมฟังพรพรรณ
“พี่เข้าใจว่าดวงเป็นห่วงลูก พี่ก็เหมือนกัน เป็นห่วงยัยขวัญมากพอๆ กับดวงนั่นแหละ พี่เลี้ยงของพี่มาตั้งแต่แบเบาะยัยขวัญคือแก้วตาดวงใจของพี่ แต่พี่ก็อยากให้หลานได้ทำในสิ่งที่หลานต้องการบ้าง มันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรเลยนะดวง”
คำพูดของพรพรรณทำให้คุณหญิงดวงกมลนิ่งไปครู่หนึ่งหล่อนคิดตามคำของพี่สามี พาขวัญนั่งนิ่งเงียบเช่นกัน
“เอาล่ะ ถ้าพี่พรรณเห็นว่าไม่เสียหายอะไรก็ได้ น้องให้ลูกไปก็ได้”
“จริงเหรอคะคุณแม่” พาขวัญยิ้มอีกครั้งหล่อนโผเข้ากอดรัดมารดาแน่นพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาไม่หยุด
“นี่ๆ พอแล้วไม่ต้องมาประจบฉัน ฉันให้เวลาแกแค่สองเดือนเท่านั้นนะ”
คุณหญิงปัดมือลูกสาวออกน้ำเสียงประชดกรายๆ พรพรรณยิ้มยินดีกับหลานสาวที่คุณหญิงไม่คัดค้านอะไรอีก
“ค่ะ ขวัญขอแค่สองเดือนค่ะ ขวัญไปบอกพี่วิไลก่อนนะคะ” หญิงสาวดีใจอย่างบอกไม่ถูก หล่อนเดินหาวิไลทั่วบ้านทั้งห้องครัว สวนหลังบ้านและชั้นบนก็ไม่พบจึงกลับลงมาข้างล่างอีกครั้ง
“ป้าสำเนียงเห็นพี่วิไลมั้ย”
“เห็นมันเดินไปทางห้องพัก ป่านนี้ยังไม่กลับมาเลยค่ะ คุณหนูมีธุระอะไรกับมันรึเปล่าคะป้าจะไปตามให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะป้า ฉันไปตามเอง” พาขวัญเดินยิ้มออกไป สำเนียงมองตามอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก
วิไลซักผ้าเรียบร้อยแล้วจึงเข้าไปเก็บกวาดห้องพักของหล่อน ความคิดวกกลับไปถึงคำพูดของพรพรรณ หล่อนทรุดนั่งบนเตียงไม้กวาดในมือร่วงลงพื้นโดยไม่รู้ตัว
“พี่วิไล พี่วิไล” เสียงเรียกของพาขวัญเรียกสติที่กำลังลอยไปไกลกลับคืนมา หล่อนสูดลมหายใจลึกๆแล้วเดินออกมาจากห้อง
“คุณหนูมีอะไรเหรอคะ”
“พี่วิไล ฉันมีข่าวดีจะบอก คุณแม่ยอมให้ฉันไปเป็นหางเครื่องแล้วนะแต่ว่าพี่วิไลต้องไปกับฉันด้วย” รอยยิ้มของหญิงสาวเจิดจรัส แต่รอยยิ้มของวิไลหม่นเศร้า
“คุณหนูคะ พี่ไม่พร้อมค่ะ” วิไลเอ่ยเสียงเบา
“ทำไมล่ะ ถ้าพี่ไม่ไปคุณแม่ไม่ยอมให้ฉันไปแน่ๆ ไปเถอะนะนึกว่าช่วยฉัน” พาขวัญหน้าเจื่อนลง ไม่คิดว่าจะได้รับคำปฏิเสธจากวิไล สาวใช้ถอนหายใจแล้วว่า
“พี่ไปด้วยไม่ได้จริงๆ ค่ะ อย่าบังคับพี่เลยนะคะ”
คำปฏิเสธหนักแน่นของวิไลทำให้พาขวัญยืนนิ่งงัน ความดีใจเมื่อครู่พลันมลายหายไปสิ้น หล่อนมองหน้าสาวใช้ครู่หนึ่งจึงหมุนตัวแล้วก้าวห่างออกมา วิไลมองตามด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยเหลือผู้เป็นนายได้
“พี่ขอโทษค่ะคุณหนู”
ธนัญญาโทรศัพท์ติดต่อเลขาฯของวงศกรทันทีที่หล่อนตัดสินใจจะหาข้อมูลจากเขาเพื่อนำมาเขียนหนังสือ ปานจิตกับลักษมีเตือนหล่อนอีกครั้งเพราะได้ยินกิตติศัพท์ของวงศกรเกี่ยวกับผู้หญิงมาพอสมควร
“นัญ แกเขียนเรื่องอื่นเถอะฉันไม่อยากให้แกใกล้ชิดกับคุณวงศกร ฉันเป็นห่วง”
ปานจิตเอ่ยขึ้นหล่อนไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ธนัญญาคิดจะทำ หล่อนรู้ว่าเพื่อนต้องการเอาชนะพาขวัญแต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอาชนะกัน ถ้าต้องการเขียนหนังสือให้คนอยากอ่านไม่จำเป็นต้องเข้าไปใกล้กับวงศกรนักธุรกิจชื่อดังคนนี้
“ขอบใจที่เป็นห่วง แต่ยังไงฉันก็จะเขียนเกี่ยวกับชีวิตนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ไฟแรงคนนี้ ชีวิตของเขาน่าสนใจมากนะแก กว่าเขาจะก้าวขึ้นมายืนเป็นนักธุรกิจชั้นแนวหน้าได้ เขาผ่านอุปสรรคมานานับประการเลยนะ ใครๆ ก็ต้องอยากรู้ว่าเขาผ่านอุปสรรคมาได้ยังไง ใช่มั้ย หนังสือของฉันต้องมีคนอยากอ่าน หนังสือของฉันต้องได้ตีพิมพ์แน่นอนแก” ธนัญญามั่นใจในการตัดสินใจของตัวเอง
“เขาจะให้ข้อมูลส่วนตัวกับแกง่ายๆ เหรอนัญ” ลักษมีขัดขึ้น
“แกไม่ต้องห่วงหรอกน่ะหมี ฉันมีวิธีของฉัน คุณวงศกรต้องเต็มใจเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฉันฟังทั้งหมดแหละ” ธนัญญายิ้มกับความคิดของตัวเอง
“ดูแกมั่นใจเหลือเกินนะนัญ” ปานจิตประชด
“แน่นอนย่ะเพราะคุณวงศกรใจดีมาก เมื่อกี้เขาบอกกับเลขาฯ ให้นัดฉันเข้าไปพบพรุ่งนี้ ฉันต้องชนะยัยขวัญ หนังสือฉันต้องดีกว่าของยัยนั่น”
