บทที่ 1 (3)
“แล้วนี่ฟ้าอยู่ที่ไหนแล้ว วันนี้ขึ้นบินใช่ไหม พอจะกลับมาหาพี่ทันไหม”
“โอ๊ย ไม่ทันหรอกพี่น้ำ ฟ้าเพิ่งมารายงานตัวที่ไฟลท์เอง อีกสองชั่วโมงก็ขึ้นบินแล้ว ยังไงก็กลับไปหาพี่น้ำตอนนี้ไม่ได้แน่ค่ะ”
“แล้วฟ้าจะให้พี่ทำยังไง ในเมื่อสัญญานี่มันบอกว่าพี่ต้องไปเป็นนางบำเรอให้เขา!”
วิกานดาร้องบอกขณะที่ในใจนั้นวุ่นวายเหลือเกิน หญิงสาวไม่โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่าคำว่า ‘นางบำเรอ’ นั้นหมายถึงอะไรหรือต้องทำอะไร แต่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะต้องไปเป็นนางบำเรอให้ใคร
ข้างฝ่ายวิลาสินีถึงกับสะดุ้ง ไม่คิดว่า ภาคินจะเขียนช่องว่างที่เว้นไว้นั้นอย่างตรงไปตรงมา ก็เล่นเขียนลงไปแบบนี้สิเล่าพี่สาวของหล่อนถึงได้ตกใจ
คนบ้า! จะเขียนอ้อมๆ กว่านี้ก็ไม่ได้นะ
“ไม่...เอ่อ ไม่ถึงขนาดนั้นมั้งคะ แล้วคนของเขาว่ายังไงบ้างคะ”
“เขาบอกว่า เขามารับพี่ไปหาคุณภาคินตามสัญญาเอกสารนี่”
หญิงสาวบอกน้องสาวด้วยความกังวลมากมาย นัยน์ตากลมโตมองลอดแว่นลงไปยังตัวหนังสือสัญญาที่หล่อนแทบอยากขยำมันปาทิ้ง แต่ก็ไม่กล้าทำ เพราะมีบางอย่างในกระแสความรู้สึกที่ส่งมาจากนายร่างยักษ์ที่ยืนอยู่หน้าบ้านนั้นบอกว่าหล่อนไม่ควรลองดี
“งั้นพี่น้ำคงต้องไปหาเขาสักครั้งแล้วละค่ะ เพราะภาคินเขาเป็นคนจริงจัง คิดจริง พูดจริง ทำจริง ถ้าพี่น้ำไม่ทำตามสัญญาของเขา บ้านเราก็จะถูกยึดนะคะ”
“เขาจะมายึดได้ยังไง ในเมื่อบ้านนี้เป็นชื่อของพี่ แล้วเราสองคนพี่น้องก็ไม่ได้เป็นหนี้เป็นสินอะไรเขา”
“ยึดได้สิคะ ถ้าเขาใช้สัญญาเป็นตัวบังคับ” น้องสาวตัวร้ายกล่าวเสียงอ่อย “ยังไงพี่น้ำก็ลองไปพบกับภาคินหน่อยก็แล้วกันค่ะ เขาเป็นคนดีนะคะ ไม่ใช่ผู้ชายร้ายกาจ บางทีเขาอาจจะแค่อยากคุยกับพี่ก็ได้นะคะ”
วิลาสินีพยายามตะล่อมพี่สาวอย่างสุดฤทธิ์ แต่ในใจนั้นกลับเชียร์ภาคินไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย หล่อนอยากรู้เหลือเกินว่าถ้าเขาได้เจอกับพี่สาวของหล่อนแล้วจะรู้สึกยังไง ถึงแม้พี่ต้นน้ำของหล่อนจะดูเหมือนสาวทึนทึกภายใต้แว่นตาหนาเตอะก็เถอะ
แต่ใครๆ มักบอกว่าสาวเรียบร้อยมักเซ็กซ์จัด หล่อนก็อยากรู้เหมือนกันว่าภาคินจะร่ายมนต์ให้พี่สาวของหล่อนแสดงความรู้สึกนั้นกับเขาได้หรือเปล่า หรือว่าพี่สาวจะสามารถทำให้เขาหันมามองจนเกิดความต้องการซึ่งกันและกันได้หรือเปล่า
“แต่สัญญานี่มันบอกว่าพี่ต้องไปเป็นนางบำเรอให้เขานะ ยัยฟ้า!”
“ฟ้าขอโทษ แต่ฟ้าเมานี่” เจ้าหล่อนเถียงกลับเสียงอุบอิบเต็มทน
“งั้นสัญญาก็เป็นโมฆะ เพราะพิสูจน์ไม่ได้ว่าตอนฟ้าเซ็น ฟ้ามีสติดีอยู่”
วิกานดาบอกตามข้อกฎหมายที่หล่อนเคยรู้มาว่า การจะเซ็นอะไรลงไปต้องให้คนเซ็นสัญญาอยู่ในสติครบถ้วนสมบูรณ์ดีและมีหัวข้อยืนยันด้วยว่าเป็นผู้เซ็นเองในตอนนั้นจริง แต่น้องสาวตัวร้ายของหล่อนกลับแย้ง
“แต่มันก็พิสูจน์ไม่ได้นี่นาพี่น้ำ ว่าฟ้าไม่มีสติจริง คนที่รู้ก็มีแต่ภาคินเท่านั้นแหละค่ะพี่น้ำ”
“โอ๊ย ยัยฟ้า!” วิกานดาร้องออกมาอีกครั้ง ไม่รู้จะทำยังไงกับตัวเองดี หญิงสาวไม่รู้จักภาคิน เทรซ ทาลอสซา หรือทริเซียนโน เทรซ ทาลอสซาคนนี้เลยแม้แต่น้อย ที่เคยได้ยินก็มีแต่ตอนที่น้องสาวเล่าให้ฟังว่าเท่านั้น ว่าคบหากับฝ่ายนั้นแบบเพื่อน แถมฝ่ายนั้นก็ยังเป็นผู้ชายที่ทั้งหล่อและอันตรายเสียด้วย
แล้วจะให้หล่อนพาตัวเองใส่พานไปให้เขาได้ยังไง
“งั้นพี่จะไล่สองคนนี้กลับไป พี่ไม่ไปหาภาคินคนนั้นหรอก” หล่อนบอกอย่างตัดสินใจเด็ดขาด แม้ว่ามันจะดูเหมือนการตัดสินใจลงเหวอยู่ก็ตามที
“ถ้าพี่น้ำไม่ไป แล้วเขายึดบ้านเราไปจะทำไงล่ะคะ บ้านนี้เป็นบ้านที่พ่อกับแม่ทิ้งไว้ให้เรานะ พี่จะให้เขาพรากสมบัติชิ้นสุดท้ายของครอบครัวเราไปเหรอ” น้องสาวตัวดีพยายามหว่านล้อมสุดขีด
“ก็แล้วทำไมจะต้องเป็นพี่ด้วยล่ะ!”
“งั้นพี่น้ำก็ไม่ต้องไปหาเขา แล้วรอให้บ้านเราถูกเขายึดก็ได้ค่ะ อีกอย่างนะ ทริเซียนโนทำจริงแน่ค่ะ โอ๊ะ พี่น้ำ เดี๋ยวฟ้าต้องไปแล้วนะ หัวหน้าเรียกเข้าไฟลท์แล้วค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ แต่ยังไงฟ้ายืนยันได้ว่าเขาเป็นคนดีจริงๆ เขาจะไม่บังคับถ้าพี่ไม่ตกลง แล้วเขาก็ไม่ทำร้ายผู้หญิงแน่นอนค่ะ”
น้องสาวตัวดีพูดแล้วก็วางสายไปแทบจะทันที ไม่รอให้หล่อนได้ทักท้วงอะไรอีกต่อไป ปล่อยให้วิกานดาอยู่กับการตัดสินใจของตัวเอง ที่ไม่ว่าทางไหนหล่อนก็แพ้อยู่ดีนั้นแหละ
“เอางั้นก็ได้ ฉันจะไปพบคุณ แต่เป็นในรูปลักษณ์ที่คุณจะไม่ต้องการฉันอีกเลย ไม่เชื่อก็คอยดู!”
