5
“นี่คุณ.!..” ปานอัปสรกำลังจะอ้าปากต่อว่าแต่ก็ต้องตาค้างสวรรค์พัง ครืนในชั่วพริบตา เพราะผู้ชายตรงหน้าคือเจ้าหนี้หนุ่มหล่อ ที่ยืนกอดอกหน้าตาเคร่งเครียด ถึงแม้เขาจะอยู่ในลุคที่แตกต่างจากเมื่อตอนบ่ายราวกับหนุ่มชาวไร่แต่ก็เห็นอยู่ว่าแบรนด์เนมทั้งตัวโดยเฉพาะกลิ่นน้ำหอมที่หล่อนจำได้ดี
“คิดจะเบี้ยวหนี้?” สายตาคมปลาบกวาดไล่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สมกับคำว่านางฟ้านางสวรรค์หล่อนลืมไปหรือเปล่าว่าต้องเดินดิน ..........ริมฝีปากบิดโค้งหัวเราะหึหึในลำคอ พร้อมกับแววตารู้ทันนั่นทำให้คนตรงหน้าออกอาการขยับยุกยิกหน้าตาเลิ่กลั่ก
“เปล่า...ใครเบี้ยว..ไม่มี้..รีบไปกันเถอะค่ะ…ว่าแต่มีค่าล่วงเวลาด้วยไหมอ่ะ...เนี่ยฉันลงมาก่อนเวลานัดตั้งหลายนาที” หญิงสาวพูดออกไปตามประสาคนที่จำเป็นต้องงก เพราะชีวิตช่วงนี้มีค่ามากเหลือเกิน ค่าเช่า ค่ากินค่าอยู่....
ปานอัปสรมองหน้านายจ้างหนุ่มพร้อมกับลุ้นรอคำตอบแต่ก็เห็นเขาทำเพียงดึงแผ่นกระดาษออกจากซองเอกสาร
“..คุณ......”
“อลัน...ผมชื่ออลัน” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับยื่นเอกสารปากกาไปตรงหน้าหญิงสาว
“อะไรคะ”
“สัญญาจ้างงาน เดือนละแสน”
ปานอัปสรคำนวณอย่างว่องไว เดือนละแสนไม่ถึงปีก็ใช้หนี้หมด ถึงตอนนั้นข่าวคงซาไปมากแล้วค่อยกลับมาทำงานก็ยังไม่สาย หญิงสาวยิ้มกริ่มคว้าเอกสารมาเซ็นชื่อลงไปโดยไม่เสียเวลาอ่านสักนิด...พอส่งคืน เจ้าหนี้หนุ่มก็หันหลังเดินนำออกไปไม่พูดไม่จา
ปานอัปสรเดินตามชายหนุ่มไปในใจก็ค่อนแคะ ดูเอาเถอะปล่อยให้สาวสวยลากประเป๋าใบโตเดินตามต้อย ๆ ในขณะที่ตัวเองเดินนำตัวปลิว....ชิ !.......เฮ้อ....ฉันจะไปคาดหวังอะไรกันเล่าในเมื่อเขาไม่ชอบผู้หญิง…..น่าเสียดายความหล่อล่ำชะมัด......
“ห๊ะ....รถคุณ”หญิงสาวคาดไม่ถึง ว่าพาหนะที่เขาขับมารับนั้น เป็นรถกระบะ ขับเคลื่อนสี่ล้อยกสูง ติดกันชนรอบคัน ความสงสัยสับสนตีกันอึงอลในสมอง ปานอัปสรก้มมองเครื่องแต่งกายของตัวเอง….ก่อนจะถอนหายใจออกมาดัง ๆ
“ทำไม?” สายตาคมดุตวัดมองหน้าอย่างเอาเรื่อง
“ปะ...เปล่าค่ะ” หญิงสาวสั่นหน้า คำถามทั้งหลายแหล่หายวับไปกับท่าทางที่พร้อมจะมีเรื่องได้ทุกเมื่อ
“ขึ้นรถ....”
“รู้แล้วน่า” ถึงแม้จะหวั่นเกรง แต่หล่อนก็ไม่ใช่คนที่จะสงบปากสงบคำได้นานนัก หญิงสาวลากกระเป๋าไปที่ท้ายรถ พยายามจะยกมันขึ้นไปแต่ก็จนใจเพราะมันหนักและใหญ่โตมาก.....
“ถอยไป.....”
เสียงห้าวดังอยู่เหนือศีรษะหญิงสาวก่อนที่อลันจะดึงกระเป๋าออกจากมือลูกหนี้สาวอย่างหงุดหงิด เขาเหวี่ยงมันขึ้นไปนอนกลิ้งอยู่ท้ายกระบะส่ง ๆ ไม่เกรงใจโลโก้แบรนด์ดังเลยสักนิดของแท้นะยะ....
“โอ๊ย...นี่คุณ...เบาหน่อยสิของ ๆ ฉันไม่ได้บาทสองบาทนะ” ปานอัปสรชักสีหน้านัยน์ตาขุ่นขวาง ตวาดแว๊ดอย่างลืมตัว...หล่อนอุตส่าห์ทะนุถนอมดั่งลูกรักแต่เขากลับทำเป็นไม่แยแส....
เรือนร่างสูงใหญ่ไม่แม้แต่จะหยุดฟัง เขาก้าวขายาว ๆ ไปเปิดประตูทางด้านคนขับก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์เสียงดังกระหึ่ม ปานอัปสรลนลานเข้าไปเปิดประตูอีกด้าน รีบโหนตัวปีนขึ้นไปอย่างทุลักทุเล ไม่เคยมีครั้งใดที่หล่อนจะรู้สึกหมดความภาคภูมิใจกับรองเท้าคู่สวยของหล่อนเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย...นึกโมโหคนตัวโตที่นั่งหน้าตูม แทนที่จะบอกสักหน่อยว่าจะพาหล่อนไปทำงานที่ไหน จะได้เตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมกว่านี้เท่าที่เห็นรถที่มารับนี่ก็พอจะเห็นลางหายนะรำไรแล้วล่ะ
“คุณ....เราจะไปที่ไหนกันหรือคะ” หญิงสาวไม่เก็บความสงสัยไว้นานทันทีที่เข้ามานั่งในรถเรียบร้อยก็เอ่ยปากถามทันที
“ชายแดน”
“เฮ้ย ! ไม่นะ...หนี้แค่นี้เอง เดี๋ยวฉันเอากระเป๋า รองเท้าออกไปขายสักสองสามชิ้นก็ใช้หนี้หมดแล้วเหลือ ๆ น่า..........จอด ๆ ๆ เดี๋ยวนี้เลย” นางแบบสาวออกคำสั่งปากคอสั่น ถ้าถึงกับเอาหล่อนไปส่งขายชายแดนหล่อนยอมอายเอาของออกขายดีกว่า
“สายไปแล้วแม่คุณไม่ได้อ่านสัญญาหรือไง” ชายหนุ่มเหลือบมองสาวข้างกายแล้วไม่แน่ใจว่าจะสงสารหรือสมเพชหล่อนดี เพราะแบบนี้ใช่ไหมถึงได้พาตัวเองมาพบกับจุดจบแบบนี้ ไม่มีความละเอียดรอบคอบเอาเสียเลย....สมงสมองคงไม่ค่อยได้ใช้
“ไม่ ! ฉันไม่ไปแล้ว จอดรถเดี๋ยวนี้....จอดรถสิ....ไอ้บ้าเอ้ย !” ปานอัปสรตะโกนลั่นหล่อนเริ่มกลัวอกใจสั่นไหวระรัว เมื่อวานไม่ทันคิดเพราะเห็นเขาท่าทางดีน่าเชื่อถือไม่น่าจะเป็นมิจฉาชีพไปได้เลย บางทีเขาที่เห็นคนเมื่อวานเขาอาจจะเป็นภาพที่สร้างขึ้นก็ได้...จริงดิ...เดี๋ยวนี้มันเช่าได้ทุกอย่างนี่หว่า....
