05 - จูบกระชากวิญญาณ
“คุณต้องสัญญาว่าจะเลี้ยงอาหารค่ำหนูก่อน”
“เอาสิอยากทานอะไรมาว่า!”ทายาทมหาเศรษฐียักไหล่อย่างใจปั้ม อย่าว่าแต่เลี้ยงมื้อค่ำเลยหากเขาพอใจใครสักคนซึ่งชีวิตนี้ก็ยังไม่เคยรู้สึกเช่นนั้น ไม่ว่าอยากได้อะไรจะหามาให้เพียงแค่เจ้าหล่อนจะต้องอยู่ใต้อาณัติของเขาเท่านั้น
“อย่าหลอกหนูนะ ไม่งั้นถ้าหนูงอนขึ้นมาจะรู้สึก”สายตาล่อกแล่กเหมือนกำลังจับผิดว่าเขาจะหลอกเธอหรือเปล่า ทว่าก็ต้องระบายยิ้มสดใสออกมาเมื่อเขาเดินไปขึ้นรถแทนที่จะเปล่งวาจาใดๆ ออกมา
“จะไปก็ขึ้นรถอย่าลีลา”
“ค่า!!!!”เนตรอักษรขานรับเสียงที่ดังเล็ดรอดผ่านกระจกรถที่ถูกลดลงในคราแรก ก่อนจะวิ่งขึ้นรถอย่างไม่รอช้าอีกต่อไปโดยที่เจ้าหล่อนไม่ฉุกคิดไตร่ตรองว่าคนที่เพิ่งคุยกันเพียงไม่กี่นาที
DOMINIC RESTAURANT
“โฮ!! ทำไมหรูจังค่ะ”สายตาหวานกวาดมองความตกแต่งและความหรูหรามีสไตล์ระดับภัตตาคาร โดยเท้าเล็กยังคงก้าวเดินต่อไปโดยไม่ได้มองร่างสูงที่หยุดเดินกะทันหัน
ตุ้บ!!
“อุ๊ย!! คุณหยุดเดินทำไมคะ”ร่างเล็กล้มไปกองอยู่บนพื้นกระเบื้องขัดเงา ขมวดคิ้วเรียวจนชนกันมองค้อนเขาให้ ก่อนจะลูบสะโพกมนที่ปวดระบบเมื่อโดนกระแทกอย่างแรง
“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นนะ เธอเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเอง”ร่างสูงสง่ายืนจ้องมองคนตัวเล็กกระจ่อยร่อยที่นั่งแมะบนพื้นเย็นเฉียบ เอื้อมมือไปกดลิฟต์อย่างไม่สนใจอาการฟึดฟาดของสาวน้อย
“...”เนตรอักษรเม้มปากตัวเองแน่นเมื่อรู้สาเหตุว่าทำไมชายหนุ่มถึงหยุดเดิน เพราะทางข้างหน้าเป็นทางตันที่มีประตูลิฟต์ไว้คอยบริการลูกค้านั่นเอง
“ลุกขึ้นสิ! ฉันหิวจะแย่แล้ว”
“หะ....หิวอะไรคะ”
“ฉันไม่ได้หิวเธอก็แล้วกัน”หน็อยแน่ริอ่านมารู้ความต้องการของเขา~ แต่จอมเย็นชาอย่างเขาไม่ชอบเอ่ยปากพลั้งวาจาว่าอยากจะเขมือบใคร นอกเสียจากว่าเขาพอใจและกระดิกนิ้วเพียงเท่านั้น แต่เด็กสาวคนนี้ทำให้ชายหนุ่มอยากจะต้อนเจ้าหล่อนอย่างช้าๆ
“หนูก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย คนแก่ชอบคิดเองเออเอง”ว่าพลางเดินเข้ามาในลิฟต์ที่ชายหนุ่มยังมีกระจิตกระใจสั่งการเปิดรออยู่ลุกขึ้นจากพื้น
“ฉันอายุแค่สามสิบเองนะ เลิกเรียกฉันว่าลุงสักที”เอ๊ะอ๊ะก็เรียกคุณลุง เธอเห็นว่าเขาแก่คราวพ่อเชียวหรือ มิหนำซ้ำคริสโตเฟอร์ก็ย้ำเธอสองครั้งแล้วว่าเขามีชื่อเรียก
“ก็ชื่อคุณยาวหนูเรียกลุงน่ะดีแล้วค่ะน่ารักดีออก”
“เรียกฉันว่าคริส หรือถ้ามันยากนักจะครางก่อนไหมจะได้ติดปาก”เนตรอักษรหัวเราะคิกคักอย่างไม่กลัวคำขู่ของเขาราวกับว่ากำลังท้าทายคริสโตเฟอร์ก็ไม่ปาน
“คุณไม่กล้าจับเด็กกะโปโลอย่างหนูเป็นเมียหรอกค่ะ”เธอจะรู้ดีไปกว่าตัวเขาเองได้ยังไงกัน ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างดูแคลนในถ้อยคำของเด็กไม่ประสาและรู้จักผู้ชายดี ก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออกกว้างเมื่อถึงชั้นดาดฟ้า
“โอ้โห้!!!”เด็กสาวอ้าปากค้างตะลึงกับสิ่งที่เห็น ก่อนจะขึ้นมาด้านบนเธอเองก็คิดว่าจะมีชั้นรับแขกหลายโต๊ะ ทว่าทุกอย่างกับผิดคาดเมื่อตอนนี้มีเพียงเขาและเธอเท่านั้น บรรยากาศรอบกายเย็นสบายมีแสงเทียนสีแดงส่องสว่างอยู่บนโต๊ะอาหารขนาดใหญ่
“...”คริสโตเฟอร์ปรายตามองเธอก่อนจะลอบยิ้มออกมา เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ไม่เคยขับรถให้ผู้หญิงคนไหนนั่ง ไม่เคยต้องมานั่งคิดว่าเธอเป็นใครมาจากไหน ไม่เคยอยากจะครอบครองใครเพียงได้อยู่ใกล้เพียงครั้งแรกที่ได้แนบชิดกันขนาดนี้
เขาส่งข้อความหานิโคลัสให้จัดการทุกอย่างให้ และไม่ใช่เรื่องยากอะไรหากจะจัดเตรียมสถานที่ได้รวดเร็วในขณะที่เขาขับรถมาที่นี่ เพราะนี่คือภัตตาคารของเขาหนึ่งในธุรกิจที่เปิดได้ไม่กี่ปี
“นี่อะไรคะเค้าเรียกว่าอะไร??”ร่างเล็กมองจานอาหารหน้าตาหลากหลายอย่างเนื้อเต้น ใช่ว่าเธอจะไม่เคยกินอาหารอิตาลีทว่าเมนูที่อยู่ตรงหน้ามันแปลกตาออกไปจึงทำให้สงสัยขึ้นมา
“เธอนี่มันเด็กขี้สงสัยจริงๆ นั่งลงแล้วกินๆ เข้าไป”คริสโตเฟอร์จับไหล่บางดันร่างของเจ้าหล่อนโดยฝ่ามือเพียงข้างเดียว ก่อนจะใช้อีกมือดึงเก้าอี้เบาะนุ่มกดเด็กสาวให้นั่งลงโดยที่เขาเลือกที่จะนั่งข้างๆ เธอเช่นกัน
“คุณลุง อุ๊ย...”
“เรียกฉันว่าคริส”นิ้วเรียววางทาบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มเพื่อให้เธอหยุดพูดก่อนจะย้ำอีกครั้งว่าให้เจ้าหล่อนเรียกชื่อของเขา
“ถ้าไม่เรียกคุณจะจูบหนูเหมือนตอนที่อยู่ในไฮสคูลใช่ไหม?”เฮ้อ~ เด็กหนอเด็ก เหมือนจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เธอจะรู้บางหรือเปล่าว่าความไร้เดียงสากับคำถามตรงไปตรงมาพวกนี้จะย้อนกลับไปทำร้ายตัวเอง
“ถ้าเธอถามฉันอีกคำเดียวฉันจะจับเธอทำเมียซะ!!”
“ไม่ถามแล้วค่ะไม่ถามแล้ว งั้นหนูทานเลยนะหิวมาก...”หญิงสาวเลือกที่จะสงบปากสงบคำ ลากเสียงบอกชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างตนเพื่อบ่งบอกว่าเธอจะไม่ตั้งคำถามกับเขาอีก
เนตรอักษรจัดการกับตนเองโดยการใช้ผ้าเช็ดปากที่ถูกตระเตรียมเอาไว้วางบนหน้าตัก ก่อนจะลงมือทานอาหารหน้าตาสุดพิสดารทว่ารสชาติกับถูกปากเธอเป็นที่สุด จนเด็กสาวเผลอกินมูมมามโดยหลงลืมไปว่าไม่ได้นั่งอยู่ที่นี่คนเดียว
คริสโตเฟอร์มองภาพของคนตัวเล็กอย่างเก็บไว้ในหัวสมองทุก อากัปกิริยา เด็กคนนี้มีแรงดึงดูดมากมายที่ทำให้เขาอยากยื่นข้อเสนอบางอย่างไปให้เพื่ออยากจะครอบครองเธอทั้งตัวและหัวใจ
“หืม...หนูว่าอันนี้ต้องอร่อยแน่ๆ เลย”ร่างเล็กลุกขึ้นยืนโน้มตัวเข้าหาอาหารจานเยี่ยงตัวฝั่งด้านซ้าย แต่ทว่าสิ่งที่เธอต้องการมันไกลเกินเอื้อมเนื่องจากโต๊ะอาหารกว้างเกินไปและยังมีคริสโตเฟอร์นั่งอยู่เธอจึงถอดใจ
“ว๊าย!!”เสียงกรีดร้องของเธอดังขึ้นเพราะถูกฉุดเข้าสู่อ้อมกอดของเขา ท่อนแขนล่ำรองรับทั้งร่างของเธอเอาไว้ในท่าโอบไหล่ ดวงตากลมโตจ้องมองเขาด้วยความงงงวยว่าเกิดอะไรขึ้น
“อื้อ อืม!!!”ไม่มีคำตอบใดๆ เล็ดลอดออกมาจากปากของชายหนุ่มมีเพียงเสียงคำรามในลำคอลั่น ริมฝีปากหนาจรดลงบนกลีบปากระเรื่อโดยที่เจ้าหล่อนไม่ทันตั้งตัวด้วยความอดใจไว้ไม่ไหว
ความหอมจากกายสาวแรกแย้มทำให้สติของคริสโตเฟอร์ขาดสะบั้น ไหนจะกายเล็กทว่าอวบอิ่มไปทุกสัดส่วนบวกกับผิวกายอันขาวโพลนราวกับน้ำนมขาวก็ทำให้เขาอยากสัมผัสเจ้าหล่อนไปทั้งตัว
“อืม...”ด้วยความไม่ประสาทำให้เนตรอักษรอ่อนระทวยไปทั้งตัวยกแขนคล้องลำคอแกร่งเอาไว้ ขยุ้มเรือนผมนุ่มของชายหนุ่มอย่างเคลิบเคลิ้มในขณะที่ลิ้นหนาค่อยๆ แทะเล็มสอดแทรกเข้ามาเชยชิมความหอมหวานจากอุ้งปากบาง
คริสโตเฟอร์หายใจฟึดฟาดด้วยความปรารถนาอย่างสุดแรงกล้า ไม่เคยมีหญิงใดทำให้เขาลุ่มหลงเพียงแค่จูบโดยการลุกล้ำด้วยปลายลิ้น ไม่เคยมีหญิงใดทำให้เขาร้อนลุ่มดั่งไฟสุมเช่นนี้มาก่อน
“อื้อ!!!”ฝ่ามือน้อยผลักดันแผงอกกว้างให้เขาผละจูบที่กำลังกระชากวิญญาณออกจากร่างของเธอโดยการแย่งอากาศหายใจ เนตรอักษรแทบแดดิ้นตายเสียให้ได้เมื่อพยายามผละหน้าให้ริมฝีปากแยกออกจากกัน ทว่าฝ่ามือหนากลับล็อคท้ายทอยเล็กให้เธอรับจุมพิตอันแสนดูดดื่มของเขา
“น้ำอุ่น~”เสียงห้าวแหบพร่าเรียกชื่อของเจ้าหล่อนหลังจากถอนจูบอันร้อนแรงออกอย่างแสนเสียดาย มองปากอิ่มบวมเจ่ออ้าจากกันกว้างโกยอากาศเข้าปอด
“คุณกำลังฆ่าหนูตายรู้หรือเปล่า”เธอมองค้อนเข้าให้ทำไมชายหนุ่มชอบทำอะไรจาบจ้วงเช่นนี้ ทั้งที่หญิงสาวเองก็ไม่คิดว่าเขาจะจูบเธออย่างเอาเป็นเอาตายราวกับไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อนในชีวิตอย่างไรอย่างนั้น
