03 - สืบประวัติ
“พระเอกเจ้าเล่ห์มากเลยค่ะ หวังกินตับนางเอกตลอดเลย”เธอพุดตามที่ตนเคยอ่านมาอย่างไม่โกหกหรือปิดบัง ก่อนจะเห็นแสยะยิ้มฝ่ามือหนาเลื่อนลงมาประคองเอวคอดกิ่วลูบไล้เป็นวงกลมแผ่วเบา
“งั้นหรือ”เขาชักอยากจะสนุกกับเด็กคนนี้เสียแล้วสิ ทั้งที่ไม่เคยอยากแตะต้องผู้หญิงคนไหนเลย แต่ก็ใช่จะไม่เคยริลองเซ็กส์อันร้อนแรงมาก่อนตรงกันข้ามเขากับช่ำชองเสียด้วยซ้ำเพียงแค่ไม่กินใครพร่ำเพื่อ
“ใช่ค่ะ! อุ๊ย...คุณลุงเอามือออกจากก้นหนูนะ”มือน้อยคว้าข้อมือหนาของเขาเอาไว้ หยุดยั้งการเคลื่อนย้ายเลื่อนลงต่ำลูบคลำสะโพกงามงอนของตน
“อืม!! อยากเป็นแอร์โฮสเตสเหรอ”คริสโตเฟอร์กระแอมในลำคอเรียกสติที่หลุดลอยกับเรือนร่างบอบบางให้กลับมา ชายหนุ่มปล่อยเจ้าหล่อนให้เป็นอิสระก่อนจะหย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานดังเดิม
คราแรกเขาคิดว่าจะกลับบ้านหลังใหญ่ ทว่าตอนนี้กลับเปลี่ยนใจเมื่อมีบางอย่างทำให้จอมเย็นชาอยากจะอยู่ที่สนามบินต่อ สายตาคมกวาดมองสำรวจกายเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างอ่านกิน พอใจในรูปร่างของเด็กสาวที่อยากจะเป็นแอร์โฮสเตส
“หนูอยากแต่งตัวสวยๆ อยากทำงานบริการค่ะ”
“อืม!!....ไหนมานี่สิ”มือหนาตบลงบนหน้าแข็งแรงของตัวเองสื่อให้เธอรู้ว่าเขาต้องการอะไร
“เมื่อยหรือคะ หนูนวดให้นะ”พับผ่าเถอะ! ซื่อบื้อฉิบให้ตายเถอะ ดูสิเธอกำลังวางฝ่ามือนุ่มนิ่มบีบนวดตรงจุดที่เขาตบลงเมื่อครู่ ชายหนุ่มกลอกตายไปมาตวัดเอวบอบบางเข้ามาตัว
“อุ๊ย!! มีอะไรเหรอคะ”เนตรอักษรสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ เธอก็ถูกรวบให้นั่งบนตักของเขา ทว่าวงแขนแกร่งที่โอบกอดเธอนั้นทำให้เธอรู้สึกถึงความแนบชิดมากเกินไป
“เธอชื่ออะไร?”เสียงเข้มเอ่ยถามที่ข้างหูพานทำให้ขนในกายสาวลุกชัน เอียงคอหลบลมหายใจอุ่นที่รินรดบริเวณต้นคอขาวผ่องของตน
“หนูชื่อน้ำอุ่นค่ะ นางสาวเนตรอักษร พัชรกุ....”
“พอแล้วเธอเป็นคนไทยเหรอ”คริสโตเฟอร์ถามสังเกตตั้งแต่ผิวพรรณรูปร่างหน้าตาเขาก็คิดแค่ว่าเด็กสาวคงมีเสี้ยวไทยบ้าง เพราะเขาและเธอสื่อสารกันเป็นภาอิตาลีมิหนำซ้ำสำเนียงก็เหมือนเจ้าของภาษา ทว่าชื่อแบบนี้มีเพียงคนไทยเท่านั้นที่ตั้งเพราะมารดาของเขาก็เป็นคนไทยและเขาเองก็เคยอยู่ไทยมาก่อน
“เอ๋!! คุณลุงพูดภาษาไทยได้”เมื่อได้ยินคำที่ชายหนุ่มพูดภาษาบ้านเกิดเมืองนอนที่เธอจากมาได้ไม่กี่ปีหลังจากผู้เป็นแม่จากโลกไป เนตรอักษรมองหน้าเขาอย่างรอคำตอบ
“น่าแปลกตรงไหนในเมื่อคนเราจะพูดกี่ภาษาก็ได้จริงไหม”เขายักไหล่ตอบโดยไม่ได้บอกว่าเขาเองก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขเป็นคนไทยครึ่งหนึ่งเหมือนกัน ก่อนจะพูด 5 ภาษาสลับไปมาทว่าเด็กหัวดีดันรู้ความหมายมันดีทุกคำ
“เดี๋ยวสิเมื่อกี้คำสุดท้ายมันคือภาษาดัตช์นิ คุณลุงขา~ หนูไม่เคยเรียนภาษานี้เลย”หญิงสาวหลงลืมเอี้ยวตัวหาเขาเขย่าแขนล่ำไปมาอยากรู้คำพูดของเขาเมื่อครู่
“แล้วที่ว่าพูดได้ 4 ภาษาล่ะ?”
“ก็ได้แค่ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี แล้วก็ไทยค่ะ”เสียงหวานเอ่ยเจื้อยแจ้ว แม่ของเธอมักจะสนับสนุนการเรียนภาษาของเธอเป็นหลักโดยการส่งไปเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนทุกวันจนเธอพอสื่อสารได้บ้างในภาษาที่ตนเลือกเรียน
“รู้ไหมว่าคนที่ทำงานในนี้พูดได้อย่างน้อยคนละ 6 ภาษา และหากต่ำกว่านี้ถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณา”
“อ่ะอ้าว~ แย่จังเลยนะคะ งั้นหนูคงต้องเรียนเพิ่มอีก 2 ภาษา”ไม่ว่าเปล่าทำทีลุกจากตักแกร่งเมื่อรู้สึกว่ามือไม้ของเขาเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข ทว่ากับทำไม่ได้อย่างใจนึกเมื่อเขากอดเธอแน่นขึ้น
“อื้อ~ หายใจไม่ออก”คริสโตเฟอร์กระชับอ้อมกอดมากขึ้น เผลอสุดดมเรือนผมหอมเข้าอย่างเต็มปอด ใช้มือข้างที่ว่างช้อนดวงหน้างามให้หันเอียงข้างมองริมฝีปากอวบอิ่มสั่นระริกหมายจะกดปากหยักประกบเข้าหากันด้วยความหลงใหล
“คุณลุงค่ะ หนูต้องกลับบ้านแล้วค่ะ”เนตรอักษรใช้จังหวะที่เขาผ่อนแรงโอบกอดตนสะบัดตัวออก ถอยหลังผละห่างจากชายหนุ่มที่ส่งสายตาดุมาให้เธอก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องทำงานนี้
“เด็กบ้าเอ้ย!!!”คริสโตเฟอร์พ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิดทุบกำปั้นลงบนโต๊ะระงับอารมณ์บางอย่างที่แทรกซ้อนเข้ามาในความรู้สึก
เด็กสาวใส่ชุดยูนิฟอร์มมัธยมปลายเข้ามาพบเขาเพื่ออยากเป็นแอร์โฮสเตส ทว่าทำไมเธอถึงทำให้เขาตราตรึงดวงหน้าหวานและกลิ่นกายอันหอมกรุ่นเย้ายวนได้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น และก็วิ่งจากไปให้เขาปวดหนึบได้ถึงเพียงนี้
“นิโคลัสสืบประวัติคนเมื่อกี้มาให้ฉัน”คริสโตเฟอร์ออกคำสั่งทางปลายสาย น้ำอุ่นนั่นคือชื่อของเธอที่เขาเองก็จำได้ขึ้นใจทั้งที่ชีวินี้เขาแทบจะไม่จดจำชื่อของใครนอกจากคนใกล้ตัว......
ก๊อก!! ก๊อก!!!
“เข้ามา”เสียงเข้มเค้นบอกก่อนที่นิโคลัสจะเดินเข้ามาในมือถือซองเอกสารบางอย่างมาด้วย
“ผมสืบมาแล้วครับนาย เธอชื่อเนตรอักษร พัชกุล ย้ายมาอยู่ที่อิตาลีเมื่อปีที่แล้ว หลังจากมารดาเธอเสียด้วยโรคมะเร็ง พ่อของเธอจึงไปรับมาอยู่ที่นี่ครับ”มือขวาอธิบายรายละเอียดคร่าวๆ ทว่ากับถึงหยุดคำพูดทุกอย่างเมื่อผู้เป็นนายยกมือปรามเอาไว้ก่อน
“ฉันจะเปิดอ่านเองไปทำงานต่อได้แล้ว”ปรายตามองลูกน้องของตนเพียงแวบเดียว ก่อนจะสนใจกับแฟ้มเอกสารที่อยู่บนโต๊ะทำงาน ชายหนุ่มมองกระดาษปึกใหญ่ที่นิโคลัสรวบรวมมาให้
“หืม....เกิดที่ประเทศไทยเพิ่งย้ายมาอยู่ที่อิตาลี”ถึงแม้จะได้ยินในสิ่งที่นิโคลัสบอกคร่าวๆ เมื่อครู่ ทว่าคริสโตเฟอร์กับอยากจะรู้เรื่องราวของสาวน้อยคนนี้ด้วยตัวเองเสียมากกว่า
“อายุ 19 ปี ต้องมาเรียนปรับพื้นฐานภาษาอิตาลีหนึ่งปีเลยเรียนช้ากว่าเกณฑ์”
“....”
“น่ารัก~”
-------------------------------
ร้ายกาจ อิพี่คริสร้าย
1 คอมเม้นท์ = 1 กำลังใจ
แฟนเพจ>>>>เอ็มแอล
