บท
ตั้งค่า

02 - พระเอกเจ้าเล่ห์

“อ้าว....ทำไมล่ะคะ ลุงสุดหล่อให้หนูทำงานสนามบินนี้นะคะ”ฝ่ามือนุ่มนิ่มจับที่ต้นแขนล่ำของเขาเขย่าไปมาอย่างขอร้องอ้อนวอน เพียงเท่านั้นก็เหมือนมีกระแสไฟไหลผ่านเลือดในกายของชายหนุ่มให้สูบฉีด

เพียงแค่เธอสัมผัสร่างกายของเขาทั้งที่มีเสื้อสูทยี่ห้อดีกลางกลั้นระหว่างเนื้อผิวเอาไว้ยังไม่สามารถทำให้ความรู้สึกบางอย่างลดลงไปเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับทวีคูณมากขึ้น คริสโตเฟอร์จับข้อมือเล็กปัดมันให้ห่างจากแขนของเขา

“อย่าเข้าใกล้ฉันแล้วอย่าเรียกฉันว่าลุง”เขากระอึมกระแอมเรียก สติของตนให้กลับมา ปกติแล้วมีผู้หญิงมากมายพร้อมพลีกายเพื่อเขา ทว่าชายหนุ่มกับไม่กินผู้หญิงสุ่มสี่สุ่มห้าและไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครเลยด้วยซ้ำจนมีข่าวลือในสังคมว่าเขาชอบไม้ป่าเดียวกัน

“ทำไมไม่ให้เรียกลุงล่ะคะ แล้วจะให้เรียกว่าอะไรคะชื่อคุณลุงหนูก็ยังไม่รู้เลย”แก้มทั้งสองข้างป่องเมื่อเธออมลมไว้ในปากพลางเอียงคอไปมาเพื่อรอคำตอบ

“ฉันเป็นพี่พ่อเธอตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“เอ๋~ ไม่ยักรู้ว่าคุณพ่อมีพี่น้องด้วย”เออให้มันได้อย่างนี้สิวะ! เด็กคนนี้ใสซื่อหรือประสาทกันแน่แม่คุณ อะไรจะซื่อบื้อขนาดนั้น เธอจะรู้จักไหมคำว่าประชดประชันน่ะ

“คุณลุงขา~ ที่นี่มีอาหารทานไหมคะ ท้องหนูกำลังร่ำร้องหาอาหาร”ฝ่ามือน้อยลูบหน้าท้องแบนราบของตน มันวูบไหวไปหมดเพราะต้องการอาหารเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ทั้งที่ตลอดทั้งวันเธอก็กินตะบี้ตะบันหั่นแหลก

“กลับไปกินที่บ้านเธอสิมาบอกฉันทำไม”

“บ้านหนูอยู่ไกลนิ....”ตอนนี้เงินติดตัวที่ผู้เป็นพ่อให้มาก็หมดกระเป๋า หากจะใช้บัตรรูดก็กลัวว่าใช้เยอะเกินกว่าเหตุที่จำเป็น บิดาของเธอยังต้องใช้หนี้ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าจิปาทะต่างๆ อีก

“แล้วมาทำไมที่นี่ทุกวี่ทุกวัน ไม่กลับบ้านเธอล่ะ”

“กลับไปก็ไม่มีใครอยู่ด้วยนิคะ”เป็นอีกครั้งที่ดวงหน้างามก้มลงอย่างสลดทำให้คริสโตเฟอร์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความละเหี่ยใจ

“เด็กน้อยที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่นนะ ไม่มีใครเล่นกับเธอด้วยเพราะทุกคนต้องทำงาน”ทำไมชั่งบอกยากบอกเย็นอย่างนี้นะ มันน่าจับตีก้นเสียให้เคล็ดเนื่องจากไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่

“หนูรู้ค่ะไม่ได้โง่เสียหน่อย ก็เห็นอยู่ว่าที่นี่คือสนามบิน”เด็กสาวขมุบขมิบทำปากยื่นปากยาวจนคนมองเผลอลอบยิ้มออกมา ทว่าเพียงแวบเดียวเท่านั้นคริสโตเฟอร์ก็ตรึงหน้าเข้มเหมือนเดิม

“...”

“คุณลุงจะไปไหนหรือค่ะ ให้หนูไปด้วยสิ!”เมื่อเห็นคนที่นั่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเนตรอักษรจึงแหงนหน้ามองเขาที่กำลังกลอกตาไปมาราวกับว่าเบื่อหน่าย

“น่ารำคาญจังวะ!! ฉันจะไปไหนมาไหนมันก็เรื่องของฉัน”จอมเย็นชาตวาดใส่คนตัวเล็กอย่างหงุดหงิด ทำไมเจ้าหล่อนถึงเซ้าซี้จนน่ารำคาญขนาดนี้ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ

“หนูแค่ถามเองทำไมต้องตะคอกด้วย คุณลุงนิสัยไม่ดีเลย”เธอค้อนแขวะก่อนจะทำหน้าบูดบึ้งไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องอารมณ์เสียด้วย ทั้งที่เธอเองก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้เขาเลยสักนิด

“กลับบ้านเธอซะ แล้วก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก”

“ไม่เอานะ! อย่าใจร้ายสิหนูไม่ได้มาขโมยของสักหน่อย แค่เห็นว่าพี่ๆ ที่เป็นแอร์โฮสเตสสวยเลยอยากเป็นก็แค่นั้น”ถ้อยคำเหล่านั้นทำให้ คริสโตเฟอร์หรี่ตามองเธอ ก่อนจะถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ออกมาหนักๆ

“อยากเป็นแอร์โฮสเตสว่างั้น”ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นสูงมองเด็กสาวที่กำลังยิ้มแป้นพยักหน้างึกงักอย่างน่ารักน่าชัง วางฝ่ามือหนาลงบนไหล่บอบบางดึงเจ้าหล่อนให้ขยับเข้ามาใกล้อีกนิด ยื่นใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรเข้ามาใกล้ดวงหน้างามจนรับรู้ถึงลมหายใจเดียวกัน

“คุณลุงจะทำอะไรค่ะ ทำไมต้องใกล้ขนาดนั้นด้วย”หัวใจดวงน้อยสั่นระรัวด้วยความไหวหวั่น พวงแก้มใสแต่งแต้มด้วยสีแดงระเรื่อจนต้องเบี่ยงหน้าหลบสายตาคู่คมกำลังจ้องลึกนัยน์ตากลมโต

น่ารัก~ นั่นคือคำที่ดังกึกก้องในใจของคริสโตเฟอร์ เมื่อสังเกตใบหน้าจิ้มลิ้มไร้รอยตำหนิใดๆ อีกทั้งยังจมูกรั้นเล็กที่เชิดรั้นขึ้นสื่อถึงบุคลิกอันแสนดื้อรั้นของเธอได้เป็นอย่างดี

“เลิกเรียกฉันว่าคุณลุง”เขาพูดชิดแก้มเนียนสุกปลั่งอยากจะฝังจมูกโด่งเป็นสันหอมมันฟอดใหญ่ๆ นัก ทว่าต้องข่มความรู้สึกเอาไว้เนื่องจากอยากจะทำให้เจ้าหล่อนขวัญเสียเท่านั้น

“ไม่ให้เรียกลุงแล้วให้เรียกว่าอะไรล่ะคะ”

“ฉันชื่อคริสโตเฟอร์!!”เนตรอักษรมองหน้าเขาอีกครั้งก่อนจะเห็นรอยยิ้มที่มุมปากหยักยากจะคาดเดาได้ว่าชายหนุ่มนั้นคิดอะไรอยู่

“ว้าว!! ชื่อเหมือนพระเอกนิยายหนูเลย”เด็กบ้านี่บอกว่าเขาเหมือนพระเอกนิยายที่เจ้าหล่อนอ่านงั้นหรือ หึ! ในความเป็นจริงในโลกของนวนิยายชั่งแตกต่างจากคริสโตเฟอร์อย่างสิ้นเชิง

“เธออ่านนิยายแบบไหนกัน”เสียงเข้มเปล่งถามด้วยความสงสัยใคร่รู้

“เป็นแบบว่า....หนูจะอธิบายยังไงดีนะ”

“...”

“บะ...แบบพี่เอกนางเอกนอนด้วยกันน่ะค่ะ”พูดไปหน้าก็แดงไปเมื่อนึกถึงฉากเลิฟซีนที่เธอเคยอ่าน และนึกจิตนาการตามประมาณสถานการณ์ที่ตนเจอคล้ายคลึงเหมือนดั่งนางเอกในนิยายไม่มีผิดเพี้ยน

“แล้วในนิยายที่เธออ่านเขาบรรยายไหมว่าพระเอกทำอะไรนางเอกบ้าง”คริสโตเฟอร์ยังคงตั้งคำถามเมื่อเห็นสีหน้าของเด็กสาวที่เปลี่ยนไป เขาเองก็ไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้ว่านิยายที่มีฉากเลิฟซีนแบบนี้นักเขียนส่วนมากบรรยายเป็นฉากเป็นตอนจนมองเห็นภาพได้ดีทีเดียว

“พระเอกเจ้าเล่ห์มากเลยค่ะ หวังกินตับนางเอกตลอดเลย”เธอพูดตามที่ตนเคยอ่านมาอย่างไม่โกหกหรือปิดบัง ก่อนจะเห็นเขาแสยะยิ้มฝ่ามือหนาเลื่อนลงมาประคองเอวคอดกิ่วลูบไล้เป็นวงกลมแผ่วเบา

“งั้นหรือ”เขาชักอยากจะสนุกกับเด็กคนนี้เสียแล้วสิ ทั้งที่ไม่เคยอยากแตะต้องผู้หญิงคนไหนเลย แต่ก็ใช่จะไม่เคยริลองเซ็กส์อันร้อนแรงมาก่อนตรงกันข้ามเขากับช่ำชองเสียด้วยซ้ำเพียงแค่ไม่กินใครพร่ำเพื่อ

“ใช่ค่ะ! อุ๊ย...คุณลุงเอามือออกจากก้นหนูนะ”มือน้อยคว้าข้อมือหนาของเขาเอาไว้ หยุดยั้งการเคลื่อนย้ายเลื่อนลงต่ำลูบคลำสะโพกงามงอนของตน

“อืม!! อยากเป็นแอร์โฮสเตสเหรอ”คริสโตเฟอร์กระแอมในลำคอเรียกสติที่หลุดลอยกับเรือนร่างบอบบางให้กลับมา ชายหนุ่มปล่อยเจ้าหล่อนให้เป็นอิสระก่อนจะหย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานดังเดิม

คราแรกเขาคิดว่าจะกลับบ้านหลังใหญ่ ทว่าตอนนี้กลับเปลี่ยนใจเมื่อมีบางอย่างทำให้จอมเย็นชาอยากจะอยู่ที่สนามบินต่อ สายตาคมกวาดมองสำรวจกายเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างอ่านกิน พอใจในรูปร่างของเด็กสาวที่อยากจะเป็นแอร์โฮสเตส

“หนูอยากแต่งตัวสวยๆ อยากทำงานบริการค่ะ”

“อืม!!....ไหนมานี่สิ”มือหนาตบลงบนหน้าแข็งแรงของตัวเองสื่อให้เธอรู้ว่าเขาต้องการอะไร

“เมื่อยหรือคะ หนูนวดให้นะ”พับผ่าเถอะ! ซื่อบื้อฉิบให้ตายเถอะ ดูสิเธอกำลังวางฝ่ามือนุ่มนิ่มบีบนวดตรงจุดที่เขาตบลงเมื่อครู่ ชายหนุ่มกลอกตายไปมาตวัดเอวบอบบางเข้ามาตัว

“อุ๊ย!! มีอะไรเหรอคะ”เนตรอักษรสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ เธอก็ถูกรวบให้นั่งบนตักของเขา ทว่าวงแขนแกร่งที่โอบกอดนั้นทำให้เธอรู้สึกถึงความแนบชิดมากเกินไป

“เธอชื่ออะไร?”เสียงเข้มเอ่ยถามที่ข้างหูพานทำให้ขนในกายสาวลุกชัน เอียงคอหลบลมหายใจอุ่นที่รินรดบริเวณต้นคอขาวผ่องของตน

“หนูชื่อน้ำอุ่นค่ะ นางสาวเนตรอักษร พัชรกุ....”

“พอแล้วเธอเป็นคนไทยเหรอ”คริสโตเฟอร์ถามสังเกตตั้งแต่ผิวพรรณรูปร่างหน้าตาเขาก็คิดแค่ว่าเด็กสาวคงมีเสี้ยวไทยบ้าง เพราะเขาและเธอสื่อสารกันเป็นภาษาอิตาลี มิหนำซ้ำสำเนียงก็เหมือนเจ้าของภาษา ทว่าชื่อแบบนี้มีเพียงคนไทยเท่านั้นที่ตั้งเพราะมารดาของเขาก็เป็นคนไทยและเขาเองก็เคยอยู่ไทยมาก่อน

“เอ๋!! คุณลุงพูดภาษาไทยได้”เนตรอักษรมองหน้าเขาอย่างรอคำตอบ เมื่อได้ยินคำที่ชายหนุ่มพูดภาษาบ้านเกิดเมืองนอนที่เธอจากมาได้ไม่กี่ปีหลังจากผู้เป็นแม่จากโลกไป

“น่าแปลกตรงไหนในเมื่อคนเราจะพูดกี่ภาษาก็ได้จริงไหม”เขายักไหล่ตอบโดยไม่ได้บอกว่าเขาเองก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขเป็นคนไทยครึ่งหนึ่งเหมือนกัน ก่อนจะพูด 5 ภาษาสลับไปมาทว่าเด็กหัวดีดันรู้ความหมายมันดีทุกคำ

“เดี๋ยวสิเมื่อกี้คำสุดท้ายมันคือภาษาดัตช์นิ คุณลุงขา~ หนูไม่เคยเรียนภาษานี้เลย”หญิงสาวหลงลืมเอี้ยวตัวหาเขาเขย่าแขนล่ำไปมาอยากรู้คำพูดของเขาเมื่อครู่

“แล้วที่ว่าพูดได้ 4 ภาษาล่ะ?”

“ก็ได้แค่ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี แล้วก็ไทยค่ะ”เสียงหวานเอ่ยเจื้อยแจ้ว แม่ของเธอมักจะสนับสนุนการเรียนภาษาของเธอเป็นหลักโดยการส่งไปเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนทุกวันจนเธอพอสื่อสารได้บ้างในภาษาที่ตนเลือกเรียน

“รู้ไหมว่าคนที่ทำงานในนี้พูดได้อย่างน้อยคนละ 6 ภาษา และหากต่ำกว่านี้ถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณา”

“อ่ะอ้าว~ แย่จังเลยนะคะ งั้นหนูคงต้องเรียนเพิ่มอีก 2 ภาษา”ไม่ว่าเปล่าทำทีลุกจากตักแกร่งเมื่อรู้สึกว่ามือไม้ของเขาเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข ทว่ากับทำไม่ได้อย่างใจนึกเมื่อเขากอดเธอแน่นขึ้น

“อื้อ~ หายใจไม่ออก”คริสโตเฟอร์กระชับอ้อมกอดมากขึ้น เผลอสูดดมเรือนผมหอมเข้าอย่างเต็มปอด ใช้มือข้างที่ว่างช้อนดวงหน้างามให้หันเอียงข้างมองริมฝีปากอวบอิ่มสั่นระริกหมายจะกดปากหยักประกบเข้าหากันด้วยความหลงใหล

“คุณลุงคะ หนูต้องกลับบ้านแล้วค่ะ”เนตรอักษรใช้จังหวะที่เขาผ่อนแรงโอบกอดตนสะบัดตัวออก ถอยหลังผละห่างจากชายหนุ่มที่ส่งสายตาดุมาให้เธอก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องทำงานนี้

“เด็กบ้าเอ้ย!!!”คริสโตเฟอร์พ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิดทุบกำปั้นลงบนโต๊ะระงับอารมณ์บางอย่างที่แทรกซ้อนเข้ามาในความรู้สึก

เด็กสาวใส่ชุดยูนิฟอร์มมัธยมปลายเข้ามาพบเขาเพื่ออยากเป็นแอร์โฮสเตส ทว่าทำไมเธอถึงทำให้เขาตราตรึงดวงหน้าหวานและกลิ่นกายอันหอมกรุ่นเย้ายวนได้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น และก็วิ่งจากไปให้เขาปวดหนึบได้ถึงเพียงนี้

“นิโคลัสสืบประวัติคนเมื่อกี้มาให้ฉัน”คริสโตเฟอร์ออกคำสั่งทางปลายสาย น้ำอุ่นนั่นคือชื่อของเธอที่เขาเองก็จำได้ขึ้นใจทั้งที่ชีวิตนี้เขาแทบจะไม่จดจำชื่อของใครนอกจากคนใกล้ตัว......

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel