บทที่ 3
วันต่อมา..
วันนี้เป็นเกิดตัวเองยาหยีเลยตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อทำบุญใส่บาตร ครั้นใส่เสร็จก็เดินทางไปเรียนที่มหาวิทยาลัยตามปกติ ซึ่งตอนนี้เธอกำลังเรียนอยู่ปีหนึ่งเท่านั้นถึงแม้อายุจะยี่สิบแล้วก็ตาม
เป็นเพราะเธอหยุดเรียนไปสองปีเพราะตอนนั้นลำบากมากแค่ทนส่งตัวเองให้จบมัธยมปีที่สามก็เลือดตาแทบกระเด็น เธอเพิ่งได้มาเรียต่อมัธยมปีที่สี่ก็ตอนอยู่กับเควิลนี่แหละซึ่งอายุสิบเจ็ดปีเลย
ต้องขอบคุณเควิลเป็นที่สุดที่ทำให้เธอเหมือนได้ชีวิตใหม่หลังจากที่ต้องทุกข์ทนมานาน
ดังนั้นเธอจึงปฏิญาณตนไว้แน่วแน่ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณเขาให้สมกับที่เขามอบชีวิตใหม่ให้เธอ
"สุขสันต์วันเกิดนะยาหยีคนสวย"
"สุขสันต์วันเกิดนะหยี"
ระหว่างที่เธอกำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเสียงใครบางคนก็ดังทบโสตประสาททำให้เธอหลุดจากภวังค์ เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นฟิลม์กับดรีมเพื่อนสนิทของเธอนั่นเอง โดยในมือของฟิลม์ถือเค้กก้อนเล็กที่มีเทียนปักอยู่ด้วย
"ขอบคุณมาก ๆ เลยนะฟิลม์ ดรีม" เธอระบายยิ้มมองหน้าเพื่อน ๆ ทั้งสองอย่างซาบซึ้ง จากนั้นก็ยกมือขึ้นประสานกันพร้อมหลับตาลงเพื่อขอพร ก่อนจะลืมตาขึ้นเป่าเทียน
"เราสองคนมีของขวัญมาให้ด้วยนะ" ดรีมเอ่ยพร้อมกับล้วงไปหยิบกล่องของขวัญชิ้นเล็ก ๆ ออกมายื่นให้เพื่อนสาว "นี่ของเรา"
"ส่วนนี้ของเรา" ตามด้วยของขวัญจากฟิลม์
"ขอบคุณอีกครั้งนะ แกสองคนน่ารักที่สุดเลย"
"ด้วยความยินดีจ้ะเพื่อนรัก" ดรีมยิ้มตอบ จากนั้นทั้งสามคนก็นั่งทานเค้กพลางพูดคุยกันไประหว่างที่รออาจารย์มาสอน
วันนี้เธอมีเรียนแค่สองวิชาพอเสร็จก็เดินออกไปรอรถจากคฤหาสน์มารับเหมือนเช่นทุกวัน
"ยาหยีจะกลับแล้วเหรอ" ระหว่างที่กำลังเดินไปที่ศาลาเสียงอันแสนคุ้นเคยก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของฟิลม์ที่วิ่งมาเดินเคียงข้างเธอ
"ใช่จะกลับแล้ว ฟิลม์ล่ะ"
"จะกลับแล้วเหมือนกัน" ฟิลม์ว่าพลางยกมือขึ้นกอดคอเพื่อนสาวแบบที่ชอบทำ ซึ่งยาหยีก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเล่นแบบนี้เป็นปกติกันอยู่แล้ว
"แกจะกอดคอเราแน่นไปแล้วนะ เราหายใจไม่ออกกก.." เสียงหวานพลันร้องท้วงเมื่อเพื่อนชายเริ่มกอดคอเธอแน่นขึ้น ขณะที่มือก็ยื่นไปจิ้มเอวเพื่อนชายเพื่อเอาคืนที่แกล้งกัน
"ชอบแกล้งรักใช่ไหม นี่แหน่ะ ๆ"
"ฮ่าฮ่า" ฟิล์มถึงกับหัวเราะออกมาดังลั่นรีบคลายวงแขนออกจากคอเพื่อนสาวเพราะรู้สึกจั้กกะจี้ ขณะที่ยาหยีก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย
ทั้งสองมัวแต่เล่นกันจนลืมมองรอบข้าง ยาหยีเลยไม่เห็นว่ารถของคฤหาสน์มาจอดรออยู่สักแป๊บแล้ว และกำลังมีสายตาของเควิลจ้องมองทั้งสองอยู่ด้วยความไม่พอใจ
เควิลรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เด็กสาวสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นจนเกินเหตุ เขาใช้ลิ้นดุนกระพุงแก้มอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะออกคำสั่งกับลูกน้อง
"บีบแตรให้เธอรู้ตัวสิ"
"ครับนาย" สิ้นคำสั่งเข้มมือขวาที่ทำหน้าที่ขับรถก็บีบแตรทันทีทำเอายาหยีที่กำลังหยอกล้อกับเพื่อนชายสะดุ้งเฮือก รีบหันมองทางต้นเสียงเมื่อเห็นรถของคฤหาสน์เธอก็รีบบอกลาเพื่อนชาย "เรากับก่อนนะเขามารับแล้ว"
"โอเค กลับบ้านปลอดภัยนะ" ฟิลม์ยิ้มหวานให้เพื่อนสาวพลางโบกมือลา
"อืม.." ยาหยียิ้มรับพร้อมกับยกมือขึ้นโบกลา จากนั้นก็รีบเดินกึ่งวิ่งไปที่รถ เธอชะงักเล็กน้อยเมื่อเปิดประตูรถด้านหลังแล้วพบว่าเควิลนั่งจังก้าอยู่
วันนี้เขามารับเธอด้วยตัวเองเลยหรือ แถมตอนนี้เขายังจ้องเธอด้วยแววตาดุดัน สีหน้าเคร่งขรึมจนดูหน้ากลัวไม่บ่อยนักที่เธอจะได้เห็นหน้านี้ของเขาอดทำให้เธอหวั่นใจไม่ได้
"คุณเควิลสวัสดีค่ะ" แต่กระนั้นก็พยายามเก็บอาการยกมือขึ้นสวัสดีเขาพร้อมกับก้าวขึ้นไปนั่งบนรถแล้วปิดประตู จากนั้นรถก็เคลื่อนตัวออกสู่ถนนใหญ่ทันที
"ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร" นั่งมาได้สักพักเควิลก็หันไปจ้องหน้าถามร่างบางที่นั่งข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงดุ สายตาฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจน
"เพื่อนค่ะ"
"เพื่อนเขาจำเป็นต้องใกล้ชิดกันขนาดนั้นเลยเหรอ"
"ก็หนูกับฟิลม์สนิทกันมากค่ะ เราเล่นกันแบบนี้ประจำ" ยาหยีตอบอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าอีกคนกำลังโกรธ
เควิลรู้สึกโกรธหนักกว่าเดิมกับคำบอกกล่าวของเด็กสาว เขากัดกรามกรอด กำหมัดแน่น จ้องใบหน้าเรียวเขม็ง ก่อนจะกดเสียงเอ่ยอย่างดุดันจนคนฟังคนขนลุกเกรียว "ต่อจากนี้อย่าเข้าใกล้ผู้ชายคนไหนอีก โดยเฉพาะผู้ชายคนเมื่อกี้"
"แต่เขาเป็นเพื่อนหนูนะคะ จะไม่ให้หนูอยู่ใกล้ ๆ เขาได้ยังไงในเมื่อเราอยู่กลุ่มเดียวกัน" ยาหยีเอ่ยไปตามความจริง ขณะที่สายตาจ้องใบหน้าคมคายอย่างไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจว่าเขาจะสั่งห้ามทำไมในเมื่อบอกไปแล้วว่าฟิลม์เป็นเพื่อน
เขากลัวเธอจะมีความรักแล้วเสียการเรียนอย่างนั้นหรือ "คุณเควิลกลัวว่าถ้าหนูหนูยุ่งกับผู้ชาย หรือมีความรักแล้วจะเสียการเรียนใช่ไหมคะ"
"เดี๋ยวนี้เธอดื้อกับฉันเหรอยาหยี" เควิลไม่ตอบคำถามเด็กสาว แต่กลับหาว่าเธอดื้อเพราะปกติเขาว่าอะไรเด็กสาวก็จะทำตามตลอดไม่เคยเถียงแบบนี้
ซึ่งเขาไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เขาสั่งห้ามไม่ใช่เพราะกลัวเธอจะเสียการเรียน แต่เธอเป็นผู้หญิงของเขาไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งกับผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้นนอกจากเขาคนเดียว
ความจริงที่เขายังไม่ทำเรื่องพันนั้นกับเธอเพราะเห็นว่าเธอยังเด็ก และใสซื้อบริสุทธิ์อยู่เขาเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้นก็คือเมื่อเธออายุครบยี่สิบปีบริบรูณ์ ซึ่งมันก็คือวันนี้
เธอจะได้รู้ว่าเมื่อสามปีก่อนที่เขาบอกว่าจะให้เธอทำงานใช้หนี้เมื่อถึงเวลามันคืออะไร
"หนูไม่ได้ดื้อนะคะ หนูแค่อธิบายเฉย ๆ" ยาหยีรีบส่ายหน้าปฏิเสธเพราะรู้ว่าอีกคนกำลังไม่พอใจ ทว่าเควิลที่เต็มไปด้วยอารมณ์ตอนนี้กลับมองว่าเด็กสาวเถียงตัวเอง
"จะไม่ทำตามที่ฉันสั่งใช่ไหมยาหยี"
"ไม่ใช่นะคะ หนูทำก็ได้ค่ะ" สุดท้ายพอเห็นสีหน้าโกรธเคืองของอีกคนเธอก็ต้องรับปากอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะยังไงเขาก็สำคัญกับเธอที่สุดแล้ว
"คุณอย่าโกรธหนูเลยนะคะ" เธอว่าพลางยื่นมือทั้งสองไปเกาะแขนแกค่ง สายตาก็มองออดอ้อนเขาไปด้วย "ไม่โกรธนะคะ"
"พูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย อย่าให้ฉันรู้ว่าเธอผิดคำพูดไม่อย่างนั้นเธอโดนหนักแน่ยาหยี" เควิลพอใจในคำตอบ แต่ก็มิวายพูดขู่คนตัวเล็กดักไว้ ก่อนจะเบียงหน้ามองไปนอกกระจกรถทำเป็นไม่สนใจคนที่กำลังส่งสายตาออดอ้อนอยู่
"หนูไม่ผิดคำพูดแน่นอนค่ะ" ยาหยีรับปากหนักแน่นทั้งที่ในใจรู้สึกหนักอึ้งเป็นอย่างมากเพราะนี่ก็คนสำคัญ ส่วนทางนั้นก็เพื่อนสนิท เธอได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอียงแก้มซบไหล่แกร่งแล้วถูไถ่ไปมาอย่างออดอ้อนราวกับลูกแมวน้อย "ไม่โกรธได้ไหมคะ หนูขอโทษ"
"..."
คนถูกง้อลอบยิ้มมุมปากน้อย ๆ ความจริงใจเขาอ่อนยวบตั้งแต่เธอส่งสายตาแล้ว แต่อยากแกล้งเด็กเล่นเท่านั้นมันมีความสุขดี เขากระแอ้มในลำคอเบา ๆ ปรับสีหน้าให้เคร่งขรึมเหมือนเดิม แล้วหันไปเอ่ยใส่คนตัวเล็กเสียงแข็ง "นั่งนิ่ง ๆ อย่าเล่น"
"ขอโทษค่ะ" คนถูกดุถึงกับหน้าสลด ค่อย ๆ ปล่อยมือและผละหน้าออกไหล่แกร่งไปนั่งตัวตรง สายตาทอดมองไปยังข้างถนนที่รถแล่นผ่านด้วยความรู้สึกเหงาหงอยนี่อีกคนโกรธเธอจริงจังขนาดนั้นเลยหรือ
นาทีต่อมาเธอก็ต้องขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อรถแล่นออกนอกเส้นทางที่ไม่ใช่เส้นทางกลับบ้าน หันไปขมวดคิ้วถามคนนั่งข้าง ๆ ด้วยความสงสัย "เราจะไปไหนกันเหรอคะ"
"ถึงเดี๋ยวก็รู้เอง" เควิลตอบทั้งที่ยังทอดสายตามองข้างทาง ยาหยีทำได้แค่เม้มปากแน่นเมื่อได้รับคำตอบแบบนั้นจากริมฝีปากหนา ก่อนจะหันมองข้างทางเหมือนเดิมพออีกคนโกรธจนไม่ยอมพูดดี ๆ ด้วยมันทำให้เธออึดอัดไม่น้อยเธอไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอาเสียเลย แต่ก็ทำได้แค่อดทน
