นางบำเรอคนโปรด

40.0K · จบแล้ว
ฟาริสต้า
22
บท
1.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เธอเห็นเขาเป็นผู้มีพระคุณที่มอบชีวิตใหม่ให้แก่เธอ แต่เขากลับเลี้ยงเธอไว้เพื่อเป็นนางบำเรอขัดดอก

นิยายรักโรแมนติกมาเฟียโรแมนติก18+

บทที่ 1

สายลมเอื่อย ๆ พัดพาดอกการ์ดิเนียร่วงลงจากต้น และปลิวล่องลอยไปตามสายลม กลิ่นหอมของมันลอยมาแตะจมูกหญิงสาวเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มพราวที่กำลังนั่งชมทิวทัศน์ของแม่น้ำหลังคฤหาสน์หลังใหญ่โต

กลิ่นแสนหอมหวานทำให้เธอรู้สึกสดชื่นไม่น้อยจนต้องหลับตาเชิดหน้าขึ้นสูดอากาศที่อบอวลด้วยกลิ่นดอกไม้เข้าปอดพรืดใหญ่ ก่อนจะปรือตาขึ้นมองทิวทัศน์ด้านหน้าต่อ

แม้เวลานี้จะมีแสงแดดสีเงินสอดส่องผ่านทะลุใบไม้มาตกกระทบลงบนผิวกายขาวเนียน เธอก็ไม่รู้สึกร้อนเลยแม้แต่น้อย แถมเธอยังนั่งนิ่งๆ อยู่ตรงนี้ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนมานานแล้ว

เพราะเธอต้องการมองใครบางคนที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในแม่น้ำสีเขียวมรกต

ชายหนุ่มลูกครึ่งไทยอิตาลีอายุเข้าเลขสามแล้ว ทว่าหน้าตาของเขายังอ่อนเยาว์ราวกับเด็กหนุ่มยี่สิบกลาง ๆ ที่เธอนั่งมองมานานก็ค่อย ๆ ว่ายน้ำมาทางเธอ ก่อนจะขึ้นจากน้ำ และเดินตรงดิ่งมาหาที่โต๊ะริมแม่น้ำ

เธอรู้หน้าที่ตัวเองดีจึงหยิบผ้าเช็ดตัวที่เตรียมไว้ส่งให้ทันทีที่เขาเดินมาถึง "ผ้าค่ะ"

“นั่งให้แดดส่องแบบนี้ เธอไม่ร้อนหรือไง” เจ้าของเสียงทุ้มกล่าวถามจบก็เอื้อมมือไปรับผ้าขนหนูผืนสีขาวที่เธอยื่นให้มาซับหน้า

"ไม่ค่ะ" ยาหยีส่ายหน้าเบา ๆ ซึ่งมันก็จริงอยู่ที่ไทยอากาศมันร้อนอบอ้าว แถมช่วงนี้ก็เป็นหน้าร้อนที่สุดไทย

แล้วก็เป็นเดือนพิเศษสำหรับเธอเพราะเดือนนี้เป็นเดือนเกิดแสนพิเศษที่มันมอบความรู้สึกเศร้าโศก และทำให้รู้สึกว่าเธอเป็นคนที่โชคดีในเวลาเดียวกัน

“พรุ่งนี้ก็วันเกิดเธอแล้วสินะ” เควิลเช็ดผมตัวเองให้แห้งเสร็จก็เอ่ยออกมาพลางบิดขี้เกียจเบา ๆ จนได้ยินเสียงกระดูกที่ดังกรอบแกรบมาเป็นระยะ

“ค่ะ..” ยาหยีไม่รู้ว่าจะตอบชายหนุ่มไปอย่างไงดี เธอเลยได้แต่ขานรับ

“มานี่สิ” คนตัวโตทิ้งตัวลงนั่งปั๊บก็กวักมือเรียกหญิงสาวให้เดินมาหา และทันทีที่คนตัวเล็กเดินมาหยุดตรงหน้าเขาก็คว้าหมับเข้าข้อมือเล็กดึงให้เธอนั่งลงบนตัก

"คุณเควิลทำอะไรคะ" ยาหยีทั้งตกใจและประหม่าเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอใกล้ชิดกับชายหนุ่มมากขนาดนี้ พยายามจะลุกจากตักแกร่ง แต่กับถูกวงแขนแข็งแรงกอดรัดแน่นจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

และเสี้ยวนาทีต่อมาหัวใจเธอก็ต้องเต้นแรง ขนกายพลันลุกชูชันเมื่อถูกอีกคนใช้ปลายจมูกโด่งสันซุกไซ้ช่วงลำคอจนต้องรีบย่นคอหนีแต่ก็ไม่พ้น

กว่าเควิลจะพอใจกับการสูดดมกลิ่นหอมก็ใช้เวลาไปหลายนาที แถมมันก็ทำให้เธอต้องนั่งตัวเกร็งแล้วเกร็งอีกจนหายใจไม่ทั่วท้องเพราะความรู้สึกวาบหวาม

“พรุ่งนี้อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?” เสียงทุ้มกล่าวถามพร้อมลูบมือวนหน้าท้องเธอ

"ไม่อยากได้อะไรค่ะ" ยาหยีรีบส่ายหน้าปฏิเสธไปเพราะการที่อีกคนใจดีกับ ‘ลูกหนี้’ อย่างเธอมันก็มากพอแล้ว เขาทั้งส่งเสียเธอเรียน และมอบชีวิตสุขสบายให้กับเธอมันมากเกินพอไปแล้วจริงๆ..

แล้วเหมือนกับว่าการที่เธอคิดแบบนี้มันไปเปิดปุ่มที่เธอผนึกความทรงจำสุดแสนเศร้าหมองไว้

ภาพที่เธอไม่อยากจะจดจำก็ฉายทับภาพทิวทัศน์สวยงาม

"พ่อนี่มันคืออะไร..?"

ยาหยีในตอนนั้นเธอเพียงแค่อายุสิบเจ็ด และพึ่งกลับมาจากที่ทำงานซึ่งเป็นร้านสะดวกซื้อ ทว่าเมื่อเปิดประตูเข้ามาในบ้านเธอก็แทบหมดแรงเพราะข้าวของทุกชิ้นภายในบ้านหายไปหมด ไม่ว่าจะเป็นโซฟา ตู้เย็น ทีวี หมอหุงข้าว และของอื่น ๆ อีกหลายอย่าง เธอเอ่ยถามคนเป็นพ่อไปก็ได้คำตอบว่า

"เจ้าหนี้มันเอาของไปหมดแล้วโว้ย!" พ่อของเธอตอบอย่างไม่สำนึก "แต่ยังไม่พอค่าใช้หนี้เลยมึงมีเงินไหม เอามาให้กูหน่อย"

"ฮึก! ทำไมพ่อทำตัวแบบนี้ พ่อไปเล่นการพนันอีกแล้วใช่ไหม" เธอถึงกับเข่าทรุดเมื่อได้ฟังคำตอบ น้ำสีใสพลันไหลพรากออกมาด้วยความผิดหวังเสียใจที่ผู้เป็นพ่อสร้างแต่ปัญหากี่ครั้งกี่หนแล้วที่เธอต้องทำงานงก ๆ เพื่อตามชดใช้หนีให้ แต่ท่านก็ไม่เคยสำนึกยังกลับไปทำอีกทั้งขี้เหล้าทั้งเล่นการพนัน

เธออยากได้พ่อคนเก่ากลับมาเหลือเกิน พ่อที่รักครอบครัว และขยันทำงาน

ในตอนนั้นเธอมีความสุขมาก ๆ ครอบครัวอยู่อย่างสุขสบาย แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปครั้นเธออายุได้สิบสาม พ่อกับแม่ของเธอเริ่มมีปัญหากันระหงระแหงเพราะพ่อของเธอเริ่มยุ่งเกี่ยวกับการพนันจนในที่สุดพวกท่านทั้งสองก็เลิกกัน แม่ของเธอเลือกจะทิ้งเธอไว้กับพ่อแล้วหนีไป

และหลังจากแม่หนีไปพ่อของเธอก็เอาแต่กินเหล้าจนกลายเป็นคนติดเหล้าไปในที่สุด แค่นั้นไม่พอท่านยังติดการพนันอีกด้วยโดยที่ไม่สนใจใยดีเธอสักนิดจนเธอต้องทำงานหาเลี้ยงส่งเสียตัวเองเรียน

เธอเรียนจบแค่มัธยมปีที่สามเท่านั้นก็ออกมาทำงานอย่างเต็มตัว ต้องทำงานเลี้ยงดูทั้งตัวเองและพ่อเธอต้องแบกรับภาระทุกอย่าง หนำซ้ำยังต้องคอยตามใช้หนี้พนันให้พ่ออีก

บางครั้งเธอก็อยากจะหนีไปไกล ๆ จากคนเป็นพ่อ แต่ความผูกพันทางสายเลือดมันทำให้เธอทำไม่ได้จึงต้องคอยตามใช้หนี้ให้พ่อเพราะกลัวว่าพ่อจะถูกเจ้าหนี้ฆ่า

เธอสะอื้นไห้ออกมาอย่างหนักพร้อมกับเดินเข้าไปเขย่าแขนผู้เป็นพ่อ "หนูทำงานหนักเพื่อหาเงินมาไว้ให้พ่อใช้ ไว้กิน ไว้อยู่ แต่ทำไมพ่อถึงทำกับหนูแบบนี้"

"บ่นมากรำคาญ ไปหาเงินมาให้กูหนึ่งล้านกูจะเอาไปใช้หนี้" แทนที่พ่อเธอจะสำนึกกลับสะบัดแขนเธอออกแล้วโวยวายเสียงดังลั่น แต่นั้นไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกช็อคเท่ากับจำนวนเงินที่ท่านเป็นหนี้อยู่

"นะ..หนึ่งล้านเลยเหรอ" เธอเอ่ยออกมาอย่างอ่อนแรงมันจุกในอกจนพูดไม่ออกครั้งนี้พ่อเธอเป็นหนี้มากมากจนเธอไม่มีปัญญาจะหาได้

เธอสะอื้นไห้ออกมาหนักกว่าเก่าความรู้สึกมันตีบตันไปหมดเธอไม่เคยคิดเลยจริง ๆ ว่าคนเป็นพ่อจะมาถึงจุดที่ติดการพนันจนมีหนี้เป็นล้าน

"ฮึก! หนูจะไปหาจากที่ไหนมาให้พ่อเงินตั้งหนึ่งล้าน ลำพังแค่กินไปวัน ๆ ก็แทบจะไม่พออยู่แล้ว พ่อรู้ไหมว่าแต่ละวันหนูต้องทำงานเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทแล้วทำไมพ่อถึงทำกับหนูแบบนี้ ทำไม"

"ไม่รู้โว้ย แต่มึงต้องไปหาเงินมาใช้หนี้ให้กูภายในเย็นนี้ไม่อย่างนั้นเจ้าหนี้มันต้องฆ่ากูแน่ ๆ"

"ครั้งนี้หนูคงช่วยพ่อไม่ได้ ทุกอย่างแล้วแต่เวรแต่กรรมแล้วกัน" วันนี้ความอดทนอดกลั้นของยาหยีหมดลงแล้ว หมดแล้วจริง ๆ เธอเอ่ยอย่างคนปลงตกพร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นยืนมองคนเป็นพ่อด้วยสายตาว่างเปล่า

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจอมาตลอดระยะเวลาสองปีมันค่อย ๆ ทำให้ความผูกพันที่มีต่อคนเป็นพ่อลดลงเรื่อยจนมาถึงจุดนี้

เธอพอแล้วจริง ๆ ..

"ไงไอ้แก่กูมาเอาเงินที่มึงติดหนี้เจ้านายกูอยู่"

จู่ ๆ ยาหยีก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงอันทรงพลังดังขึ้นจากด้านหลัง เธอรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วหันไปมองก็พบกับชายรูปร่างบึกบึน หน้าตาเหี้ยมโหดสามคนกำลังเดินเข้ามา สัญชาติญาณมันบอกให้เธอรีบถอยหลงกรูด ความกลัวเริ่มเข้าเกาะกุมจิตใจ

ชายสามคนเดินไปยืนล้อมพ่อของเธอไว้ ก่อนจะมีคนหนึ่งกระชากคอเสื้อพ่อของเธอให้ลุกขึ้นนั่ง "ไหนเงิน"

"กูไม่มี" พ่อของเธอบอกหน้าตาเฉย ขณะที่เธอนั่นยืนตัวสั่นอยู่ลึก ๆ ในใจก็ยังกลัวว่าพ่อเธอจะถูกฆ่า