นางบำเรอ
เมื่อเขาหันกลับมา สายตาคมกริบของเขามองไปยังชิงเยวี่ยซึ่งนางกำลังก้มหน้าคุกเข่าอยู่ ดวงตาของนางฉายแววหวาดหวั่น เขาก้าวเข้ามาใกล้จนกระทั่งอยู่ตรงหน้านาง ดวงตาสีแดงก่ำของเขาจับจ้องนางอย่างพินิจ
“เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าหนีข้าพ้น?” น้ำเสียงของมู่หลงชิงเย็นชาแต่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
ชิงเยวี่ยเงยหน้าขึ้นมองมู่หลงชิง นางพบกับแววตาสีแดงน่ากลัว นางนิ่งงันไปชั่วครู่นางไม่เคยพบผู้ใดที่มีดวงตาสีนี้มาก่อน นางตัวสั่นขณะตอบกลับ
“ได้โปรดปล่อยข้าไปเถิดท่านแม่ทัพ ข้าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ไม่ได้คิดจะทำร้ายท่านมาก่อน”
คำพูดนั้นทำให้มู่หลงชิงหัวเราะอย่างเย็นชา เขาเอื้อมมือจับคางของนางบังคับให้นางเงยหน้าขึ้น ก่อนจะดึงผ้าคลุมหน้าที่ซ่อนใบหน้าของนางออก เผยให้เห็นปานแดงรูปดอกไม้บนแก้มซ้าย
สายตาของเขาเปลี่ยนไปในทันที ดวงตาที่เย็นชากลับเต็มไปด้วยความสนใจอย่างประหลาด เขาโน้มตัวลงใกล้นางจนกระทั่งนางสามารถได้ยินลมหายใจของเขา
“ดอกไม้อัปมงคลที่พวกเขากล่าวถึงก็คือเจ้าสินะ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงความเหยียดหยัน แต่ดวงตากลับจับจ้องปานรูปดอกเหมยที่แก้มซ้ายนั้น
ไม่คิดว่าเขาจะถูกหลอกอีกครั้ง เขาเพ่งมองรูปโฉมนางองคาพยพทั้งห้านับว่าไม่เลว มีรูปดอกไม้แซมเข้ามานับว่าสวยงามอย่างประหลาด เขารู้ว่านี่คือองค์หญิงชิงเยวี่ยตัวจริงและคือคนเดียวในราชวงศ์แคว้นไป่ที่เหลืออยู่
ทว่าเขากลับนึกสนุกอยากจะเก็บนางไว้เป็นนางบำเรอ เมื่อเขาเบื่อนางเมื่อไหร่ก็จะไล่นางไปในทันที!
“เช่นนั้น... คืนพรุ่งนี้ เจ้าจงมาปรนนิบัติข้าเสียสิ ข้าจะดูสิว่าดอกไม้นี้จะอัปมงคลถึงเพียงใด”
ชิงเยวี่ยตกตะลึงนางผงะไป สายตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง แต่นางรู้ดีว่านางไม่อาจปฏิเสธเขาได้ นางได้แต่ขอความเมตตากับเขาอีกครั้ง
“ท่านแม่ทัพ ได้โปรดปล่อยข้าไปเถิด ข้าไม่เคยคิดแค้นเคืองท่านแม้แต่น้อย...”
“ฮ่า ๆ องค์หญิงที่ข้าเก็บท่านไว้ก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว!”
มู่หลงชิงกล่าวอย่างเย็นชาพลางหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะผละจากไป ทิ้งให้องค์หญิงชิงเยวี่ยจมอยู่ในความเงียบงัน
สุดท้ายนางถูกนำตัวเข้าไปยังกระโจมที่ใช้เป็นสถานที่พักของเหล่านางบำเรอซึ่งถูกจับตัวมาเช่นเดียวกัน บรรยากาศภายในกระโจมอบอวลไปด้วยกลิ่นกำยานอ่อน ๆ ทว่าเต็มไปด้วยความอึดอัดและสิ้นหวัง
เสียงหัวเราะเบา ๆ และเสียงพูดคุยดังขึ้นจากกลุ่มหญิงสาวที่นั่งรวมกันในมุมหนึ่งของกระโจม
“คืนนี้คงถึงคราวของข้าเสียที” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจ
“ท่านแม่ทัพช่างดีกับข้ายิ่งนัก ข้าได้รางวัลเมื่อคืนก่อนนี้ด้วยนะ”
“เจ้าช่างโชคดีเสียจริง” อีกคนตอบพร้อมหัวเราะแห้ง ๆ “ข้าเองยังไม่เคยมีโอกาสนั้นเลย”
คำพูดเหล่านี้ลอยมาถึงหูของชิงเยวี่ย นางนั่งนิ่งในมุมเงียบของกระโจม ใบหน้าขาวซีดของนางแสดงถึงความวิตกกังวล
แม้จะพยายามข่มความกลัวไว้ในใจ แต่ภาพที่นางได้ยินทำให้นางไม่อาจหยุดคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนในคืนพรุ่งนี้
“เจ้ามาใหม่ใช่ไหม?” หญิงสาวอีกคนเอ่ยขึ้น พลางมองชิงเยวี่ยจากหัวจรดเท้า
“คงไม่พ้นถูกเรียกตัวไปปรนนิบัติท่านแม่ทัพในไม่ช้า”
ชิงเยวี่ยหลุบตาลง หลบสายตาของผู้พูด นางไม่อาจตอบสิ่งใดนอกจากเงียบ นางรู้ดีว่าชะตากรรมของตนคงไม่ต่างจากหญิงสาวคนอื่นในที่นี้
“อย่ากลัวไปเลย” หญิงสาวอีกคนเอ่ยปลอบโยน แม้เสียงของนางจะเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง
“บางทีท่านแม่ทัพอาจจะเมตตาเจ้า หากเจ้าไม่ทำให้เขาโกรธ”
คำปลอบโยนนั้นกลับทำให้ชิงเยวี่ยรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งใจ นางได้แต่ภาวนาให้มีใครสักคนมาช่วยนางหนีจากที่นี่ แต่ความจริงนางไม่เหลือใครอีกแล้ว
นางไม่รู้เลยว่าในคืนวันพรุ่งนี้ ชะตากรรมจะพานางไปพบกับสิ่งใด...