ตอนที่ 2
ปลายข้าวเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา หัวใจของเธอหล่นวูบราวกับถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็น เขาพูดราวกับว่าเธอเป็นแค่สิ่งของที่ไม่มีหัวใจ
น้ำตาของเธอไหล คลอเบ้าแต่เธอก็ฝืนกลั้นไว้ และเลือกที่จะไม่พูดอะไร เพราะรู้ว่าต่อให้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว
“คุณน่านนทีคะ”
แม่ของปลายข้าวรีบเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงประจบประแจง
“อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะคะ คุณน่ะโชคดีมากที่ได้ลูกสาวของป้าไป เพราะปลายข้าวเป็นเด็กดีมาก หน้าตาก็น่ารัก แถมไม่เคยดื้อรั้นเลย ป้ารับประกันได้เลยว่าของเล่นชิ้นนี้จะปรนนิบัติคุณอย่างดีที่สุดค่ะ”
หญิงวัยกลางคนพูดโอ้อวดสรรพคุณของลูกสาวอย่างไม่ละอายปาก ก่อนจะหันไปบีบแขนปลายข้าว
“แกต้องดูแลปรนนิบัติคุณน่านนทีให้ดีที่สุด เข้าใจไหม ปลายข้าว!”
ปลายข้าวกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ดวงตาสั่นไหวมองหน้าแม่อย่างเจ็บปวด
“แม่คะ… หนู...”
“หุบปาก!”
เสียงห้วนของแม่ตัดบททันควัน มือที่บีบแขนเธอแน่นขึ้นอีก
“อย่ามาทำให้แม่ขายหน้า! แกต้องทำตัวให้คุณน่านนทีพอใจ เข้าใจไหม”
ริมฝีปากของปลายข้าวสั่นระริก เธอก้มหน้าหลบสายตาทุกคน พยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคอ แต่ความร้อนจากฝ่ามือของน่านนทีที่เอื้อมมาจับข้อมือเธอกลับดึงสติให้ชัดเจนขึ้น
“ไปกันได้แล้ว”
เสียงเขาเรียบเย็น แต่แฝงความไม่พอใจขณะจ้องหน้าแม่ของเธอ
“ตั้งแต่วินาทีนี้ไป เธอคือของเล่นของฉัน ปลายข้าว”
ปลายข้าวพยายามขืนตัวอย่างสุดแรง เธอไม่อยากให้ใครมองว่าเธอไร้ค่า เธอไม่ใช่สินค้า แต่แรงของผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอจะไปสู้อะไรได้
“ฉัน... ขอเวลาหน่อยได้ไหมคะ”
ในขณะที่ปลายข้าวกำลังจะต่อรองกับน่านนที แม่ของเธอก็รีบเข้ามากระซิบที่ข้างหู
“แกอยากให้พ่อแกตายหรือไง! เงินก้อนนี้มันเอาไว้รักษาพ่อแกนะ”
คำพูดนั้นราวกับมีดที่กรีดลึกลงไปในหัวใจของปลายข้าว
ภาพของพ่อที่นอนป่วยอยู่บนเตียงฉายชัดขึ้นมาในสมอง ทำให้แรงขัดขืนของเธอทั้งหมดมลายหายไปในพริบตา
ปลายข้าวมองแม่ผ่านม่านน้ำตาที่บดบังทัศนียภาพรอบตัว ก่อนจะยอมให้เขาลากออกไปตามยถากรรม
เธอไม่รู้ว่าชะตากรรมของเธอจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่เธอก็พร้อมที่จะรับทุกอย่างเพื่อให้พ่อของเธอมีชีวิตรอด
ในห้องโดยสารของรถยนต์คันหรูที่กำลังแล่นไปบนถนนนั้นเงียบสงัด มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ดังเบาๆ เท่านั้นที่พุ่งเข้ามาในโสตประสาท
ปลายข้าวนั่งตัวเกร็งชิดประตู ราวกับพยายามหลอมรวมตัวเองให้เป็นเนื้อเดียวกับมัน เพื่อหนีจากชายหนุ่มข้างๆ
เธอกลัวเขาจนหัวใจเต้นระรัว แต่กระนั้นก็พยายามซ่อนมันไว้ภายใต้ใบหน้านิ่งเฉยๆ ให้ได้มากที่สุด
น่านนทีไม่ได้สนใจทิวทัศน์นอกกระจก สายตาคมกริบของเขากวาดมองไปทั่วร่างของเธออย่างไม่ปิดบัง
ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปจรดใบหน้า ราวกับกำลังประเมินราคาสินค้าชิ้นใหม่ที่เขาเพิ่งซื้อมาด้วยเงินมหาศาล
สายตาของเขาหยาบโลนและเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม จนปลายข้าวต้องก้มหน้าหลบด้วยความอับอาย
“เงียบทำไม”
เสียงทุ้มต่ำของน่านนทีดังขึ้น ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย
“ปกติก็เห็นแอบมองฉันตาเป็นมันอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ”
“ไม่... ไม่ใช่ค่ะ”
ปลายข้าวรีบปฏิเสธเสียงสั่นด้วยความร้อนรน คาดไม่ถึงว่าเขาจะเห็นมันด้วย
น่านนทีแค่นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน
“ฉันไม่ได้ตาบอดหรอกนะ”
เขาหยุดจ้องเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชวนขนลุก
“อย่าบอกนะ... ว่าเธอแอบชอบฉัน ปลายข้าว?”
“ไม่... ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ!”
ปลายข้าวรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว หน้าซีดเผือด เพราะกลัวว่าความลับในใจจะถูกเปิดเผย
“ก็ดี”
เขาหัวเราะอีกครั้ง
“เพราะคนอย่างเธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะชอบฉันในใจด้วยซ้ำ”
คำพูดนั้นราวกับคมมีดที่กรีดลึกลงในหัวใจ ปลายข้าวก้มหน้ารับความเจ็บปวดอย่างเงียบๆ
เธอรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยเสียเหลือเกิน เมื่ออยู่ใกล้กับเขา ในขณะที่เขาสูงส่งจนเหมือนมาจากคนละโลก
“ยอมขายตัวเองแลกเงินขนาดนี้... คงจะกะเอารวยเลยสินะ”
