บทที่ 1
“มองหาอะไรอยู่วะ” เสียงเข้มๆ ของไอ้มารพจญที่ฉันยังไม่รู้ว่าเป็นใครดังขึ้นอีกครั้ง
“เมื่อกี้เหมือนฉันได้ยินใครเรียก”
“ใครวะ! ไม่เห็นมีหมาสักกะตัว” หนอยๆๆ นี่นายเปรียบฉันเป็นหมางั้นเหรอ! หมาที่ไหนจะสวยสง่าราวกับเทพีตกสวรรค์แบบนี้กันยะ ฉันทำได้แค่คิดในใจก่อนจะจ้องมองชายหนุ่มที่จู่ๆ ก็โผล่มาขัดจังหวะงามๆ ที่นานๆ จะมาให้ได้สัมผัสด้วยความเครียดแค้นนี่ถ้าฉันมีคาถาอาคมล่ะก็คงจะเสกหนังควายเข้าท้องเขาให้มันรู้แล้วรู้รอดไปแล้วล่ะ กล้าดียังไงมาขัดจังหวะฉันซะได้!
“ว่าแต่แกมีอะไร...ซานต้า”
ชื่อซานต้างั้นเหรอ ปากคอเราะร้ายแบบนั้นน่าจะชื่อ ‘ซาตาน’ ซะมากกว่าล่ะมั้ง แต่ชื่อหมอนี่คุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะ อ้อนึกออกแล้ว ถ้าฉันเดาไม่ผิดหมอนี่ก็คงจะเป็นหนึ่งในสี่ของแก้ง ‘ซีเคร็ท’ นั่นเองสินะ
มิน่าล่ะ ถึงได้เรียกเจ้าชายของฉันอย่างสนิทสนมแบบนั้น
“แกคงไม่ได้ลืมใช่ไหม เรื่องที่ว่าคืนนี้แกต้องไปที่บ้านไอ้ชาโดว์เพื่อดูตัวกับผู้หญิงเกินครึ่งโรงเรียนี่จ่อมาลงชื่อขอดูตัวกับแกคืนนี้!” ว่าไงนะ! ทำไมฉันไม่รู้เลยว่าการดูตัวจะเกิดขึ้นที่บ้านของชาโดว์อะไรนั่น ชาโดว์ที่หมอนั่นพูดถึงถ้าให้ฉันเดาก็คงจะเป็นอีกหนึ่งในสมาชิกบ้าบอคอแตกอะไรนั่นแหงๆ และที่สำคัญไปมากกว่าอะไรใบโลกนี้...คืนนี้ด้วย!
“เออ ฉัน...ลืมวะ” เจ้าชายพูดขึ้นก่อนจะเกาหัวตัวเองไปมาแก้เขิล เวลาลืมก็ยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลยเจ้าชายของฉัน ทำไมนายถึงได้น่ารักกระชากใจกันแบบนี้นะ
“ให้ตายสิวะแกนี่มัน กลับไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้! สามทุ่มฉันจะให้ไอ้ไนท์ไปรับแกที่บ้าน”
“อืม” เจ้าชายพูดแค่นั้นก่อนที่ฉันจะเห็นหัวดำๆ ของเค้าค่อยๆ เดินจากไปโดยมีไอ้บ้าที่เข้ามาขัดจังหวะฉันยืนมองตามหลังไป
ฟ้าวววว~
อาจจะเพราะชาติที่แล้วฉันไปก่อนกรรมทำเวรเอาไว้มากเลยลมที่จู่ๆ ก็บังเอิญมาพัดแรงเอาตอนนี้ก็ไม่อาจทราบได้เพราะจู่ๆ ก็มีลมหมุนเล็กๆ พัดผ่านมาพร้อมกับจดหมายรักในมือของฉันที่หลุดลอยไปตามลม...
“เหวอออ...รอก่อนสิไอ้จดหมายบ้าเอ้ย!” ฉันตะโกนลั่นก่อนจะรีบวิ่งออกจากพุ้มไม้ที่ซ่อนตัวอยู่วิ่งตามจดหมายของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะกลัวว่าจะมีใครมาเห็นมันเข้า
ไม่ได้ๆๆ ขืนให้ใครได้อ่านจดหมายฉบับนี้เข้ามีหวังชีวิตฉันคงถึงกาลอวสานเหมือนละครหลังข่าวแหงๆ พ่อแม่ที่อยู่บนสวรรค์จะคิดยังไงถ้ารู้ว่าลูกสาวคนเดียวของพวกท่านเอาเวลาว่างทั้งหมดบรรจงเขียนจดหมายสารภาพรักหาผู้ชายแบบนี้ ถ้าเกิดว่าฉันตายไปจะเอาหน้าที่ไหนไปพบกับพวกท่านได้
กึก!
แต่แล้วก็เหมือนโชคยังเข้าข้างคนสวยเมื่อลมหยุดพัดและจดหมายสีชมพูซองน้อยๆ ของฉันจะค่อยๆ ร่อนลงอย่างช้าๆ ตรงหน้ารองเท้าผ้าใบสีขาวของใครบางคน....
ใครบางคนที่ค่อยๆ ก้มลงไปหยิบมันขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ
“นี่มัน....”
คำพูดที่ฟังดูกวนหูดังขึ้นก่อนที่ฉันจะค่อยๆ เลื่อนใบหน้าขึ้นไปมองร่างสูงตรงหน้าทันทีด้วยอารมณ์ที่ทั้งกลัวและโมโหสุดๆ
ใบหน้าเรียวยาวผิวสีขาว ดวงตาสีดำสนิท ผมสีเทาซอยระบ่า ไม่ต้องสาธยายอะไรให้มากความนัก บอกได้แค่ว่าผู้ชายตรงหน้าฉันในตอนนี้หล่อมาก!
เป็นเรื่องที่แปลกมากที่ฉันจะค้นพบว่ามีผู้ชายหล่อลากน่ากระชากมาทำสามีแบบหมอนี่อยู่โรงเรียนเดียวกันกับฉันด้วย หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือฉันเอาสายตาของตัวเองมองแต่เจ้าชายเพียงคนเดียวมาตลอดหนึ่งปีมันถึงจะถูก
ไม่แปลงหรอกที่ฉันจะไม่เคยเจอผู้ชายคนนี้
“จดหมาย...”
“ไม่ใช่นะ! มันไม่ใช่จดหมายรักนะ!!”
“ฉันยังไม่ได้พูดสักคำว่ามันคือจดหมายรัก ร้อนตัวเร็วเกินไปรึเปล่ายัยเจ้าหญิงน้ำแข็งประจำโรงเรียน” ไอ้หยาๆ หมอนี่รู้จักฉันด้วยเหรอเนี่ยแสดงว่าชื่อเสียงของฉันก็ดังใช่ย่อยสินะ
งามไส้แล้วยัยเมบีงี่เง่าเอ้ย!
“จดหมายนี่ของเธอเหรอ” ไอ้หัวเทาร้องถามก่อนจะเลิกคิ้วมองหน้าฉันด้วยท่าทีที่จับผิด
“มะ...ไม่ใช่!”
“ทำไมต้องติดอ่างด้วย เขาว่ากันว่าคนที่กำลังโกหกมักจะชอบพูดติดอ่าง” ฉลาดเกินไปแล้วนะเจ้าบ้าเอ้ย!
“มะ..ไม่ใช่สักหน่อย นะ..นายเอาที่ไหนมาพู๊ดดดดด!!”ให้ตายๆๆ แล้วนี่ฉันจะติดอ่างทำซากปรักหักพังอะไรเล่า
“เธอนี่มันตลกดีจริงๆ”
“หุบปากเน่าๆ ของนายแล้วคืนจดหมายมาให้ฉันซะ!”ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีพูดขึ้นเสียงเรียบ อย่าทำให้เขารู้เด็ดขาดว่าฉันมีความต้องการจดหมายนั้นคืนมามากแค่ไหน ไม่งั้นซวยแน่ๆ
“ลองบอกเหตุผลดีดีสักข้อสิว่าทำไมฉันต้องคืนให้เธอด้วย”
“เพราะ-ว่า-จด-หมาย-นั่น-มัน-เป็น-ของ-ฉัน! ชัดพอไหม”ฉันย้ำทีละคำช้าๆ ก่อนจะมองหน้าคนตรงหน้าด้วยอารมณ์โกรธแค้นแบบสุดๆ
“ถึงเจ้าชาย...นี่เธอเขียนจดหมายสารภาพรักไอ้เจ้าชายเหรอ” กรี๊ดดดด! ใครใช้ให้เขาอ่านจ่าหน้าซองที่ฉันเขียนกันล่ะเนี่ย มารยาทเก็บไว้ที่บ้านรึไงกัน จบสิ้นแล้วชีวิตนังเมบีจบแล้วจริงๆ
“มะ..ไม่ใช่นะ!”
“ฮ่าๆๆ เจ้าหญิงน้ำแข็งหลงรักเจ้าชายหิมะหรอวะเนี่ย!!”งามไส้แล้วไง ไอ้หมอนี่กำลังยืนกุมท้องหัวเราะเยาะความรักที่ฉันอุตส่าห์ฟูมฟักมาตั้งหนึ่งปีเต็ม มันน่าฆ่าให้ตายแล้วเอาศพไปฝัง!
“ฮ่าๆๆ ถ้าคนทั้งโรงเรียนรู้เรื่องนี้จะเป็นยังไงนะ”นั่นแหละคำพูดที่ฉันกลัวมากที่สุดในตอนนี้
