ep9
“โธ่ แม่ก็ นินจะไปทำอะไรได้ละคะ อยู่ที่นี่ จะให้นินทำหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นหรือไงคะ”
“ก็อยู่เฉยๆ นี่ล่ะ เก็บค่าเช่าที่ก็เหลือจะพอแล้ว”
“อยู่เฉย ๆ บ้าซิแม่ นั่งกินนอนกิน ชีวิตคนมันจะมีค่าขึ้นมาได้อย่างไร แล้วนินก็อุตส่าห์เรียนมาจนจบปริญญาตรีนะคะ” หญิงสาวกระเง้ากระงอด ลืมไปว่า มีชายหนุ่ม 2 คนร่วมโต๊ะอยู่ด้วย ไม่นับเด็ก 2 คนที่มองผู้ใหญ่ตาแป๋ว
“น้านิน ก็ไปช่วยน้านนท์ ทำรีสอร์ตซิครับ รีสอร์ตน้านนท์ซ๊วย สวย มะขวิดจะได้ไปเที่ยวบ่อย ๆ ” มะขวิดเสนอไอเดียตามประสาเด็ก จนโดนผู้เป็นยาย ถลึงตามอง เหมือนจะบอกให้รู้ว่า อย่าสอดเวลาผู้ใหญ่พูดกัน!
“สนใจมาเป็นผู้จัดการรีสอร์ตให้พี่ไหมล่ะ นิน เอาวิชาความรู้ที่เรียนมา ปรับใช้ประชาสัมพันธ์รีสอร์ตพี่ได้นี่” นนท์ยิ้มรับคำเสนอของเจ้าตัวเล็ก ทำให้มะขวิดที่ก้มหน้างุด แอบลอบยิ้ม ขณะที่ตามองแค่หัวแม่เท้าตัวเอง
“ตอนนี้ รีสอร์ตพี่ มีรายการทีวีมาติดต่อ ขอใช้สถานที่บ่อยๆ แต่พี่ยังไม่พร้อม ได้นินไว้คอยช่วย ก็เบาแรง”
อนินนาถปรายตา มองหุ้นส่วนอีกคน กัลป์ยิ้มใส่ตา ประหนึ่งว่า เขาตามใจเธอ
โอ้หนอ.....ประกายตาวิบวับที่ส่งให้ เหมือนเข็มเล่มเล็กที่ทรงอานุภาพนับสิบเล่มพุ่งแทงที่หัวใจ จนทำให้เธอเจ็บแปล๊บจนชาไปทั้งร่าง
รับกับมันให้ได้นะอนินนาถ ผลจากอดีต ไม่สามารถทำร้ายเราได้ นอกจากตัวของเราเองที่ยัง .....ไม่ลืม
“ถ้าไม่กลัวเหนื่อย ไปเช้า เย็นกลับ ก็ได้นะนิน เพราะไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่ อย่างน้อย ก็จังหวัดเดียวกัน ไปมาสะดวกกว่ากรุงเทพฯ” นนท์ พยายามคะยั้นคะยอ อย่างน้อยเขาก็รู้ว่า คุณนายจันทร์ส่งสัญญาณให้เงียบ ๆ ว่า นายต้องทำให้อนินนาถอยู่ที่นี่ ไม่ไปกรุงเทพฯ
“กำนันบ้านั่น มันไม่ตามนินอีกเหรอ แล้วนี่เขาก็รู้แล้วว่า นินสึกแล้ว ก่อนสึก ก็ยังรู้อีกว่า นินถอนหมั้น” นินใช้ข้ออ้างเท่าที่จะพอนึกออก หากแต่ นนท์ ผู้ได้รับสัญญาณ ยืนยันหนักแน่นว่า ไม่มีปัญหา
“เรื่องนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึง กำนันเขาเล็งสาวใหม่ไปแล้ว แถมมีคนปล่อยเขา ยังปฏิเสธเขาอีกว่า นินแต่งงานกับคนกรุงเทพฯ ไม่ใช่แค่หมั้น” คนพูดปรายตามาอง “คนปล่อยข่าว” แอบขำเล็กๆ ว่า ช่างปล่อยข่าวให้ลูกสาวตัวเองเสีย ทั้งที่ไม่ใช่ความจริงเลย
“เขาก็ไม่ได้หวังว่านินจะหม้าย หรือโสดนะ แต่ที่เขามาวุ่นวายกับนิน เพราะอยากได้สมบัติต่างหาก” อนินนาถพูดพลางปลายตาไปที่ คนอื่น ที่นั่งร่วมโต๊ะ ราวกับจะบอกว่า ฉันไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก
แต่พอได้สติ ก็สะดุดกับความคิดตัวเองว่า ทำไมต้องอยากจะอวดตัว เขากับเรา ต่างตัดขาดเยื่อใยอดีตชาติกันแล้ว
“เหตุการณ์ที่คุณนินหลับไปกว่าเดือน เป็นวิบากกรรมของคุณนิน โชคดีที่คุณนินฟื้นขึ้นมา แต่ถ้าไม่ คุณไม่เสียดายหรือครับว่า เวลาที่เหลืออยู่ คุณน่าจะอยู่ใกล้คนที่คุณรัก ตอนนี้ คุณได้โอกาสที่จะมีชีวิตอีกครั้ง คุณจะไม่ลองเลือกเส้นทางที่จะอยู่ใกล้คนที่คุณรักหรอกหรือ”
กัลป์นั่งฟังอยู่นาน ลองเอ่ยขึ้นบ้าง เรียกรอยยิ้มจากผู้สูงวัย เพราะเห็นว่า เป็นเหตุผลที่ดีที่สุด แต่จะด้วยเหตุผลที่ดี หรือ เป็นเพราะคนที่ชักชวนเคยเป็นคนพิเศษก็ไม่ทราบ เพราะจู่ ๆ อนินนาถก็รับปากว่า จะลองไปทำรีสอร์ตร่วมกับนนท์ ดู เพราะอย่างน้อย ที่ดินแปลงหนึ่งก็คือสมบัติที่จะตกของเธอเองในอนาคต
******************
“บ้านไม้หลังนั้นสวยจังนะคะ ร่มรื่นแล้วก็ดูคล้ายเรือนไทย แต่หลังคาไม่สูง”
“เรือนไทยโบราณของอีสานน่ะ หลังคาไม่สูงเหมือนเรือนไทยที่อยุธยา ตัวเรือนนั่นก็ไม่ใช่ไม้สักหรอก ไม้แดง ไม้ตะเคียน แล้วแต่จะหาได้”
“แต่ทำไมดูสวยนักละคะ”
“เพราะมันเก่า ร่มรื่น และมีการดูแลรักษาอย่างดีไงล่ะ บ้านจะน่าอยู่ จะสวยหรือไม่สวย มันอยู่ที่คนอาศัยด้วยนะ”
“บ้านของใคร”
“เดี๋ยวนินก็รู้เองแหละ”
“เอ นี่เรากำลังจะเข้าไปในบ้านหลังนั้นหรือคะพี่นนท์”
“ใช่ แวะเสียหน่อย ไหน ๆ ก็มาแล้ว รีสอร์ตของเรา ขับเลยไปไม่ไกลนักหรอก ที่พี่แวะเข้ามาทางนี้ เพราะอยากจะพานินมารู้จักท่านไว้”
“ดีจัง นินกำลังสนใจว่า วันหนึ่งจะขอเข้าไปดูสักหน่อย”
รถขับเคลื่อนสี่ล้อ คันใหญ่โขยกเข้าไปในดินลูกรังอัดแน่นสีอิฐ ก่อนฝ่าเข้าไปในรั้วบ้านที่ปักเสาไม้เรียงรายโดยมีต้นมะขามสั้นๆระดับอกเป็นแนวรั้วแทนลวดหนาม
เรือนไทยอีสานหลังนี้ ปลูกสร้างตรงตามหลักโหราศาสตร์โบราณ ตามความเชื่อของไทยอีสาน ที่สร้างเรือนให้ด้านกว้างหันไปทางทิศตะวันออกและตะวันตก ให้ด้านยาวหันไปทางทิศเหนือ และใต้ ซึ่งเป็นลักษณะที่เรียกว่า วางเรือนแบบ "ล่องตาเว็น" เพราะถือกันว่า หากสร้างเรือนให้ "ขวางตาเว็น" แล้วจะ "ขะลำ" คือเป็นอัปมงคล ทำให้ผู้อยู่ไม่มีความสุข
แต่สิ่งที่ผิดแผกออกไป คือ ปกติเรือนอีสานไม่นิยมทำรั้ว เพราะเป็นสังคมเครือญาติ หากแต่ที่นี่ ใช้การปลูกพืชเพื่อล้อมอาณาบริเวณ ส่วนบ้านหลังอื่นๆ แม้อยู่ใกล้เคียงกันก็มิได้มีการจัดแสดงบริเวณแต่อย่างใด จนดูเหมือนกับว่า บ้านหลังใหญ่นี้ ได้รับการนับหน้าถือตาเหนือกว่า บ้านเรือนหลังอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน
