ep 8 พระธำมะรงค์นาคา
ห้างสรรพสินค้าในเมือง ไม่มีอะไรดึงดูดใจอนินนาถ เพราะตัวเธอเองต่างหากที่ดึงดูดความสนใจจากผู้คน
นนท์ ทำตัวเสมือนคนรักของเธอไม่ปาน ทั้งชี้ชวนดูของ และช่วยถือของ หัวเราะและยิ้มให้กันอย่างร่าเริง ส่วนเด็กๆ ลากยายไปดูของเล่นและหนังสือการ์ตูนอีกทาง
“ชีสึกใหม่นั่น คู่รักคงมาคืนดี ถึงได้สึกมานะ”
เสียงแว่วเข้ามาให้ได้ยิน อนินนาถยิ้ม ไม่แคร์ ส่วน นนท์ หน้าแดง ไม่รู้ว่าเพราะโกรธ หรือเพราะอาย
“อายหรือพี่นนท์” อนินนาถแซว
“พี่ทำตัวไม่ถูก”
“แคร์ทำไม แค่ปากคน”
“แต่ปากคนมันทำให้นินเสียนะ”
“ถ้านินจะเสียก็เสียที่ตัวนิน ไม่ใช่ที่ปากชาวบ้านนะคะ”
นนท์ก้มลงมองหญิงสาวที่เขาเคยดูแลมาตั้งแต่เล็ก นึกในใจว่า โชคดีจังที่เขาไม่ตกหลุมรัก หญิงสาวที่หน้าตาหมดจดคนนี้ ไม่งั้นเขาคงทรมานใจกับฐานะของเขากับเธอ และคงเนรคุณกับผู้มีพระคุณ
“มีไรหรือคะ” อนินนาถเงยหน้ามองสบตา ไม่มีอะไรหวั่นไหวในสายตานั้น
“เปล่าหรอก ผมทรงนี้เท่ดีนะ”
“ฮ่าๆๆ พี่นนท์ ละก็” อนินนาถเลยหัวเราะเสียงใส สองหนุ่มสาวที่รักกันเหมือนพี่น้อง
อนินนาถ หันมามอง นนท์ วงศ์วสุ พี่เป็นเสมือนพี่ชายอย่างทึ่ง ๆ อดนึกแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมจนป่านนี้แล้ว ถึงไม่แต่งงานเสียที
“มองอะไร แม่ชี”
“ดูๆ ไป พี่นนท์ ก็หล่อนะคะ น่าแปลกไม่มีแฟน”
“ยังไม่เจอคนที่ใช่... สมัยนี้เขาว่ากันอย่างนี้” นนท์ตอบด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ ไม่ได้แคร์อีกแล้ว กับสายตาคน คำพูดคน ตัวของเรา ใจของเรา สำคัญกว่า
กัลป์ กัมปนาท เฝ้ามองดู หนุ่มสาวที่อยู่หยอกล้อกันอยู่ไม่ไกลจากร้านหนังสือที่เขาลอบมองอยู่ นนท์ เด็กหนุ่มรุ่นน้องลูกศิษย์หลวงพ่อที่เขานับถือ กับหญิงสาวที่เส้นใยบางเบาแห่งความผูกพันถูกตัดขาดไปเมื่อไม่นานมานี้ เขาลังเลที่จะเข้าไปทักทาย หรือจะเร้นกายไปแบบ ไม่รู้ ไม่เห็น
“พ่อกัลป์” เสียงเนิบช้า ทักจากเบื้องหลัง ทำให้กัลป์สะดุ้งจากความคิดสองจิตสองใจ
“สวัสดีครับ คุณอา”
“ไม่เจอกันนาน เป็นยังไง มาเที่ยวเหมือนกันเหรอ”
“อ้อ ครับ ผมมาหาซื้อหนังสือนะครับ” กัลป์ ตอบพร้อมเอียงตัวไปยิ้มทักทายกับเด็กๆ ที่เลือกรื้อหนังสือการ์ตูนภายในร้าน
“นาน ๆ มาเสียที ให้เขาเลือกซื้อ เลือกอ่านกันตามสบาย เด็กนี่นะ ถ้าสนใจหนังสือ อะไร ๆ มันก็จะดีตามมา”
“ครับ เด็กรักการอ่าน ปลูกฝังแต่เล็กแต่น้อย ก็ทำให้เด็กสนใจค้นหาความรู้ด้วยตัวเอง”
“แล้วนี่พ่อกัลป์ จะเรียนจบหรือยังล่ะ ไอ้วิชายากๆ ที่เรียนอยู่”
“อ๋อ ใกล้จบแล้วครับ”
“วันนี้ ถ้าไม่ติดธุระอะไรที่ไหน ก็ เดี๋ยวไปหาอะไรทานด้วยกัน มะขาม มะขวิด ได้หนังสือหรือยังละลูก” แม้จะเป็นคำถามที่ ถามความสมัครใจของกัลป์ หากแต่การไม่รอคำตอบ และเร่งเด็ก ๆ ก็ทำให้กัลป์ รู้ว่า เขาไม่มีทางปฏิเสธ
“ไม่ยักทราบว่า คุณกัลป์ลงหุ้นทำไร่ กับพี่นนท์ด้วย” อนินนาถ ถามด้วยความประหลาดใจ
“พวกเรามีหุ้นกันนิดหน่อยนะนิน พอดีว่า พื้นที่ไร่ที่พี่ไปซื้อติดกับของอาจันทร์ อีกด้านหนึ่งติดกับที่ของคุณกัลป์ ก็เลยทำเป็นผืนเดียวกัน ปลูกองุ่น ทำฟาร์ม ทำรีสอร์ต กันไปเลย”
“แหม ไม่ยักรู้นะคะ ว่า คนที่เรียนปรัชญาศาสนา นอกจากไปสนใจจารึก ยังสนใจธุรกิจรีสอร์ตด้วย” อนินนาถกล่าวด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ดูเหมือนยั่วเย้าเล่น แต่ลึก ๆ นั้น เธออดที่จะประชดไม่ได้
“ก็ดีนะ สนใจหลายด้านไว้ก็ดี โลกเราหมุนเร็ว เทคโนโลยีเปลี่ยนไปเรื่อย เรียนรู้ให้รอบด้าน เราจะได้ตามเขาทันไงนิน”
“ค่ะ พี่นนท์ พ่อคนหัวหมอ” อนินนาถค้อนขวับอย่างไม่รู้ตัว
“อ้าว แล้วเรื่องอะไร ว่าเคืองให้พี่ล่ะเนี่ย” นนท์อดหัวเราะไม่ได้ เพราะกิริยาที่อนินนาถทำนั้น เขาเพิ่งเคยเห็น ตั้งแต่เล็กจนโต อนินนาถ ไม่เคยแสดงอาการแบบหญิง ๆ แบบนี้ กับเขาสักที ขณะที่กัลป์เอง ได้แต่เลิกคิ้วแปลกใจเท่านั้น ส่วนนางจันทร์ ลอบมองดูหนุ่มสาวคุยกัน ก็ได้แต่เก็บความรู้สึกไว้ นนท์นั้น ไม่มีปัญหาอะไรเพราะคุ้นเคยมานาน
ส่วนกัลป์ ชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจ ดูเหมือนว่า อดีตคู่หมั้น กับนายคนนี้ จะช่วยกันดูแลอนินนาถ ยามตกอยู่ในห้วงนิทรา ไม่แตกต่างกันนัก และดูเหมือนว่า กัลป์ จะเข้าใจภาวะ ของอนินนาถในยามนั้น มากกว่าทศวาร ที่ได้แต่ยืนมองอย่างเศร้าสร้อย
วันนี้ ดูเหมือนว่า อนินนาถมีบางอย่างผิดปกติไปกับชายหนุ่มคนนั้น เหมือนกับมีบางอย่างที่เคืองแค้นกันอยู่
“มะขาม มะขวิด จะทานอะไรอีกไหมลูก น้าจะสั่งให้”
“พุงจะแตกแล้วน้านิน” มะขวิดตอบเสียงแจ้ว วันนี้เด็ก ๆ ดูเหมือนมีความสุขมาก ๆ ที่ได้มาเที่ยวห้างในเมือง วันนี้พวกเขายังไม่รู้หรอกว่า ชีวิตบ้านสวนของเขานั้น มันหาไม่ได้ง่ายนัก ในเมืองเช่นนี้ เธอจะพาหลาน ๆ มาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่บ้านสวน เป็นกรรมสิทธิ์ เด็กในเมืองรึ จะมีโอกาสได้ไป
“คุณนิน จะใช้ชีวิตต่อยังไงครับ ผมขอนุญาติละลาบละล้วง” กัลป์สบตาหญิงสาว และแสดงความจริงใจในคำถามนั้น
“ฉันว่าจะให้เขา อยู่บ้านนี่ล่ะ ไม่อยากให้ไปดิ้นรนที่ กรุงเทพฯ” คุณนายจันทร์ ตอบแทน อย่างน้อยก็ประกาศให้ลูกสาวรู้ว่า คนเป็นแม่ต้องการอะไร และให้พยานอย่างน้อย 2 คนที่ร่วมโต๊ะอยู่นี้สนับสนุนความคิดของนาง
