ep3
“ทศ เรามีวาสนากันแค่นี้ นินเจ็บปวดไม่น้อย และเจอะเจออะไรอีกมากมายในยามที่นินหลับไป แต่นินก็ไม่เคยลืมเรื่องราวเมื่อตื่นขึ้นมา และนิน จำต้องทำตามสัญญานะคะ” อนินนาถแตะมือลงบนแขนที่สั่นเทาของคนรัก ลึก ๆ ลงไป เธอเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กับเขา เธอวางอนาคตร่วมกับเขามานานปี หากแต่วันนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม
การจากพรากทั้งที่รักกันอยู่ เจ็บปวดนักหนา เธอกับเขาต่างเจ็บร้าวอยู่กันคนละฟากฝั่ง แต่นั่นคือความจริงที่เธอเลือก บางทีความถูกต้อง มันก็ไม่อาจลบล้างความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นได้
*****************
ทศวารนึกถึงตอนที่เขาร่ำลา อนินนาถครั้งสุดท้ายที่วัด บอกเธอว่าอย่างไรเขาก็จะรอเธอ แม้ว่าเธอจะปฏิเสธว่าจะไม่สึกออกจากการบวชชี...ตลอดชีวิต ลึก ๆ เขาหวังว่าเธอ จะไม่ทำอย่างนั้น และมาบัดนี้เขาเองก็ยังทำใจไม่ได้
“อ้าว ไอ้ทศ นี่แกยังกินเหล้าไม่เลิกอีกเหรอวะ” เสียงเอกพจน์ ประธานบริษัท ธุรกิจส่งออก ของ นวภูมิ คอมปานี ตวาดลั่น เมื่อกลับมาถึงบ้านเห็นลูกชายคนกลางนั่งกินเหล้าไม่หลับไม่นอน ทั้งที่ก่อนที่เขาจะออกจากบ้าน ลูกชายก็ยังนั่งกินเหล้าอยู่ที่เดิม
“คุณทศ เพิ่งตื่น เมื่อสักครู่เองค่ะ ตื่นมาแล้ว ก็เรียกหาเหล้า ดิฉันเพิ่งเอามาให้ค่ะ” วารี สาวใช้รีบรายงาน เอกพจน์ เพราะไม่อยากให้เจ้านายที่เธอรักถูกตำหนิว่ากินเหล้าทั้งวัน แต่ก็ไม่พ้น
“แล้วมันจะกินให้มันได้อะไรขึ้นมา งานการไม่ยอมทำ กลับมาบ้านก็นั่งเอาแต่กินเหล้า”
“ฉันว่า ปล่อยเขาเถอะค่ะคุณ อีกวันสองวัน ทศเขาก็คิดได้เอง ตอนนี้เขาเสียใจอยู่”
“กับอีแค่ผู้หญิงคนเดียว มันจะเสียใจอะไรนักหนา หาใหม่ได้เยอะแยะ”
“ผู้หญิงเยอะแยะ แต่เขารักผู้หญิงคนเดียวนี่คุณ” ดารณีสะบัดหน้าค้อนสามี แล้วเดินไปนั่งข้างทศวาร
“ทศ ดื่มหนักไปไหมลูก” ดารณีลูบหลังผู้เป็นลูกชายคนโปรด แน่ล่ะ ลูกชายคนโตของเธอ แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว แต่สะใภ้ไม่ถูกใจเธอนัก ทำให้เธอมาคาดหวังเอากลับลูกชายคนนี้
“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณแม่ ผมก็กินไปเรื่อย ๆ พอคิดอะไรเพลิน ๆ ”
“คิดอะไรเพลิน ๆ แล้วเมื่อไหร่แกจะไปทำงานซะที เห้อ ไอ้ทศ” เอกพจน์ยังยืนเท้าเอวว่ากล่าวลูกชายอยู่
“ครับ ผมจะไปพรุ่งนี้ ผมโทร.บอกพี่ทิตย์ไว้แล้ว”
“ดี แล้วพรุ่งนี้ อย่าให้ฉันเห็นแกในสภาพอย่างนี้อีก” เอกพจน์ชี้หน้าทศวาร ก่อนเดินขึ้นชั้นบนของบ้านไปอย่างหัวเสีย
“ทศจ๊ะ ถึงนินจะเป็นคนที่ทศรัก แต่แม่ว่า ทศตัดใจลองหาใครสักคนดีไหมจ๊ะ บางที การมีใครสักคนมาแทนที่ เราอาจจะลืมคนเก่าได้นะทศ”
“ผมไม่มีทางลืมเขาได้หรอกครับคุณแม่” ทศรินเหล้าลงแก้วสาดเข้าลำคอ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เขาไม่รู้หรอกว่า เขาดื่มเหล้าอย่างนี้มากี่วันแล้ว
“ทศฟังแม่นะ เหล้าในแก้วของทศ ถ้าเติมน้ำลงไปสักหน่อย มันจะเป็นอย่างไง”
“จืด” ทศตอบไม่สนใจ
“ยิ่งเติมก็ยิ่งจืดใช่ไหม” ดารณียิ้มให้ลูกชาย ทศมองหน้าแม่ แล้วละสายตามองแก้วเหล้าในมือนิ่ง
“เติมไปเรื่อย ๆ บางทีมันก็หมดรสเหล้า” ดารณีพูดต่อ ขณะที่ทศมองแก้วในมือที่มีเหล้าเหลืออยู่ก้นแก้วเล็กน้อย
“ทศ”
“คุณแม่ครับ ผมเข้าใจ การที่จะให้ใครมาแทนที่ เพื่อให้ลืมใครอีกคนที่แม่กำลังเปรียบเปรยอยู่นี่ ผมเข้าใจครับ แต่ผมทำได้แค่เพียง เติมเหล้าลงไปอีก” ทศกล่าวเสียงอ้อแอ้แล้วรินเหล้าลงไปในแก้วอีกครั้ง
“เฮ่อ ลูกฉัน” ดารณีบ่นพึมพำส่ายหน้า
“แม่เชื่อว่าลูกคิดได้ พรุ่งนี้ก็อย่าลืมทำตามที่บอกพ่อเขาไว้ก็แล้วกัน” นางบอกลูกชาย ตบบ่าเบาๆ แล้วเดินออกไป ส่วนทศวารเมื่อเห็นมารดาเดินออกไปแล้ว ก็เรียกวารี สาวใช้มาเก็บของก่อนเดินโซซัดโซเซกลับขึ้นห้อง ทศวารบอกตัวเองว่า เขาควรยอมรับความจริงได้แล้ว
*************
“อ้าว ปีศาจสุราที่มันอยู่ในตัวแก กลับนรกไปแล้วรึ เจ้าทศ” เอกพจน์เอ่ยขึ้น เมื่อเห็นลูกชายแหกคอกคนเดียวของเขา นั่งทานอาหารอยู่ วันนี้ทศวารใส่สูทผูกไทร์ เป็นภาพลักษณ์ที่เขาไม่เคยเห็น
“แต่งตัวแบบนี้ ค่อยดูเป็นผู้เป็นคน ชุดเก่า ๆ ของแก ก็บริจาคเขาไปซะ”
ทศวารเงยหน้าขึ้นมองบิดาของเขา ไม่กล่าวว่าอะไร แม้เขาจะไม่ชอบที่จะต้องใส่สูทไปทำงานแบบนี้ แต่เขาก็รู้ฐานะตัวเองว่า ควรจะแต่งกายอย่างไรในสังคม นับแต่นี้ สภาพ แวดล้อมใหม่ ๆ จะทำให้เขาไม่เจ็บปวดเกินไปนัก และนั่นเป็นเพียงเหตุผลเดียวที่เขาลาออกจากงานช่างภาพข่าวที่เขารัก ไม่ใช่เพราะเขาจะลืมเธอ แต่เพราะเขาไม่อยากให้ตัวเองเจ็บปวดกับภาพความหลังในบรรยากาศเก่า ๆ ที่ตามหลอกหลอน ลึก ๆ ทศวารเชื่อว่า อนินนาถจะกลับมา
“แล้วเจ้าทิตย์ มันให้แกทำงานในตำแหน่งอะไรล่ะ” เอกพจน์ถามขึ้น เขาให้อาทิตย์ลูกชายคนโต จัดการเรื่องทศวาร
“ตอนนี้ให้ผมไปศึกษาดูงานก่อนครับ เพราะผมยังไม่รู้อะไรเลย”
“งั้นก็ดี จะเอาตำแหน่งกรรมการผู้จัดการไป โดยที่ไม่รู้อะไรเลย เดี๋ยวจะทำบริษัทฉันเจ๊งไปก่อน” เอกพจน์พูดเจือหัวเราะ
