ep2
เสียงอึกทึกของดนตรีด้านใน ทำให้ต้องพูดคุยกันใกล้ชิด ศจีสาวสวยก็ใช้โอกาสนี้ล่ะ พูดมากเสียจริง พูดจาแต่ละทีร่างทั้งร่างก็เบียดเข้าหาชายหนุ่มอย่างไม่ระมัดระวังว่า หน้าอกหน้าใจจะไถลถลาไปหาบุคคลตรงหน้าขนาดไหน ฝ่ายชายหนุ่มก็ได้แค่นั่งเกร็งตัวผงะถอยเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ไม่นานนัก เมื่อเหล้าเข้าปาก ตติยะก็มองเห็นว่า ไอ้ท่าทีผงะถอยและเกร็งรับ เมื่อถูกเบียดเสียดนั้น กลับผ่อนคลาย และดูคล้ายจะโน้มเข้าหาเองเสียด้วย
“คนนะ ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ลงได้เหล้าเข้าคอไปแล้วด้วย เฮ่อ” ตติยะ บอกตัวเองอย่างปลง ๆ และด้วยเหตุนี้เอง ที่ทศวารถึงได้ให้เขามาเป็นเพื่อน
ตติยะ เงยหน้าดูนักร้องเด้งหน้าเด้งหลังอยู่ชั่วครู่ หันกลับมาอีกที เห็นนักข่าวกับช่างภาพสุมหัวกันอยู่ จนเขาต้องพาตัวเอง ดึงร่างของทศวารออกมา และในความมืดนั้น เขาก็ยังเห็นว่า ริมฝีปากที่ผละออกจากกันนั้นส่อแววเสียดายแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่าทศวารก็รู้สึกตัวแล้ว ตบไหล่ เจ้าตัวกลางเบา ๆ ก่อนขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
“พี่ศจี ทำอะไร น่าเกลียด” ติว ตำหนิตรง ๆ
“เธอนั่นแหละ น่าเกลียด มาทำไมไม่รู้”
“ก็มากันคนที่พยายามจะจับคนที่เขาไม่รักตัวนั่นแหละ”
“ฉันรักพี่ทศแล้วมันผิดตรงไหน”
“ผิดซิ พี่ทศเขามีคู่หมั้น คู่หมายอยู่แล้ว พี่ก็น่าจะรู้”
“นินน่ะหรือ จะฟื้นหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย ไว้ให้เขาฟื้นก่อนซิ ฉันจะคืนให้” ศจีตะโกนแข่งไม่ลดละ
ตติยะ กำลังจะเถียงกลับ ก็บังเอิญเห็นทศวารเดินกลับมาที่โต๊ะ จึงหยุดแล้วชวนกลับทันที
“กลับเถอะครับ พี่ทศ ผมเบื่อ เอ๊ย เหนื่อยนะครับ” ตติยะยังยิ้ม
“เอาซิ พี่เองก็ล้า ๆ” ทศวารรับคำ และยังใจดีกล่าวกับศจีว่า
“ศจีล่ะ เอารถมาหรือเปล่า พี่ไปส่งไหม”
“ศจีมาแท็กซี่ค่ะ คงต้องรบกวนพี่ทศแล้วล่ะ”
“เฮ่อ วางแผน” ติวพึมพำ
“เธอว่าอะไรฉัน” ศจีจ้องเขม็งกับปากที่พึมพำฟังไม่ได้ศัพท์จากเสียงดนตรีที่ดังอยู่
แต่ทศวาร ดึงทั้งคู่ออกมาข้างนอก เพราะพูดไปก็คงเสียงแหบแห้งกันพอดี
“ไปส่งติวก่อนก็ได้นะคะ พี่ทศ ติวท่าทางจะเพลีย”
ศจีกล่าวขึ้นอย่างใจดี
“ตลกน่าพี่ศจี มุขตื้นเขิน ไร้ปัญญา” ติวอดรนทนไม่ไหวกล่าวยั่วขึ้น
“ไอ้ติว นี่แกว่าฉันเหรอ” ศจีสวนคำ ออกมาอย่างโมโห สีหน้าถมึงทึง จนลืมไปว่าอยู่ต่อหน้าทศวาร
“ไม่ต้องเถียงกันหรอกครับ คอนโดผมกับบ้านเจ้าติว อยู่ทางเดียวกัน ยังไงก็ต้องไปส่งศจีก่อนอยู่ดี”
“ถ้าลำบากนัก ให้ศจีนอนที่คอนโดพี่ทศก็ได้ค่ะ ศจีง่วงแล้ว”
“เฮ่อ ไม่เนียนเลยพี่” ติวแสยะยิ้ม สมเพช
“เอาเถอะ ๆ พี่ไม่ลำบากอะไร ไปส่งศจีได้ ไม่มีปัญหา”
ศจี สาวสวย ได้แต่มองค้อนด้านหลังของเด็กรุ่นน้องในความมืด ขณะที่เจ้าตัวต้นเหตุ ลอยหน้าลอยตาไม่รับรู้อันใด ยิ่งคิดสาวเจ้าก็ยิ่งแค้น เจ้าก้างขวางคอตัวนี้ ดูซิ รสจูบหวานลิ้นยังค้างคา มันก็ดันกระชากออกมาจนเสียอารมณ์ นึกแล้วก็อยากจะเอาหินทุ่มกบาลเสียนัก
ทศวาร กลับจากนครราชสีมาด้วยหัวใจอันแห้งโหย คู่หมั้นหมายที่นิทรามานานนับเดือนเมื่อฟื้นตื่นขึ้นมากลับเดินทางสู่ร่มเงาของศาสนา เขาไม่อยากเชื่อเลยว่า อนินนาถจะโกนผมบวชชี เมื่อแรกที่เขารู้ว่า อนินนาถถูกพาออกจากโรงพยาบาล ทั้งที่เขาท้วงแล้วท้วงอีก ว่า ตัวเขามีเงินมากเพียงพอที่จะจ้างพยาบาลพิเศษเพื่อดูแลเธอ แต่นางจันทร์ ผู้เป็นมารดาของอนินนาถ ดื้อรั้นไม่ยอมฟัง และได้พาตัวเธอกลับบ้านไปดูแลเอง คราวนั้นเขาก็แทบหัวใจสลายไปครั้งหนึ่ง จากกรุงเทพฯ ไป นครราชสีมา ถึงแม้ว่าไม่ไกลกันนัก แต่เขาต้องขับรถไกล 2-3 ชั่วโมง เพื่อไปเยี่ยมเธอที่ไม่ยอมแม้แต่จะลืมตาขึ้นพูดกับเขา ลำพังที่กรุงเทพฯ เอง โอกาสที่เขาจะเยี่ยมอนินนาถก็น้อยนิด ด้วยเวลาและหน้าที่ แล้วนี่มารดาของเธอกลับพาเธอไกลจากเขา
เมื่อแรกที่ทศวาร รู้ว่าอนินนาถฟื้นตื่น เขาละงานทุกอย่างโดยไม่แคร์ว่า งานจะเสียหาย ศจีที่ยังตามติดเขามาตลอดหลายเดือน เขาก็ละทิ้งไม่ใส่ใจ ทั้งยังทุ่มเถียงกับเธอ ให้เธอเข้าใจว่า อนินนาถฟื้นแล้ว และคนที่เขาหมั้นคือ อนินนาถ เท่านั้น
หากแต่ เมื่อพบกับเธอ อนินนาถยิ้มเศร้า กล่าวขอโทษว่าไม่สามารถร่วมชีวิตได้ด้วยแล้ว
“เพราะอะไรหรือ นิน ผมไม่เข้าใจ”
“นิน ต้องทำตามคำสัญญาค่ะทศ นินจะบวชเพื่อเขา”
“แล้วเรื่องของเราล่ะ”
“เรามีวาสนาต่อกันแค่นี้” อนินนาถสะอื้นร่ำไห้ บอกลา
“ผมไม่ยอมนะนิน ผมไม่ยอม” ทศวารผวาเข้ากอดอนินนาถ ร่ำไห้เหมือนเด็ก ๆ ใบหน้าคมสันเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา อ้อมกอดที่กระชับแน่นกับร่างบางเหมือนจะไม่ยอมปลดปล่อยเธอไปจากเขา
“นินตัดสินใจแล้ว ที่นินฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล
นินต้องชดใช้ให้เขาค่ะทศ”
“ทำไมนิน ไม่คิดถึงผมบ้าง นินเองก็ติดค้างผมอยู่” ทศวารท้วง
“ขอนินชดใช้ให้คุณในชาติหน้านะคะ ชาตินี้ นินขอชดใช้ให้เขา”
“ทำไมนินต้องชดใช้ ด้วยการเลิกรากับผม เธอจะรู้บ้างไหม ว่าเธอทำร้ายหัวใจของคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยหัวใจที่กำลังจะแตกสลาย”
ทศวารยังร้องไห้ออกมาเหมือนเด็ก ๆ อนินนาถผละจากอ้อมแขนที่รัดรึงนั้น ทศวารยังดึงรั้ง แต่เมื่อสบตาเด็ดเดี่ยวของ อนินนาถก็ยอมปล่อย
“ทศนั่งลงก่อน” อนินนาถพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าไม่แพ้กัน
ทศวาร ทรุดนั่งลงบนม้าหินในสวนหลังบ้านที่ร่มรื่นไปด้วยไม้ผลที่นางจันทร์ปลูกไว้ มือเรียวยาวกอบกุมศีรษะไว้ทั้งสองข้าง ไม่อยากรับฟังคำพูดของสาวคนรัก
