บท
ตั้งค่า

ep16

อนินนาถเคลิ้มหลับไปหลังจากสวมแหวนนาคาที่นิ้วนางข้างขวา ความรู้สึกอบอุ่นราวมีใครคลี่คลุมผ้าห่มให้กับเธอราวเด็กตัวน้อย ๆ ที่ต้องการพักผ่อน นานแล้วที่เธอไม่ได้หลับสนิทและไม่กังวลต่อสิ่งใด ๆ นานแล้วที่ความเหนื่อยล้าจากสิ่งที่เผชิญพรากเอาความสดใสของเธอไป

“หลับให้สบายเถิด เราจักปกป้องเจ้าเองในยามนี้” เสียงทุ้มนุ่มลอยมาไกลเหลือเกิน ไกลจนเธอเองไม่เคยคิดว่า แท้จริงมันเป็นเสียงกระซิบแผ่วเบาที่อยู่ข้างหูเธอนั่นเอง

บุรุษหนุ่มเพ่งมองหญิงสาวตรงหน้า ด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง ห่วงใย ใจอยากเข้าไปกอดสาวเจ้าให้หายคิดถึง แต่จะมีประโยชน์อันใดเล่า เมื่อนางไม่เคยเหลียวมองกลับมาเลย แม้สักครั้ง แต่รักก็คือรัก แม้เคยถูกประเมินค่าด้วยความไม่มีตัวตนในสายตาและหมางเมิน ก็ไม่ได้ทำให้บุรุษผู้นี้เปลี่ยนใจ

แสงจันทร์ทอแสงนวลเข้ามาภายในบริเวณห้องที่รูดม่านกั้นแสงในห้องกระจกไม่สนิท สายตาที่จับจ้องไปที่ม่านสีครีมเพียงชั่วครู่ ม่านสีสวยก็ค่อย ๆ เลื่อนแยกออกจากกันราวกับมีคนชักมู่ลี่อยู่ด้านข้าง กลางดึกที่ดวงจันทร์สว่างเต็มท้องฟ้า จนแสงดาวอันน้อยนิดกะพริบพรายที่ขอบฟ้าอย่างเจียมตัว

เมื่อมองจากภายในห้อง ทำให้ภาพที่เห็นคล้ายกรอบรูปที่มีชีวิต มีการเคลื่อนไหว ด้วยด้านล่างของภาพปรากฏเป็นเงาทะมึนมืดของหมู่แมกไม้ที่โยกไกวตามสายลม ร่างทะนงองอาจยืนพิงขอบกรอบรูปขนาดใหญ่ มองทิวทัศน์ข้างหน้าราวกับตกอยู่ในภวังค์ นานแสนนาน

“นั่นใครกัน” เสียงดุดันข่มขู่ และไฟจากหัวเตียงก็สว่างจ้าขึ้น บุรุษหนุ่มหันกลับไปมองเจ้าของเสียง ยิ้มให้ก่อนสลายร่างจากไป

อนินนาถนิ่งตะลึงเพียงชั่วครู่ด้วยความตกใจ เมื่อตั้งสติได้ จึงร้องเรียกหาบุรุษหนุ่มผู้นั้น

“ท่านเป็นใคร ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” ห้องทั้งห้องยังเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงแอร์คอนดิชั่นที่ทำงานของมันไป

“ไม่ว่าท่านจะมาดี หรือมาร้าย ปรากฏตัวออกมาเถิด ฉันขอร้องล่ะ” อนินนาถลดเสียงลง กลายเป็นคำอ้อนวอน เพราะการข่มขู่คุกคามดูจะไม่ได้ผลกับสิ่งที่สัมผัสได้เมื่อชั่วครู่

“เจ้าไม่กลัวเรารึ” เสียงแผ่วเบาราวคำกระซิบอยู่ข้างหู อนินนาถหันซ้ายหันขวา และถอยห่างจากเสียงที่ได้ยิน

“ท่านปรากฏร่างออกมาเถิด ยิ่งท่านมาแต่เสียง ก็ยิ่งทำให้ฉันกลัว”

บุรุษผู้นั้น แท้จริงยืนอยู่ข้างอนินนาถ เดินตามเธอทุกฝีก้าว ไม่ว่าจะเหยียบย่างไปทางไหน รอยยิ้มของบุรุษหนุ่มเกลื่อนทั่วไปหน้า แววตาเต็มไปด้วยความขบขัน เมื่อเห็นหญิงสาวเคลื่อนตัวไปทางโน้นที ทางนี้ที เดี๋ยวก็หันขวับมาทางนี้ เดี๋ยวก็หันขวับไปทางโน้น

“ตั้งสติให้ดี เราจะปรากฏร่างแล้ว” เสียงเจือหัวเราะของบุรุษหนุ่มกระซิบแผ่วเบาอยู่ริมหู ทำให้อนินนาถผงะออกโดยสัญชาตญาณ อารมณ์ฉุนเฉียวผุดขึ้นมาจนนึกอยากจะขว้างปาข้าวของใส่เสียงเจ้าเล่ห์ที่ได้ยิน

“ฉันตั้งสติดีแล้ว” อนินนาถเดินไปทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ที่จัดวางไว้ริมหน้าต่าง ด้านหลังเธอติดกระจกหน้าต่าง ด้านข้างคือโต๊ะกลมสำหรับจิบกาแฟยามเช้า ส่วนอีกด้านคือ กระถางต้นไม้ที่จัดประดับไว้เพื่อความสวยงาม แม้ไม่ติดเก้าอี้ แต่ก็ไม่น่าจะเพียงพอที่บุรุษที่เธอเห็นเพียงแวบเดียวจะมาปรากฏร่างได้ ฉะนั้นมุมที่เขาจะปรากฏร่างได้ คือ ตรงหน้าเธอเท่านั้น

บุรุษผู้นั้น ยืนอยู่ตรงหน้า ก้มหน้าลงจนเกือบจะชิดใบหน้าของเธอ แล้วถอยห่างออกมา ก่อนจะค่อย ๆ ปรากฏร่างให้เธอเห็นทีละนิด

ร่างชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่เปลือยท่อนบนอวดมัดกล้ามที่ถูกใช้งานและด้วยการออกกำลังกายอย่างนักรบ ทำให้อนินนาถมองตาค้าง ชั่วครู่จึงสงบใจตนเอง สังเกตลักษณะการแต่งกายของชายหนุ่ม สังวาลสายที่คล้องสะพายอยู่นั้นประดับด้วยพลอยสีมรกตที่ทอแสงระยับ พาหุรัด รัดต้นแขน และทองพระกร วับวาวเปล่งประกายด้วยทองวิจิตรประดับพลอยสีเดียวกัน มกุฎบนศีรษะไม่สูง และดูเหมือนกะบังหน้าของบุรุษในภาพสลักหินบนปราสาท ผ้านุ่งใส่เหมือนหยักรั้ง บั้นเอวมัดทบเป็นปมปล่อยชาย รองเท้าสานด้วยหวายอย่างดีและประณีต

“เจ้าประเมินเราเหมือน ...สินค้า”

“ท่านเป็นใครกัน” อนินนาถไม่ตอบคำ แต่ถามกลับด้วยความอยากรู้

“เราเป็นเจ้าของ พระธำมะรงค์นาคาที่เจ้าสวมอยู่” สิ้นคำกล่าว อนินนาถเอื้อมคว้าจะถอดแหวนนาคาทิ้งจากนิ้วมือ

“เราให้เจ้า” เสียงทุ้มนุ่ม สะกดให้อนินนาถหยุดมือลง

“ท่านมีอะไรให้ฉันช่วยหรือ” เมื่อให้แล้ว ไยจึงทำเหมือนหวงแหนตามติด

“เราอยากตามเจ้า พระธำมะรงค์วงนี้ เราให้เจ้า เป็นของเจ้า ขอเพียง เราได้ติดตามเจ้า เท่านั้น”

“แล้วถ้าฉันปฏิเสธไม่รับแหวนวงนี้”

สิ้นเสียง ใบหน้าของบุรุษหนุ่มหม่นไปชั่วแวบเดียวก็จางหาย กลายเป็นสีหน้าทะเล้นเช่นเดิม

“เจ้าไม่รับพระธำมะรงค์วงนี้ เจ้าของพระธำมะรงค์ ย่อมเสียใจ แต่มิเป็นไรดอก เพราะเจ้าของพระธำมะรงค์เจอเจ้าแล้ว ย่อมติดตามเจ้า มิได้ติดตามพระธำมะรงค์” บุรุษหนุ่มเล่นลิ้น ในใจคิดขอให้นางผู้นี้ เชื่อในวาจา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel