ตอนที่ 2 เตรียมใจ
มื้ออาหารค่ำที่บ้านศรัทธานนท์ คุณย่าจันลามองหน้าหลานชายคนรอง อยากรู้ถึงความรู้สึกที่เขามีต่อพีชมนว่าตอนนี้เขาใจอ่อนให้เธอบ้างหรือยัง ตั้งแต่ที่พีชมนเรียนจบก็หมั้นหมายกันแล้วเข้าทำงานที่บริษัทนี่ก็เป็นเวลากว่าสองปีแล้ว
“กวิน หลานไม่รู้สึกอะไรกับหนูพีชจริงๆ เหรอลูก” ผู้เป็นย่าถามในขณะที่หลานชายกำลังตักกับข้าวให้แก่ตนด้วยความอ่อนโยน
ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะทำหน้านิ่งแล้วตอบคุณย่าด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ทว่าแววตานั้นเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ
“ผมไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่าความรำคาญ คุณย่ารู้ไหมครับว่าเธอวุ่นวายกับผมไปเสียทุกเรื่อง แล้วยังโน้ตบ้าบออะไรนั่นอีก นับถอยหลังหนึ่งพันวันอะไรกัน ไม่ต้องมาบอกผมหรอก ไร้สาระจริงๆ แล้วยังจุ้นจ้านวุ่นวายเรื่องอาหารกลางวันของผม”
“แต่ว่าทุกอย่างหนูพีชก็ทำเพื่อหลานทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ หลานกินอาหารไม่ตรงเวลา ไหนจะเป็นโรคกระเพาะอีก อาหารที่หนูพีชจัดให้ก็เป็นอาหารสุขภาพบำรุงร่างกายทั้งนั้น”
“ผมโตแล้วนะครับคุณย่า ผมรู้ว่าจะกินอะไรได้หรือไม่ได้” เขาพ่นลมหายใจด้วยความหัวเสียเมื่อพูดถึงคู่หมั้น
“เอาเถอะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้อย่าพูดถึงเลย”
“ก็เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละครับที่ทำให้ผมรู้สึกรำคาญใจ เธอมาวุ่นวายในชีวิตประจำวันผมไปเสียหมด ขนาดยังไม่ได้แต่งงานกันก็ยังจุ้นจ้านขนาดนี้ ผมไม่อยากนึกสภาพเลย ถ้าคุณย่าบังคับให้ผมแต่งงานกับเธอ เธอไม่ต้องมาวุ่นวายไปถึงเรื่องสีกางเกงในของผมเลยเหรอ” เขาพูดติดตลก แต่สีหน้าและแววตานั้นเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
“หลานรำคาญและไม่ชอบหนูพีชถึงขนาดขนาดนั้นเชียวเหรอ แต่ก็เอาเถอะ ถ้าวันหนึ่งหนูพีชเขาถอดใจจากหลานจริงๆเหมือนอย่างที่เขาได้พูดเอาไว้ ถึงตอนนั้นอย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน ย่าเห็นออกจะบ่อย พระเอกในละครตามง้อนางเอกในตอนท้ายน่ะ” ย่าจันลาพูดด้วยน้ำเสียงที่เอือมระอา หลายชายคนนี้มองข้างเพชรเม็ดงามไปเสียแล้ว
“ไม่มีวันหรอกครับคุณย่า” กวินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ
“เขาเรียกว่าอะไรนะแม่แพรว อาการที่ฉันพูดถึงน่ะ” คุณย่าจันลาหันไปถามแม่บ้านสาวที่ยืนรอรับใช้อยู่ข้างๆ โต๊ะอาหาร
“เรียกว่าโบ้ค่ะคุณย่า” แม่บ้านวัยสามสิบห้าตอบเสียงเบา
“นั่นแหละ ถ้าเกิดโบ้ขึ้นมาตอนไหน ย่าจะรอสมน้ำหน้าแล้ว ย่าก็จะไม่ช่วยจริงๆ”
“ไม่มีวันหรอกครับ ผมนับวันรอเลย สัปดาห์หน้าก็วันเกิดผมแล้ว คอยดูเถอะ ปีนี้เธอก็คงจะวุ่นวายจัดการนั่นนี่เหมือนอย่างทุกปี แล้วก็จะต้องมีอะไรมาเซอร์ไพรส์แบบเว่อร์ๆ นั้นอีก น่าเบื่อจริงๆ”
ย่าจันลาฟังที่หลานชายบ่นแล้วก็ส่ายศีรษะเล็กน้อย แม้จะอายุย่างเข้าวัยสามสิบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และเป็นถึงผู้บริหารบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นด้วยตนเอง แต่เวลาบ่นก็ยังเหมือนเด็กขี้บ่นคนหนึ่งในสายตาของตนอยู่ดี
“จริงสิ พ่อแม่ของหลาน จะขึ้นมาวันไหน” คุณย่าจันลาถามถึงลูกชายและลูกสะใภ้ที่ดูแลกิจการรีสอร์ตทางภาคใต้ ในขณะที่มือก็ตักอาหารไปด้วย
“น่าจะมาก่อนวันงานหนึ่งถึงสองวันนี่แหละครับ”
“ดีๆ แล้วพี่พี่ชายของหลานล่ะจะขึ้นมาพร้อมกันไหม” ย่าจันลาถามถึงหลานชายคนโต ที่ดูแลธุรกิจรีสอร์ตช่วยพ่อแม่ที่นั่น
“รายนั้นคงไม่มาหรอกครับเห็นคุณพ่อคุณแม่บ่นว่า ช่วงนี้กำลังติดพันกับสาวๆ หลายคน น่าจะเคลียร์คิวกันไม่ลงตัว” กวินพูดถึงพี่ชายแล้วส่ายหน้า
คุณย่าจันทร์ลาพ่นลมหายใจก่อนจะบ่นออกมา
“หลานคนหนึ่งก็เจ้าชู้เหลือหลาย หลานอีกคนก็ไม่ยอมมีแฟนไม่ยอมรับคู่หมั้นตัวเองอย่างกับเป็นโรคกลัวผู้หญิง ทำไมไม่มีใครพอดีสักคนเลยนะ”
กวินนิ่งเงียบไม่ตอบ เพราะเขาเห็นความเจ้าชู้ของพี่พี่ชายตัวเองนี่แหละก็เลยไม่อยากมีความรัก ไม่อยากวุ่นวายกับผู้หญิงที่เอาแต่ใจและหาเรื่องทะเลาะได้แม้กระทั่งการเลือกร้านอาหาร แต่ก็ไม่วายจะมีคู่หมั้นวัยเด็กมาจุ้นจ้านตามติดเขาเป็นเงาตามตัวแบบนี้
อีกด้านหนึ่ง พีชมนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว หญิงสาวก็ไปที่ห้องนอนของคุณยายละมุน พยาบาลที่จ้างมาดูแลกำลังนำยาหลังอาหารให้คุณยายกิน พอเห็นว่าเธอเดินเข้ามาก็ยิ้มให้ ก่อนจะรายงานถึงอาการของคุณยายในวันนี้ แล้วเดินออกไปข้างนอกปล่อยให้หลานและยายได้พูดคุยกันตามลำพัง
“พี่เปิ้ลบอกว่าวันนี้คุณยายดื้อ กินข้าวน้อยมาก แบบนี้ทำให้พีชเป็นห่วงนะคะ”
“ไม่รู้ล่ะ ยายรู้สึกใจคอไม่ดีเลย ไม่มีวี่แววว่าพ่อกวินจะมีใจให้หลานเลยหรือ ตอนที่หลานบอกว่าจะใช้เวลาพิชิตใจพี่เขา ยายก็คิดว่าไม่เกินสองสามเดือนเขาก็จะเห็นความน่ารักและความดีของพีชเสียอีก นี่อะไรกัน จนจะสามปีแล้วนะ เขาไม่คิดที่จะใจอ่อนบ้างเลยเหรอลูก” คุณยายละมุนที่เฝ้าการแต่งงานกำลังรู้สึกไม่สบายใจ
“คุณยายอย่าคิดถึงเรื่องนี้เลยค่ะจะเสียสุขภาพเปล่าๆ ถ้าเขาไม่รักเราก็บีบบังคับใจเขาไม่ได้หรอกค่ะ อย่างนี้แล้วก็ดีเหมือนกัน พีชจะคืนอิสระให้เขา พีชเองก็ไม่ต้องเสียเวลา แบบนั้นจะไม่ดีกว่าเหรอคะ”
“แต่ยายรู้ว่าพีชรักพี่เขา”
“รักได้ก็เลิกรักได้ค่ะคุณยาย พีชยอมรับว่าที่อดทนรอมาจนถึงทุกวันนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าพีชรู้สึกดีกับพี่กวิน แต่คนเราจะอาศัยความรู้สึกทางหัวใจอย่างเดียวไม่ได้ ในเมื่อสมองของพีชมันบอกว่าให้พีชถอยออกมา พีชก็จะเลือกที่จะทำตามสมองมากกว่าหัวใจของตัวเองค่ะ” เธออธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“ยายฟังภาษาวัยรุ่นไม่เข้าใจหรอก มันซับซ้อน”
“โธ่คุณยายคะ พีชรู้ว่าคุณยายเข้าใจ แต่แค่รู้สึกผิดหวังที่พีชไม่ได้แต่งงานกับหลานชายของคุณย่าจันลา ไม่เป็นไรนะคะ พีชเชื่อว่าคุณย่าจันลาก็ต้องเข้าใจหลานชายของตัวเองเหมือนกัน”
“เอาละ ยายไม่อยากบีบบังคับใจใครแล้ว เห็นหลานเป็นแบบนี้ยายก็รู้สึกผิดจริงๆ ที่ทำให้พีชเสียเวลามาตั้งนาน” แม้คุณยายจะพูดอย่างนั้น แต่หญิงสาวรู้ดีว่าคุณยายยังคงมีความหวังให้เธอได้แต่งงานกับหลานชายของเพื่อนรัก
“วันนี้คุณย่าจันลาก็โทรมาหายาย บอกว่าสัปดาห์หน้าก็เป็นวันเกิดของพี่เขาแล้ว ปีนี้หลานจะทำอะไรให้พี่เขาล่ะ” ยายละมุนเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลายลง
หญิงสาวนิ่งเงียบไป เมื่อสองปีก่อนวันเกิดของเขา เธอแสดงการเล่นเปียโนในงานร่วมกับนักร้องที่เชิญมาร้องเพลง ได้รับคำชมจากคุณย่าจันลาไม่น้อย แต่กลับทำให้เขาตำหนิว่าเธอพยายามทำตัวโดดเด่นและพยายามเปิดตัว
ส่วนปีที่แล้วเธอไม่ได้ทำตัวให้โดดเด่น เพราะกลัวว่าเขาจะไม่ชอบ แต่หลังจากเลิกงานเธอพาเขาออกไปดูพลุที่จุดให้เขาเป็นการส่วนตัว เธอให้คนจุดพลุเป็นข้อความสุขสันต์วันเกิดอยู่บนท้องฟ้า เขาก็ตำหนิเธอว่าลงทุนเพื่อเขามากจนเกินไป มันทำให้เขารู้สึกอึดอัด
เขาไม่ชอบผู้หญิงที่แสดงออกชัดเจนกับผู้ชายแบบนี้ มันให้ความรู้สึกว่าอยากหนีให้ไกล ตอนนั้นเธอถามเขาว่าเธอต้องทำยังไงเขาถึงจะพอใจ
“ถ้าอยากให้ของขวัญอะไรให้กับผม ผมขอให้คุณออกไปจากชีวิต” นั้นคือคำตอบของเขาเมื่อหนึ่งปีก่อน
วันนั้นเธอร้องไห้ อยากจะถอดใ จแต่ก็เอาเหตุผลว่าแต่งงานเพื่อคุณยายมารั้งตัวเองไว้ ทั้งๆ ที่หัวใจเธอเองนั่นแหละที่ยังไม่อยากจะยอมแพ้
“ปีนี้พีชจะมอบของขวัญที่เขาต้องการที่สุดให้ค่ะ” เธอตอบคุณยายเพียงเท่านั้น
“ดีแล้วล่ะ ว่าแต่เรื่องที่หลานนับถอยหลังอะไรนั่น มันเหลืออีกกี่วันแล้วนะ” คุณยายละมุนถามเพื่อความมั่นใจ
“อีกสามวันค่ะ”
“ถ้าครบสามวันแล้วหลานจะทำยังไง”
“พีชจะยื่นใบลาออกค่ะ แต่ก็จะอยู่ช่วยเตรียมงานวันเกิดให้พี่กวิน ทำงานสุดท้าย จากนั้นพีชก็ก็จะตัดใจจากเขา แล้วคุณยายเองก็ต้องตัดใจด้วยเช่นกันนะคะ”
“แล้วเรื่องนี้หลานจะบอกคุณย่าจันลาไหม”
“เมื่อถึงวันนั้น หนูจะไปหาคุณย่าจันทร์ลาเพื่อคืนแหวนหมั้นด้วยตนเองค่ะ เราสองครอบครัวจะได้ไม่ต้องติดค้างอะไรกันอีก” หญิงสาวอยากร้องไห้ออกมาตั้งแต่ตอนนี้ แต่ก็ไม่อยากให้ยายรู้สึกว่ามีส่วนทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด จึงได้แต่กล้ำกลืนน้ำตานั้นลงไป
แต่แววตาที่โศกเศร้าของหลานสาวก็ไท่อาจปิดบังหญิงชรา
“ยายขอโทษนะพีช ที่ยายเอาแต่ใจ ยายขอโทษที่ทำให้พีชมีความหวังแต่ก็ไม่สมหวัง”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย พีชไม่เคยโทษคุณยายเลย พักผ่อนเถอะนะคะ เลิกคิดเรื่องนี้ได้แล้ว”
คุณยายพยักหน้าก่อนที่จะหลับตาลงช้าๆ เธอรู้ว่าเธอเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว แค่อยากเห็นหลานสาวเป็นฝั่งเป็นฝา แต่ในเมื่อเส้นทางนี้มันทำให้หลานสาวเกิดความทุกข์ เธอก็จะไม่ฝืนใจใครอีกต่อไป
********************
